นายกรัฐมนตรี สรุปผลการเยือนสหราชอาณจักร โดย 2 ประเทศ เห็นพ้อง
ที่จะประสานความร่วมมือในด้านต่างๆ กันเพิ่มเติม เพื่อพัฒนางานด้านการค้า
การลงทุนและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาระบบบริหารจัดการน้ำ
และรถไฟความเร็วสูง เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทยต่อไป
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวสรุปผลการเยือนสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ภารกิจนี้ ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะ 2 ประเทศ มีความสัมพันธ์ยาวนาน กว่า 400 ปี และสหรราชอาณาจัก เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของไทยในสหภาพยุโรป
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในฐานะตัวแทนของประชาชนและรัฐบาลไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาแสดงความชื่นชมยินดี เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในปี พ.ศ. 2555
ส่วนการหารือกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 ประเทศได้เห็นพ้อง ที่จะประสานความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้มากขึ้นและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแนวทางขยายการค้า การลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ ในสาขาโครงสร้างพื้นฐาน อุตสหกรรม พลังงานทดแทนและทางเลือก อุตสาหกรรมอาหาร และเทคโนโลยี
ซึ่งประเทศไทย ให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยว และการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินทางไปศึกษาดูงานในโครงการป้องกันน้ำท่วมแม่น้ำเทมส์ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับแผนบริหารจัดการน้ำของไทย ได้เยี่ยมชมระบบรถไฟความเร็วสูง ที่สถานีเซนต์แพนเครส เพื่อศึกษาการบริหารงานรถไฟความเร็วสูงแบบบูรณาการ ร่วมกับระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางในประเทศและเมืองสำคัญในภูมิภาคยุโรป เข้าไว้ด้วยกัน
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวสรุปผลการเยือนสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ภารกิจนี้ ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะ 2 ประเทศ มีความสัมพันธ์ยาวนาน กว่า 400 ปี และสหรราชอาณาจัก เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของไทยในสหภาพยุโรป
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในฐานะตัวแทนของประชาชนและรัฐบาลไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาแสดงความชื่นชมยินดี เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในปี พ.ศ. 2555
ส่วนการหารือกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 ประเทศได้เห็นพ้อง ที่จะประสานความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้มากขึ้นและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแนวทางขยายการค้า การลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ ในสาขาโครงสร้างพื้นฐาน อุตสหกรรม พลังงานทดแทนและทางเลือก อุตสาหกรรมอาหาร และเทคโนโลยี
ซึ่งประเทศไทย ให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยว และการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินทางไปศึกษาดูงานในโครงการป้องกันน้ำท่วมแม่น้ำเทมส์ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับแผนบริหารจัดการน้ำของไทย ได้เยี่ยมชมระบบรถไฟความเร็วสูง ที่สถานีเซนต์แพนเครส เพื่อศึกษาการบริหารงานรถไฟความเร็วสูงแบบบูรณาการ ร่วมกับระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางในประเทศและเมืองสำคัญในภูมิภาคยุโรป เข้าไว้ด้วยกัน
by
wiroon
15 พฤศจิกายน 2555 เวลา 23:00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น