รองประธานาธิบดี สีจิ้นผิง กำลังจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศ
และครองเก้าอี้เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แทนหูจิ่นเทา เขาเป็นพวก
'ลูกท่านหลานเธอ' ซึ่งเติบโตมาในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม
น่าจับตาว่าเขาจะปฏิรูปเศรษฐกิจการเมืองจีนแค่ไหน อย่างไร
ตามธรรมเนียมในระบบการเมืองจีน ผู้นำลำดับรองๆมักสงวนท่าทีที่จะแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นสาธารณะ เพราะไม่ต้องการข้ามหน้าข้ามตาหรือสวนทางกับ "ผู้หลักผู้ใหญ่" สีจิ้นผิงเดินตามขนบจารีตนี้ค่อนข้างเคร่งครัด โลกภายนอกจึงยังมีโอกาสน้อยที่จะได้รู้จักเขาก่อนที่จะเถลิงอำนาจ
โอกาสหนึ่งที่นักสังเกตการณ์ได้สัมผัสสีจิ้นผิง คือ เมื่อสามปีก่อน ตอนที่เขาไปเยือนเม็กซิโก แล้วพูดปกป้องจีนซึ่งมักถูกชาติตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์
"ท่ามกลางวิกฤตทางการเงินระหว่างประเทศ จีนยังคงสามารถทำให้ประชากร 1,300 ล้านคนมีอยู่มีกิน นั่นเป็นคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราที่มีต่อมนุษยชาติ พวกชาวต่างชาติที่ท้องอิ่มและไม่มีอะไรทำ เอาแต่ชี้นิ้วด่าเรา" เขาพูด
"ข้อแรก จีนไม่ได้ส่งออกการปฏิวัติ ข้อสอง จีนไม่ได้ส่งออกความอดอยากและความยากจน และข้อสาม จีนไม่เข้าไปจุ้นจ้านกับใคร แล้วจะเอายังไงกับเราอีก?"
ในวันพฤหัสบดี สีจิ้นผิงได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง เขาจะรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคต่อจากหูจิ่นเทา ซึ่งจะลงจากเก้าอี้ประธานาธิบดีในต้นปีหน้า
สี วัย 59 ปี เป็นบุตรชายของอดีตรองนายกรัฐมนตรีหัวปฏิรูป และรองประธานสภาผู้แทนประชาชน สีจงซวิน เขาจึงถูกจัดเป็นพวก "ลูกท่านหลานเธอ" ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกบรรดาลูกชายลูกสาวของผู้นำจีน ทั้งที่อยู่ในตำแหน่ง, ปลดเกษียณแล้ว หรือวายชนม์ไปแล้ว
เขาเติบโตขึ้นมาในหมู่ชนชั้นนำของพรรค และได้เห็นบิดาถูกขับออกจากอำนาจก่อนหน้าการปฏิวัติวัฒนธรรมในยุคเหมาเจ๋อตง เคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในมณฑลฝูเจี้ยนและเจ้อเจียง ซึ่งเป็นแนวหน้าของการปฏิรูปเศรษฐกิจ
สีจิ้นผิงแต่งงานกับเผิงลี่หยวน นักร้องชื่อดัง เขาเคยบริหารมหานครเซี่ยงไฮ้ในช่วงเวลาสั้นๆ ในตอนนั้น เขาบ่นรำคาญภาษาสุนทรพจน์ที่รกรุงรังด้วยถ้อยคำหรูหรา และขอพูดด้วยภาษาพื้นๆ
ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมระหว่างปี 2509-2519 เขาเป็นยุวชนที่ถูกส่งลงสู่ชนบทเพื่อดัดแปลงตนเอง เรียนรู้สังคมชาวนา และได้เป็นเจ้าหน้าที่ของคอมมูนนารวมแห่งหนึ่ง
เขาเรียนวิศวกรรมเคมีจากมหาวิทยาลัยชิงหัวในปักกิ่ง สถาบันการศึกษาชั้นนำ ซึ่งเป็นแห่งเดียวกับที่หูจิ่นเทาได้เรียน ต่อมา เขาจบปริญญาเอกสาขาทฤษฎีมาร์กซิสต์จากที่นี่
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ขณะเป็นเลขาธิการพรรคประจำอำเภอชนบทแห่งหนึ่งในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งใกล้กับกรุงปักกิ่ง เขาได้เข้าพบกับหูเย่าปัง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในเวลานั้น ที่เรือนรับรองจงหนานไห่ทางตะวันตกของนครต้องห้าม ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
สีเกิดที่มณฑลส่านซี ดินแดนตอนในอันห่างไกล แหล่งค้นพบหุ่นปั้นนักรบดินเผา เขาได้เป็นผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนในเดือนสิงหาคม 2542 หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับมณฑลหลายคนถูกจับในการกวาดล้างคอรัปชั่น
ในเดือนมีนาคม 2550 เขาได้เป็นเลขาธิการพรรคประจำเซี่ยงไฮ้ หลังจากคนก่อนหน้าได้ถูกปลดเพราะฉ้อราษฎร์บังหลวง เขานั่งเก้าอี้ตัวนี้จนถึงเดือนตุลาคม แล้วจึงได้เป็นสมาชิกในคณะกรรมการประจำกรมการเมือง ซึ่งเป็นกลไกอำนาจชั้นสูงสุดของพรรค
Source : Reuters
ตามธรรมเนียมในระบบการเมืองจีน ผู้นำลำดับรองๆมักสงวนท่าทีที่จะแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นสาธารณะ เพราะไม่ต้องการข้ามหน้าข้ามตาหรือสวนทางกับ "ผู้หลักผู้ใหญ่" สีจิ้นผิงเดินตามขนบจารีตนี้ค่อนข้างเคร่งครัด โลกภายนอกจึงยังมีโอกาสน้อยที่จะได้รู้จักเขาก่อนที่จะเถลิงอำนาจ
โอกาสหนึ่งที่นักสังเกตการณ์ได้สัมผัสสีจิ้นผิง คือ เมื่อสามปีก่อน ตอนที่เขาไปเยือนเม็กซิโก แล้วพูดปกป้องจีนซึ่งมักถูกชาติตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์
"ท่ามกลางวิกฤตทางการเงินระหว่างประเทศ จีนยังคงสามารถทำให้ประชากร 1,300 ล้านคนมีอยู่มีกิน นั่นเป็นคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราที่มีต่อมนุษยชาติ พวกชาวต่างชาติที่ท้องอิ่มและไม่มีอะไรทำ เอาแต่ชี้นิ้วด่าเรา" เขาพูด
"ข้อแรก จีนไม่ได้ส่งออกการปฏิวัติ ข้อสอง จีนไม่ได้ส่งออกความอดอยากและความยากจน และข้อสาม จีนไม่เข้าไปจุ้นจ้านกับใคร แล้วจะเอายังไงกับเราอีก?"
ในวันพฤหัสบดี สีจิ้นผิงได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง เขาจะรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคต่อจากหูจิ่นเทา ซึ่งจะลงจากเก้าอี้ประธานาธิบดีในต้นปีหน้า
สี วัย 59 ปี เป็นบุตรชายของอดีตรองนายกรัฐมนตรีหัวปฏิรูป และรองประธานสภาผู้แทนประชาชน สีจงซวิน เขาจึงถูกจัดเป็นพวก "ลูกท่านหลานเธอ" ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกบรรดาลูกชายลูกสาวของผู้นำจีน ทั้งที่อยู่ในตำแหน่ง, ปลดเกษียณแล้ว หรือวายชนม์ไปแล้ว
เขาเติบโตขึ้นมาในหมู่ชนชั้นนำของพรรค และได้เห็นบิดาถูกขับออกจากอำนาจก่อนหน้าการปฏิวัติวัฒนธรรมในยุคเหมาเจ๋อตง เคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในมณฑลฝูเจี้ยนและเจ้อเจียง ซึ่งเป็นแนวหน้าของการปฏิรูปเศรษฐกิจ
สีจิ้นผิงแต่งงานกับเผิงลี่หยวน นักร้องชื่อดัง เขาเคยบริหารมหานครเซี่ยงไฮ้ในช่วงเวลาสั้นๆ ในตอนนั้น เขาบ่นรำคาญภาษาสุนทรพจน์ที่รกรุงรังด้วยถ้อยคำหรูหรา และขอพูดด้วยภาษาพื้นๆ
ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมระหว่างปี 2509-2519 เขาเป็นยุวชนที่ถูกส่งลงสู่ชนบทเพื่อดัดแปลงตนเอง เรียนรู้สังคมชาวนา และได้เป็นเจ้าหน้าที่ของคอมมูนนารวมแห่งหนึ่ง
เขาเรียนวิศวกรรมเคมีจากมหาวิทยาลัยชิงหัวในปักกิ่ง สถาบันการศึกษาชั้นนำ ซึ่งเป็นแห่งเดียวกับที่หูจิ่นเทาได้เรียน ต่อมา เขาจบปริญญาเอกสาขาทฤษฎีมาร์กซิสต์จากที่นี่
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ขณะเป็นเลขาธิการพรรคประจำอำเภอชนบทแห่งหนึ่งในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งใกล้กับกรุงปักกิ่ง เขาได้เข้าพบกับหูเย่าปัง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในเวลานั้น ที่เรือนรับรองจงหนานไห่ทางตะวันตกของนครต้องห้าม ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
สีเกิดที่มณฑลส่านซี ดินแดนตอนในอันห่างไกล แหล่งค้นพบหุ่นปั้นนักรบดินเผา เขาได้เป็นผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนในเดือนสิงหาคม 2542 หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับมณฑลหลายคนถูกจับในการกวาดล้างคอรัปชั่น
ในเดือนมีนาคม 2550 เขาได้เป็นเลขาธิการพรรคประจำเซี่ยงไฮ้ หลังจากคนก่อนหน้าได้ถูกปลดเพราะฉ้อราษฎร์บังหลวง เขานั่งเก้าอี้ตัวนี้จนถึงเดือนตุลาคม แล้วจึงได้เป็นสมาชิกในคณะกรรมการประจำกรมการเมือง ซึ่งเป็นกลไกอำนาจชั้นสูงสุดของพรรค
Source : Reuters
by
sathitm
8 พฤศจิกายน 2555 เวลา 10:39 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น