การแยกประชาชนผู้ร่วมชุมนุมออกมาจากผู้นำหรือแกนนำก็ดูจะสอดคล้องกับ
พัฒนาการของสถานการณ์เพราะเรื่องควรทำอย่างไรกํบผู้นำหรือแกนนำยังมีราย
ละเอียดและมีประเด็นให้ถกเถียงกันได้อีกมาก
และที่สำคัญเมื่อความเห็นในเรื่องนี้ยังต่างกันมาก
การเอาเรื่องการนิรโทษประชาชนไปผูกติดกับผู้นำหรือแกนนำได้ทำให้ความเป็นไป
ได้ในการจะนิรโทษประชาชนกลายเป็นเรื่องยากมากไปด้วย
มีประเด็นที่ต้องช่วยกันคิดต่อไปคือ
ข้อแรกจะ ทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องยอมรับแนวความคิดที่จะแยกเรื่องการนิรโทษ ประชาชนมาทำเสียก่อน ไม่ทำไปพร้อมกับการคืนความยุติธรรมหรือการจะทำอย่างไรก็ตามกับผู้นำหรือแกน นำ ที่เสนอเช่นนี้ไม่ใช่เห็นว่าการคืนความยุติธรรมไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่เมื่อ คำนึงถึงความเป็นไปได้แล้วคงต้องยอมรับว่าการเอาเรื่องเหล่านี้ไปผูกรวมกัน หมดกำลังทำให้ความเป็นไปได้ที่จะทำอะไรได้บ้างน้อยลงไปอย่างมาก
ข้อแรกจะ ทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องยอมรับแนวความคิดที่จะแยกเรื่องการนิรโทษ ประชาชนมาทำเสียก่อน ไม่ทำไปพร้อมกับการคืนความยุติธรรมหรือการจะทำอย่างไรก็ตามกับผู้นำหรือแกน นำ ที่เสนอเช่นนี้ไม่ใช่เห็นว่าการคืนความยุติธรรมไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่เมื่อ คำนึงถึงความเป็นไปได้แล้วคงต้องยอมรับว่าการเอาเรื่องเหล่านี้ไปผูกรวมกัน หมดกำลังทำให้ความเป็นไปได้ที่จะทำอะไรได้บ้างน้อยลงไปอย่างมาก
ข้อสองคือการนิรโทษกรรมโดยใช้วิธีทำเป็นร่างแก้ไขรัฐ
ธรรมนูญ อ่านคำแถลงชี้แจงแล้วก็เข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็น
แต่วิธีนี้อาจจะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญซับซ้อนอยู่เหมือนกัน
ทำให้ต้องดูว่าจะมีการประสานกับทางฝ่ายพรรคการเมืองและรัฐสภาอย่างไร
ในขั้นนี้ผมคงเสนอความเห็นเชิงหลักการและเสนอประเด็นไว้สั้นๆก่อน
รวมทั้งยังไม่อยากเปิดประเด็นอะไรมากเพราะประเด็นที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ที่
ต้องทำให้หลายฝ่ายเห็นตรงกันเสียก่อนก็คือเป็นความจำเป็นที่รัฐบาล
พรรคการเมือง
องค์กรประชาธิปไตยหรือผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายควรเห็นร่วมกันว่าในการแก้
ปัญหาควาาขัดแย้งในสังคมในขั้นตอนนี้ควรเริ่มด้วยการลดความเดือดร้อนของ
ประชาชนผู้มีความแตกต่างทางความคิดและเปิดโอกาสให้เขาเหล่านั้นสามารถกลับมา
ช่วยกันสร้างสรรค์สังคมร่วมกับคนอื่นๆในสังคมเสียก่อน
แล้วเรื่องดีๆอื่นๆก็อาจตามมาได้ง่ายขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและขจัดความขัดแย้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น