ที่มา go6tv
วัน
ที่ 27 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ชี้แจงการบริหารราชการแผ่นดิน
ในระหว่างร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของ
พรรคฝ่ายค้านว่า รัฐบาล
มุ่งมั่นที่จะทำตามนโยบายที่ได้เสนอไว้ต่อรัฐสภาเมื่อรัฐบาลเข้ารับตำแหน่ง
โดยเฉพาะนโยบายจำนำข้าว
นั้นเป็นนโยบายที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรแต่ข้อห่วงใยต่างๆ
ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สะท้อนออกมานั้นรัฐบาลได้พยายามดำเนินการแก้ไข
ประเด็นเรื่องการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นนั้นก็ได้ดำเนินการมาตลอด
แล้วก็ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการแล้วอย่างเคร่งครัด
สำหรับ
ปัญหาชายแดนภาคใต้รัฐบาลก็ได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์
การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กบต.) ขึ้นมาแก้ไขปัญหา
โดยผลักดันให้หน่วยงานต่างๆ แก้ไขปัญหาได้อย่างมีเอกภาพและบูรณาการ
แต่ในส่วนงานด้านความมั่นคงก็ยังเป็นเรื่องของกองทัพและตำรวจ
สำหรับประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความเป็นธรรมต่อการแต่งตั้ง
โยกย้ายข้าราชการของกระทรวงกลาโหมนั้น
ต้องเรียนตามตรงว่าการบริหารราชการแผ่นดินเป็นงานที่มีสายการบังคับบัญชาตาม
กฎหมายอยู่แล้ว รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงเกี่ยวข้องได้
“ยืน
ยันว่าการทำงานการเมืองนั้นได้ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
โดยไม่เคยคิดที่จะเลือกปฏิบัติ หรือแทรกแซงเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง
การกล่าวหาว่าดิฉันลอยตัวอยู่เหนือปัญหานั้นต้องปฏิเสธว่าข้อกล่าวหานี้ไม่
เป็นความจริง เพราะคำว่าลอยตัวนั้นแตกต่างจากคำว่าไม่รับผิดชอบ
ซึ่งเราได้ทำงานร่วมกันในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำงานเป็นทีมเวิร์ค ภายใต้
พระราชบัญญัติการบริหารราชการแผ่นดิน
แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้มอบนโยบายก็ไม่ได้ก้าวก่ายหรือแทรกแซงใดๆ
ซึ่งผู้นำฝ่ายค้านในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี
ก็คงทราบดีว่านายกรัฐมนตรีนั้นไม่ได้รู้ทุกเรื่อง
หลายเรื่องจึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจี้แจง
และยืนยันว่าทุกข้อกล่าวหาจะมีการชี้แจงต่อประชาชนอีกครั้ง”
สิ่ง
ที่รัฐบาลได้ดำเนินการมานั้นถูกต้องตามหลักการและมุ่งมั่นสร้างประโยชน์ให้
พี่น้องประชาชน โดยพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยและชาวต่างประเทศ
ซึ่งก็ดีใจที่ได้ทำให้คนไทยมีโอกาสลืมตาอ้าปาก
แต่ภายใต้กระบวนการประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา
การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ถือว่าเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ
รัฐบาล และรัฐบาลก็พร้อมให้ตรวจสอบ
ซึ่งข้อถกเถียงต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างการอภิปรายทั้ง 3
วันนั้นเป็นโอกาสดีที่จะได้แก้ไขปัญหาร่วมกัน
“การ
ทำงานการเมืองนั้นอยากเห็นการเมืองเหมือนเกมกีฬา ที่มีกติกา มีแพ้
มีชนะและมีจบ สมัยที่ยังเด็กคุณพ่อ เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยเป็น ส.ส.
เมื่อจบสภาแล้วฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลคุยกันได้ เดินไปไหนก็คุยกันได้
อยากให้บรรยากาศนั้นกลับมาอีกครั้งเพื่อให้สมาชิกทำงานเพื่อประชาชนร่วมกัน
และขอยืนยันด้วยเกียรติ ด้วยจิตวิญญาณรักชาติรักประเทศไทย
ว่าจะทำงานด้วยความมุ่งมั่น ก้าวฝ่าวิกฤต และเสริมสร้างประชาธิปไตย
ให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง และจะรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ
ศาสนาและพระมหากษัตริย์”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น