วันที่16 มกราคม 2556 (go6TV)
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชกากรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย
ได้เข้ายื่นเอกสารเกี่ยวกับผลการสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กรณีเคยถูกกล่าวหาว่าต้องคดีขโมยวิทยุ
ที่สหรัฐอเมริกา เอกสารเกี่ยวกับการได้รับพระราชทานยศ พล.ต.ต. รวมทั้งเอกสารการเปลี่ยนชื่อจาก
“ไพรัช” เป็น “พงศพัศ”
ต่อ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา
ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร
โดยพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า
กรณีที่เป็นข่าวว่าตนมีปัญหาในเรื่องของคุณสมบัติการลงสมัครจาก 2 ประเด็นดังกล่าวนั้นเห็นว่าเป็นการคาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง
โดยในเรื่องที่กล่าวหาว่าเคยต้องคดีขโมยวิทยุนั้น
ข้อเท็จจริงมีการกล่าวหาเรื่องนี้เมื่อปี 41 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนจนแล้วเสร็จในปี 43 โดยสั่งให้ยุติเรื่องทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เมื่อวันที่ 11 ก.ย.43ซึ่งผลสรุปว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์
ส่วนที่กล่าวหาว่าเปลี่ยนชื่อเพื่อขอรับพระราชทานยศ
พล.ต.ต.นั้น ตนติดยศ พ.ต.อ.ตั้งแต่ปี 38 ในชื่อ
พ.ต.อ.ไพรัช พงษ์เจริญ
และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง พล.ต.ต.ในปี 40 ซึ่งก็ยังใช้ชื่อเดิมอยู่ จนปี 41
เห็นว่าเรื่องร้ายที่เจอได้ผ่านพ้นไปแล้วภรรยาจึงได้ขอให้เปลี่ยนชื่อ จึงเปลี่ยนมาเป็นชื่อ "พงศ์พัศ"
ดังนั้นที่กล่าวหาว่าเปลี่ยนชื่อเพื่อขอรับพระราชทานยศ พล.ต.ต. จึงไม่เป็นความจริง
“ผม
ถูกให้ร้ายมานับสิบๆ ปี
แต่ก็ไม่เคยคิดอะไรมาก ถือว่าให้มันผ่านๆ ไปแต่เผอิญขณะนี้มีการเลือกตั้ง
ฝ่ายกฎหมายของพรรคก็พิจารณาอยู่ว่ามีจุดอยู่บ้างที่เป็นปัญหา
ผมก็ขอว่าไม่ให้พิจารณาเรื่องนี้เพราะจะนำมาให้กับกกต. เอง
เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะเป็นห่วงสื่อมวลชน และน้อง ๆ
ที่ไปโพสต์ข้อความในโชเชียลเน็ตเวิร์คโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าอาจจะถูก
ดำเนินคดีได้
เพราะมาตรา 57 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น ใช้คำว่าห้าม“ผู้ใด”กระทำการใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ
อีกทั้งขณะนี้มีประกาศให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แล้วเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา จึงไม่อยากให้ทุกคนมีความผิด” พล.ต.อ.พงศพัศ
กล่าว
พล.ต.อ.พงศพัศ ยังกล่าวอีกว่า
ส่วนตัวไม่มีเจตนาที่จะไปฟ้องร้องใคร เพราะคิดว่าเรื่องผ่านไปนานแล้ว และไม่มีมูล
อีกทั้งแนวนโยบายการหาเสียงก็เป็นเชิงบวก ไม่อยากใส่ร้ายใคร
แต่หลังจากนี้หากมีผู้นำเรื่องนี้มาพุด หรือเขียนถึง ก็จะรวบรวมไว้
เพราะพรรคก็ถือว่ามีส่วนเสียหาย
ด้านพล.ต.ท.ทวีศักดิ์
กล่าวว่า
หลังปิดรับสมัครแล้วทางกกต.ท้องถิ่นประจำกรุงเทพมหานครก็จะทำการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครให้แล้วเสร็จภายใน
7
วันดังนั้นไม่เกินวันที่31 ม.ค.
ปลัดกรุงเทพมหานครในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งท้องถิ่นประจำกรุงเทพมหานครก็จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง
ดังนั้นขออย่าได้กังวล เพราะจะเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติทั่วๆ ไป
เมื่อถามว่า
หากมีผู้นำเรื่องดังกล่าวขึ้นมากล่าวหาพล.ต.อ.พงศ์พัศอีก จะถือเป็นความผิดตามมาตรา
57
ของพ.ร.บ.เลือกตั้งแล้วใช่หรือไม่
ประธานกกต.กทม. กล่าวว่า ถือว่าผิดแล้วเพราะขณะนี้มีประกาศให้มีการเลือกตั้งแล้ว
แม้ขณะนี้จะยังไม่มีการเปิดรับสมัครแต่ พล.ต.อ.พงศ์พัศ ก็ได้เปิดตัวแล้ว
อีกทั้งมีผลสอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ยุติเรื่องนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น