ชาติอุษาคเนย์จูงมือ 6 ประเทศเอเชีย เปิดเจรจาข้อตกลงเอฟทีเอใหม่
นับเป็นเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
พร้อมเตรียมดันหลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้ ควบปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียน
เมื่อวันศุกร์ บรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศสมาชิกของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้หารือกัน เพื่อเสนอให้ผู้นำชาติอาเซียนประกาศในเวทีอาเซียน ซัมมิต ที่ประเทศกัมพูชา ในวันอาทิตย์ ที่จะเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนใน เดือนกุมภาพันธ์
ความตกลงนี้ มีชื่อว่า Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) ประกอบด้วย 10 ประเทศอาเซียน กับอีก 6 ประเทศคู่เจรจาของอาเซียน คือ ออสเตรเลีย, จีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการอนุมัติในเวทีอาเซียน ซัมมิต ครั้งที่ 19 ที่เกาะบาหลี เมื่อปีที่แล้ว มีเป้าหมายที่จะขยายการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
เจ้าหน้าที่บอกว่า แนวคิดนี้ต้องการสร้างเขตการค้าเสรีภายใต้ความตกลงเพียงฉบับเดียว ซึ่งจะทำให้เกิดระบบตลาดเดียวที่มีประชาชนกว่า 3,000 ล้านคน และมีจีดีพีรวมกันประมาณ 17 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะนับเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เจ้าหน้าที่ของประเทศอาเซียนยังได้พิจารณาร่างเอกสารหลักปฏิบัติว่าด้วยทะเล จีนใต้ ซึ่งกำหนดมาตรการป้องกันและจัดการความขัดแย้งในเรื่องข้อพิพาทเขตแดนทางทะเล ด้วย ซึ่งจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนได้ลงนามไว้เมื่อปี 2545
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ จีนยังไม่ยอมนั่งลงเจรจาข้อตกลงที่จะมีผลผูกพันทางกฎหมายฉบับนี้ โดยยืนยันที่จะแก้ไขข้อพิพาทกรรมสิทธิ์กับบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน ด้วยการเจรจาสองฝ่าย
นอกจากนี้ คาดกันว่า ผู้นำอาเซียนจะอนุมัติปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียน แม้ถูกวิจารณ์ว่ายังมีเนื้อหาไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
บรรดาเจ้าหน้าที่ของอาเซียนออกตัวว่า คนที่วิจารณ์เอกสารฉบับนี้ควรต้องเข้าใจความอ่อนไหวด้านวัฒนธรรมและศาสนาใน ภูมิภาคด้วย "เรามีมุมมองเรื่องสิทธิมนุษยชนแตกต่างกัน เช่น บางประเทศไม่ขัดข้องในเรื่องเกย์และเลสเบี้ยน แต่ประเทศอื่นถือเป็นเรื่องอ่อนไหว เราต้องใช้หลักฉันทามติ"
ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เนวี พิลเลย์ ได้เรียกร้องให้ผู้นำอาเซียนระงับการออกปฏิญญาสิทธิมนุษยชนเป็นครั้งแรกนี้ ไว้ก่อน โดยแย้งว่า กระบวนการยกร่างขาดความโปร่งใส
Source : The Star (Malaysia)
เมื่อวันศุกร์ บรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศสมาชิกของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้หารือกัน เพื่อเสนอให้ผู้นำชาติอาเซียนประกาศในเวทีอาเซียน ซัมมิต ที่ประเทศกัมพูชา ในวันอาทิตย์ ที่จะเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนใน เดือนกุมภาพันธ์
ความตกลงนี้ มีชื่อว่า Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) ประกอบด้วย 10 ประเทศอาเซียน กับอีก 6 ประเทศคู่เจรจาของอาเซียน คือ ออสเตรเลีย, จีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการอนุมัติในเวทีอาเซียน ซัมมิต ครั้งที่ 19 ที่เกาะบาหลี เมื่อปีที่แล้ว มีเป้าหมายที่จะขยายการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
เจ้าหน้าที่บอกว่า แนวคิดนี้ต้องการสร้างเขตการค้าเสรีภายใต้ความตกลงเพียงฉบับเดียว ซึ่งจะทำให้เกิดระบบตลาดเดียวที่มีประชาชนกว่า 3,000 ล้านคน และมีจีดีพีรวมกันประมาณ 17 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะนับเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เจ้าหน้าที่ของประเทศอาเซียนยังได้พิจารณาร่างเอกสารหลักปฏิบัติว่าด้วยทะเล จีนใต้ ซึ่งกำหนดมาตรการป้องกันและจัดการความขัดแย้งในเรื่องข้อพิพาทเขตแดนทางทะเล ด้วย ซึ่งจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนได้ลงนามไว้เมื่อปี 2545
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ จีนยังไม่ยอมนั่งลงเจรจาข้อตกลงที่จะมีผลผูกพันทางกฎหมายฉบับนี้ โดยยืนยันที่จะแก้ไขข้อพิพาทกรรมสิทธิ์กับบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน ด้วยการเจรจาสองฝ่าย
นอกจากนี้ คาดกันว่า ผู้นำอาเซียนจะอนุมัติปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียน แม้ถูกวิจารณ์ว่ายังมีเนื้อหาไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
บรรดาเจ้าหน้าที่ของอาเซียนออกตัวว่า คนที่วิจารณ์เอกสารฉบับนี้ควรต้องเข้าใจความอ่อนไหวด้านวัฒนธรรมและศาสนาใน ภูมิภาคด้วย "เรามีมุมมองเรื่องสิทธิมนุษยชนแตกต่างกัน เช่น บางประเทศไม่ขัดข้องในเรื่องเกย์และเลสเบี้ยน แต่ประเทศอื่นถือเป็นเรื่องอ่อนไหว เราต้องใช้หลักฉันทามติ"
ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เนวี พิลเลย์ ได้เรียกร้องให้ผู้นำอาเซียนระงับการออกปฏิญญาสิทธิมนุษยชนเป็นครั้งแรกนี้ ไว้ก่อน โดยแย้งว่า กระบวนการยกร่างขาดความโปร่งใส
Source : The Star (Malaysia)
by
sathitm
17 พฤศจิกายน 2555 เวลา 16:21 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น