แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ชาวนาผู้ (ไม่) มีอำนาจเต็ม บันทึกของ Pseudo farmer ท่ามกลางกระแส Pseudo demand

ที่มา ประชาไท


เมื่อคืน เสียงรถคูโบต้าปั่นนาจากนาข้างๆเงียบลงเมื่อสักราวสามทุ่ม
เจ้าของนาเพิ่งเกี่ยวข้าวเสร็จไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เห็นว่าขายให้คนที่มาซื้อไปทำข้าวปลูกได้เกวียนละหมื่นสอง  (ข้าวปลูก = ข้าวทำพันธุ์)
วันนี้เสียงรถย่ำนา ดังทั้งวัน พรุ่งนี้เดาว่าแกน่าจะลูบเทือก เตรียมชักร่องหว่านข้าว เห็นว่าแช่ข้าวปลูกไว้แล้ว
 อยู่ที่นี่มาหลายปี ฉันไม่เคยเห็นแกเว้นนาไว้เป็นเดือนสองเดือนสักที  อย่างเร็วก็อาทิตย์นึง อย่างช้าก็ไม่เดินเดือน  เป็นเรื่องปกติของชาวนาปรังแถวนี้ คงมีแต่ Pseudo farmer อย่างฉันเท่านั้นที่เว้นนาเกือบสองเดือนแล้วเพิ่งจะเริ่มหว่านข้าว
ยังเคยแซวแกเล่นๆว่าจะรีบไปไหน แกไม่ตอบ แค่หัวเราะ  ทำนาถี่ขนาดนี้ฉันก็เห็นแกได้ข้าวตลอด (นึกในใจ แกไม่เคยพลาดเลย เก่งจริงๆ)
ฉันเสียอีกแกคอยแต่ถามว่า เมื่อไหร่จะหว่านข้าว เขาลงกันหมดแล้ว  ฉันก็ได้แต่หัวเราะตอบแกไปว่า หมักฟางไว้ก่อน ให้ฟางมันเป็นปุ๋ยก่อน  (ตามตำราเราจะไม่เผาปุ๋ย (ฟาง) ทิ้ง)
สองสามวันมานี้บทความนักเศรษฐศาสตร์ล่องลอยอยู่ในหัวของฉัน เขาเหล่านั้นต่างก็เป็นห่วงเป็นใยว่า ตลาดข้าวอันเปราะบางของชาวนานั้น จะมีอันล่มสลายลงในระยะเวลาอันไม่นานนี้  อันเนื่องมาจากนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล
 เขาเหล่านั้นพากันเป็นห่วงว่าชาวนาจะพากันปลูกข้าวเกรดต่ำ ที่ไม่ต้องการการดูแลมากนัก จนข้าวล้นตลาด รัฐบาลไม่มีเงินมาหมุนเวียน เจ๊ง ไปตามๆ กัน  อะไรกันวะ ฉันคิดในใจ  น่ากลัวว่ะ
ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เขาได้ชี้ให้เห็นว่าตลาดข้าวตอนนี้มันเป็นตลาดที่ เต็มไปด้วยความต้องการเทียม  Pseudo demand อันเป็นอันตรายและเปราะบางอย่างยิ่ง  ตายห่ากันหมดแน่ ฉันคิด
เสียงเครื่องรถไถนา ย่ำนา ดังหนักหน่วงขึ้นเป็นบางครั้ง คงเป็นจังหวะที่รถติดหล่ม คนบังคับคันจึงต้องเร่งเครื่องขึ้นให้มีแรงดึง เสียงเครื่องช่วงนี้จึงดังมากกว่าปกติ  แดดร้อนๆ ตอนบ่ายๆ นาเกือบยี่สิบไร่ของแก กว่าจะเสร็จคงเย็น ไม่มีใครมาคอยยืนดูหรอกว่าทั้งวันนี้แกขับรถไถย่ำนาย่ำไปย่ำมา ทั้งหมดกี่รอบ กว่าที่ดินโคลนในนาจะละเอียด เนียน  เรียบ เสมอ เพื่อให้ดินพร้อมสำหรับการงอกของเมล็ดข้าวในอีกวันสองวันนี้   นักเศรษฐศาสตร์คงไม่มานั่งนับหรอก แล้วก็ไม่มีใครที่ไหนมานั่งนับหรอก  ใครจะบ้ามานับ ฉันคิด
อะไรมันจะง่ายขนาดนั้น เมื่อบางคนบอกว่า เมื่อรัฐบาลรับซื้อทุกเมล็ด การไม่ต้องเสี่ยงด้านราคาก็กลายเป็นแรงดึงดูดให้มีคนเข้าสู่การผลิตที่ไม่มี ความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจอะไรเลย 
อือ ต่อไปพวก I gone a be a farmer  คงจะได้เป็น farmer  ตัวจริงกันเสียที ดีมั้ยล่ะ จะได้ไม่ต้องมาฟูมฟายต่อมน้ำตาแตกว่าชาวนาจะหมดไปจากประเทศนี้ซะที
เขาเหล่านั้นได้ชี้ให้เห็นว่าการขยายตัวของการปลูกข้าวในฤดูกาลที่ผ่านมา นั้นเป็นสัญญาณเตือน แล้วว่า หายนะกำลังจะมาเยือน  ข้าวปริมาณมากที่เข้าโครงการ จนรัฐบาลเตรียมเงินไว้จ่ายให้ยังไม่พอ  ผ่านไปสองสามเดือน ชาวนาปรังแถบภาคกลางหลายคนยังไม่ได้เงินกันก็มี   แถวบ้านฉันก็หลายคน หลักสองสามแสน สี่ห้าแสนก็มี  เอาไงล่ะ จะได้รึปล่าวยังไม่รู้      รัฐบาลเจ๊งแล้ว เสียงชาวบ้านบอก……
ความต้องการเทียม Pseudo demand  ทำให้เกิดการขยายตัวของการปลูกข้าวเกรดต่ำ ที่ไม่ต้องการการดูแลมากนัก
อายเขามั้ย ชาวนาที่ไหนกัน พากันปลูกข้าวเกรดต่ำ ให้เขาว่าเอา อายเขามั้ย  ไม่อายหรอก.... ว่าได้ว่าไป ไม่สนใจหรอกเว้ย ปากท้องไม่มีกิน อันนี้สิของจริง  หรือใครว่าไม่จริง 
อะไรคือความหมายว่า ไม่ต้องการการดูแลมากนัก โธ่เอ๋ย ลงทุนลงแรงไป ใครจะไม่ดูแล
แล้วอะไรคือความหมายของข้าวเกรดต่ำ อย่างเขาว่า สงสัยเสียจริง  ???
ข้าวนาปรังอายุสั้นกว่า 95 วัน ที่คุณภาพแป้งไม่ดีน่ะรึ     ข้าวพวกนี้โรงสีส่งออกมันรู้จะตายเอาไปนึ่งสีขายเป็นข้าวนึ่ง ขายได้อยู่ดี  หรืออย่างน้อยมันก็ต้องมีตลาดของมัน จนได้ ถ้าไม่ดี แล้วทำพันธุ์ออกมาทำไมล่ะ  ถ้าข้าวอายุสั้นมันมีเหตุผลของการคงอยู่ของมันชัดเจน ก็หาตลาดให้มันเลยสิ อย่ามาเรียกว่าข้าวเกรดต่ำ แล้วใครล่ะ ทำพันธุ์ข้าวเกรดต่ำออกมา รู้รึปล่าว ไม่รู้อีก
ข้าวนาปรัง แป้งแข็งโป๊ก คนชั้นกลางกินไม่ได้ ไม่ถูกปาก ลิ้นติดข้าวมะลิไปหมดแล้ว   แต่เรื่องจริงคือข้าวพวกนี้นอกจากเอามาขายเป็นข้าวราคาพอเพียงให้คนขายข้าว แกงเอาไปหุงขายพวกอาจารย์ตามมหาลัยกินตามโรงอาหารตอนเที่ยงแล้ว  (ไม่มีใครบ้าเอาข้าวมะลิมาหุงขายข้าวแกงหรอก แพงตายห่า)  ข้าวแข็งๆพวกนี้ยังเป็นข้าวที่เอามาแปรรูปเป็นแป้งสารพัดแป้ง ในโรงงานอาหารทั้งหลาย  อาทิ เส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นขนมจีน ทั้งหลาย นั่นแล  หากใครเอาข้าวมะลิมาแปรรูป ก็คงต้องขายแพงหน่อยแหละ แล้วคงต้องทำฉลากตัวโตๆ ว่าทำมาจากข้าวหอมมะลิแท้ๆ (รึปล่าว) ก็ไม่รู้อีก
แล้วถ้ามีเกรดต่ำ มันก็ต้องมีเกรดสูง อะไรคือข้าวเกรดสูงที่ว่า
ข้าวมะลินาปี (นาน้ำฝน)  ที่ปลูกได้ปีละครั้งน่ะรึ ผลผลิต เก่งยังไง ก็ไม่น่าจะเกิน 80 ถังต่อไร่   ถ้าอาจารย์ตามมหาลัยหรือนักเศรษฐศาสตร์อยากกินข้าวมะลิ 100 % ก็ต้องไปซื้อข้าวคุณธรรมมากิน แพงหน่อย แต่ถือว่าอุดหนุนให้ชาวบ้านทำตลาดเอง ราคาสินค้าเกษตรอินทรีย์ (แท้ๆ) น่ะ สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของการผลิตนะ ท่านคงรู้ดี  หรือง่ายกว่านั้นไปทำคอนแท็คฟาร์มมิ่งกับชาวบ้านเลย รับรองได้กินข้าวมะลิ 100%แน่นอน
จะมีข้าวเกรดสูงอันไหนอีก หรือว่าข้าวนาปรังอย่างหอมปทุม อายุ 120 วัน ผลผลิต 80 ถังต่อไร่ขึ้น ปลูกได้ทั้งปี โรงสีชอบ เอาไปผสมข้าวหอมมะลิได้สบายคนกินไม่รู้หรอก  ขายพวกอาจารย์มหาลัยอีกน่ะแหละ ข้าวหอมมะลิ 100%  โดนหลอกทั้งปี 
อะไรคือข้าวเกรดดี ที่ว่า ???   ไม่เป็นไรยังไงฉันก็เข้าใจว่านี่คือความเป็นห่วงเป็นใย ตลาดข้าวคุณภาพดีของประเทศ จะล่มสลาย (อีกแล้ว)   ห่าเอ้ย โรงสีไหนส่งออกเอาข้าวอื่นปนมะลิ มันไม่รู้กันรึไงวะ
แล้วถ้าของมันมีหลายเกรดก็ขายตามเกรดสิ  ออกจากนามันของใครของมันอยู่แล้ว มันจะมาปนกันตอนไหน ก็ต้องเข้าไปจัดการสิ  ฉันคิด ชาวนาที่ไหนจะขายข้าวปนๆกันล่ะ
อะไรๆ ก็ไปลงที่โครงการรับจำนำข้าว นี่แหละ จะทำให้ตลาดข้าวล่มสลาย (อีกแล้ว)
ใช่ ฉัน ยอมรับว่าโครงการนี้ยังมีกลุ่มชาวนาที่ไม่ได้ประโยชน์อยู่จริง ส่วนหนึ่ง แต่จะกี่ล้านคนไม่ทราบแน่
โดยเฉพาะกลุ่มชาวนาจนกับชาวปลูกข้าวกินเอง แต่พูดอีกก็ถูกอีก  แล้วทำไมต้องเอามาใส่เข่งเดียวกัน ในเมื่อความซับซ้อนของปัญหามันมีมากมาย ทำไมไม่เสนอนโยบายอื่นๆ ที่จะเอื้อต่อเขาเหล่านี้ขึ้นมาล่ะ ไม่ว่าจะ เรื่องที่ดินทำกินเอย เรื่องหนี้สินเอย เรื่องสวัสดิการสังคมเอย ฯลฯ ฉันคิด ก็ในเมื่อเราก็รู้กันอยู่ว่ามันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง (ฉันไม่รู้หรอกโครงสร้างอะไร แต่เห็นเขาพูดกัน เท่ห์ดี)
ฉันเพิ่งหัดทำนามาไม่กี่ปี (แม้ว่าบรรพบุรุษ ปู่ย่าตายาย ทวด ของทวด ของทวด จะพากันเป็นแต่ชาวนามาตลอดก็ตาม พ่อแม่ส่งเรียนหนังสือหนังหาแล้ว ก็ยังอยากมาเป็นชาวนาอีก ทำไปได้ )   ฉันรู้ว่าฉันยังทำนาไม่เก่ง ได้ข้าว แค่ 85 ถังต่อไร่ บ้าง 90 ถังต่อไร่บ้าง บางเที่ยวไหว้เจ้าที่เจ้าทางดี ได้ ข้าว 100 ถังต่อไร่ ก็มี บ้าง  แต่ก็นั่นแหละ ฉันยังไม่เก่ง ฉันถ่อมตัวกับตัวเอง
ฉันเห็นว่าหลังจากมีโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ชีวิตชาวนาหลายๆ คนเขามีความหวังขึ้นมาก   ฉันมีเรื่องราวของคนเหล่านี้มากมาย บันทึกอยู่ในเม็มโมรี่ ที่ไร้ดีมานด์ ซัพพลาย ของฉัน แน่นอน นักเศรษฐศาสตร์ คงยากจะเข้าใจ เพราะมันเป็นความรู้สึก ไม่ได้เป็นเหตุเป็นผล อย่างวิทยาศาสตร์  ดีใจจริงๆที่ฉันไม่ใช่นักอะไรทั้งนั้น   พวกอัตวิสัย มิตรสหายบางคนว่าฉัน
นึกถึงปี  2554 ในปีนั้น เมื่อขนข้าวไปขายที่ลาน ฉันรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้อำนาจต่อรองอะไรทั้งนั้น   และคงไม่แค่ฉัน ติอาจจะรวมถึงชาวนาคนอื่นๆด้วย  ต้องขายข้าวราคาถูกๆ แล้วมารอคอยเงินช่วยเหลืออีกนิดหน่อยจากรัฐบาล   แค่นั้น ชีวิตมีความหวังอะไร กับเงินที่เขาให้ ต่อให้ข้าวดียังไง รวมแล้วยังไงก็ได้ไม่เกินเกวียนละหมื่น  พวกที่ชอบถามหาศักดิ์ศรีชาวนาไม่เห็นออกมาโวยวายเลยอ่ะ (ฮา)

เรื่องย่อ ปี 2554
ลานแรก    ตาย ดูข้าวสิ  พี่ยังไม่ตีราคาให้นะ มันตีไม่ได้…..
ลานสอง    หกพันห้าร้อย ได้แค่นี้แหละ ข้าวไม่สวยเลย  ขายมั้ย
ลานสาม   เจ็ดพัน ตกลงนะ เอาไปเทเลย
แม่ (เมีย) เดี่ยวรอเงินส่วนต่าง  จะได้เท่าไหร่ไม่รู้
แม่ (เมีย) เขาโอนเงินส่วนต่างให้แล้วนะ ได้ไร่ละ พันหก
เหลือเงินไว้ลงทุนต่อพอดี

เรื่องย่อ ปี 2555
พี่หนูไปจองรถคันแรกแล้วนะ รออีกสามเดือน  ได้ขับรถป้ายแดงแล้ว
แม่เกี่ยวข้าวแล้วเด้อ ได้แปดเกวียน ยี่สิบถัง เข้าโครงการแล้ว ยังท่าเงินอยู่ เอื้อยโตสิได้มีเงินเก็บแน่ ขายผักทุกมื้อกะพอได้ใช้ เงินขายข้าวเฮากะเก็บไว้ให้ลูกมันเรียนหนังสือ
 ( แปล: แม่เกี่ยวข้าวแล้วนะ ได้แปดเกวียน ยี่สิบถัง เข้าโครงการรับจำนำแล้ว ยังรอเงินอยู่ พี่สาวลูกจะได้มีเงินเก็บบ้าง ขายผักทุกวันก็พอได้ใช้จ่าย เงินขายข้าวก็เก็บไว้ให้ลูกเขาเรียนหนังสือ)
เกี่ยวไปอาทิตย์ก่อน อาทิตย์นี้หว่านแล้ว  ใส่ข้าวอะไรล่ะ ?  ใส่ 51  มันเบาดี  
เกี่ยวแล้วได้กี่เกวียน  16 ไร่ ได้ 15 เกวียน ขายข้าวปลูกไปแล้ว  รอสักหน่อยว่าจะลงอีก
(เพิ่มเติม: ข้าวเบอร์ 51 เป็นข้าวนาปรังอายุสั้นประมาณ 95 วัน ก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว ชาวนาบางคนชอบเพราะเร็วดี  แต่ไม่ใช่ชาวนาทุกคนจะชอบปลูกข้าวอายุสั้น เพราะข้าวอายุสั้น ต้องการการดูแลแบบที่มีระยะเวลาชัดเจน เช่น ใส่ปุ๋ย ฉีดยา จะมัวเอ้อระเหยไม่ได้  เพราะอายุสั้น ไม่กี่วันก็ออกรวง ถ้าดูแลไม่ดี ผลผลิตก็จะต่ำ )
อะไรอีก อ๋อ  ฉันสิเป็นชาวนา
ชาวนาต้องทำตลาดเอง ทำข้าวคุณภาพ ไม่ต้องง้อพ่อค้าโรงสี
ต้องปรับเปลี่ยนการผลิตแบบมีเงื่อนไข  ลดการใช้สารเคมี  ไม่ใช่รอให้รัฐบาลช่วยเหลืออย่างเดียว
ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์  เพื่อสุขภาวะที่ดี  เพื่อฟื้นฟูวิถีชุมชน      ฯลฯ
อย่างไม่หลอกตัวเอง วันที่ขนข้าวไปขายลานนั้น ฉันรู้สึกว่า ตัวเองมีอำนาจเต็มยังไงไม่รู้ โรงสีให้ราคางามๆ ตามคุณภาพข้าวของฉัน (มีตารางความชื้นและราคา ติดอยู่ที่โรงสี ที่เข้าโครงการ)  วัดความชื้น ฉันบอก  ราคาจำนำ หมื่นห้า วัดความชื้นแล้วได้ราคาเกวียนละหมื่นสามพันแปดร้อย  ข้าวสิบหกเกวียน ได้เงินมาสองแสนกว่า  กูรวยแล้ว ฉันคิด แม้ว่าจะต้องรอเดือนกว่าๆ และเข้าออก ธกส. หลายครั้งก็ตาม  ได้มีโอกาสเห็นหน้าชาวนาคนอื่นๆ ไปยืนรอกันที่ ธกส. จนล้นออกมาข้างนอก  เงินออกรึยัง คือคำถามสุดฮิต
เสียงรถย่ำนายังไม่หยุด  เสียงพ่อนั่งดูมวยในทีวี เชียร์มวยอยู่เย้วๆ คนเดียว บางจังหวะ ก็ หลบศอก หลบ หมัด ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง  พร้อมกับเสียงคอมเมนต์ นักมวยฝ่ายแดงบ้าง ขวาบ้าง เป็นระยะ ตั้งแต่จำได้ ก็เห็นแกชอบนักดูมวยเนี่ย    อายุ 68 แล้ว พ่อเป็นชาวนามาอาชีพเดียว ทุกวันนี้แกก็ยังต้องมาช่วยฉัน Pseudo farmer  ทำนา ตามประสาคนเคยทำมาก่อน เห็นนั่นเห็นนี่แล้วอดไม่ได้ ฉันได้แต่คอยห้ามเพราะพ่อไม่แข็งแรง โรครุม จะว่าไป แกก็เป็นไอดอลโฆษณาของ สสส. เชียวนา    “ จน เครียด กินเหล้า”

เรื่องเล่าของพ่อมีมากมาย ฟังเวลาไหน ก็เศร้าอยู่อย่างนั้น
ยามขายข้าว รถสิบล้อมันเล่นมาจอดฮอดลานโลด เถ้าแก่เขาเอาสากบดข้าวมาอันใหญ่ท่อขาอ้งพู่นน่ะ  (ขาอ้ง = ต้นขา)
                (แปล: เวลาขายข้าว รถสิบล้อวิ่งมาจอดที่ลานเลย เถ้าแก่เอาสากบดข้าวมาอันใหญ่เท่าต้นขาแน่ะ)
บางคนเฮ็ดนาซื่อๆ ยามขายข้าว ลูกเมียนั่งไฮ้ เฝ้าลาน เขามาตวงข้าวไปเมิด
                (แปล: บางคนทำนาเฉยๆ เวลาขายข้าว ลูกเมีย นั่งร้องไห้เฝ้าลาน เขามาตวงข้าวในลานไปหมด เพราะไปเอาเงิน (เงินตกดอกข้าวเขียว) เขามาใช้ก่อนแล้ว)
บางคนพอบ่มีหยังกินกะไปเอาเงินดอก สุดท้ายกะได้เอาใบนาไปจำนอง
                (แปล: บางคนพอไม่มีอะไรกินก็ไปเอาเงินเขามาก่อน สุดท้ายก็ต้องเอาใบนาไปจำนอง)
บดแล้ว มันกะติว่าข้าวป่น ให้ท่อนั้น ท่อนี้ ขายบ่  ซ้ำบ่หนำเอาเงินตกดอกเขามาใช้แล้ว  เถ้าแก่มาตวงเอาข้าวไปแล้ว เหลือท่อใด๋ จั่งได้ขาย
                (แปล: บดแล้วเขาก็ติว่าข้าวป่น หักไป ให้ราคาเท่านั้น เท่านี้ ขายมั้ย)
แต่ก็ นั่นแหละ เหล่านักต่างๆ เหล่านั้น เขาคงไม่เข้าใจ ความรู้สึกของฉัน  อัตวิสัย เขาคิด รัฐบาลกำลังจะทำให้ตลาดข้าวพัง (อีกแล้ว)
อาจจะเกือบทุกคนที่เชื่อว่าผีมีจริง และแน่นอนเกือบทุกคนเมื่อคิดว่าผีจะหลอก ก็ต้องวิ่งหนีผี เพราะเกือบทุกคนก็ต้องเชื่อว่าผีทุกตัวส่วนใหญ่ก็จะต้องหลอก ดังนั้นจึงต้องวิ่งหนีผีไว้ก่อนเพื่อไม่ให้ตัวเองจับไข้หัวโกร๋น  มันก็เป็นเหตุเป็นผลกันดี
อาจจะมีคนจำนวนน้อยที่คิดว่าน่าจะหันมาคุยกับผีดีๆ  เจ้าเป็นอะไรตาย.... หรือมีอีกน้อยมากบางคนที่จะถามขอหวยจากผี และแน่นอนนักเศรษฐศาสตร์ทุกคนจะต้องเชื่อว่าหวยที่ผีบอกนั้นไม่มีทางที่จะ ถูกสามตัวตรง
ไม่มีอะไร ฉันก็กลัวผีเหมือนกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น