แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

ม็อบทหารบุกประท้วง"เอเอสทีวีผู้จัดการ" -จวกเขียนข่าวเสี้ยมโจมตีผบ.ทบ. บั่นทอนทหาร-ลูกสุรยุทธ์โผล่คุม!

ที่มา Thai Free News

 





ภาพ : เว็บผู้จัดการตีแผ่ภาพ.พ.ต.นนท์ จุลานนท์ ผบ.พัน ปจว.ทัพภาค1ลูกชาย พล.อ.สุรยุทธ์ องคมนตรี ไปคุมเชิงทหารบุกเอเอสทีวีผู้จัดการ
(ภาพ-ทวิตเตอร์วาสนา นาน่วม)




วันที่ 11 ม.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.
ที่บ้านพระอาทิตย์ ถ.พระอาทิตย์ ย่านบางลำภู เขตพระนคร กทม.
ซึ่งเป็นที่ตั้งสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการและบริษัทไทยเดย์ ดอท คอม ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล
แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ปรากฎว่า มีทหารประมาณ 50 นาย เดินทางไปประท้วง
บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ
ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. อย่างรุนแรง

จ.ส.อ.อนุชิต ศิลปวาที เสมียนธุรการ นายทหารประจำกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยา กองทัพภาคที่ 1
พร้อมนายทหารกว่า 50 นายได้เดินทางมารวมตัวกัน
ที่บริเวณหน้าบ้านพระอาทิตย์ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการเพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย
ต่อการเสนอข่าวใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก
โดยทางหนังสือพิมพ์ผู้จัดการได้ส่งน.ส.กมลพร  ร่มทองคำ พิธีกรเอเอสทีวีมาพูดคุยทำความเข้าใจ
โดยจ.ส.อ.อนุชิต กล่าวว่า เนื่องจากผู้บัญชาการทหารบกเปรียบเสมือนหัวใจของกองทัพบก
ดังนั้นการที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการเสนอถ้อยคำรุนแรงถือว่า กระทบต่อความรู้สึกของทหาร
เพราะใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ

“ไม่คิดว่า จะเขียนได้ขนาดนี้ เห็นแล้วสะเทือนในหัวใจของพวกเราทุกคน แบบนี้ไม่เหมาะสม
ควรเห็นใจพวกเราทุกคน พวกเรามาถามว่า ทำอย่างนี้เพื่อจุดประสงค์อะไร
เรามาเพื่อจะได้ระบายออกบ้าง เพราะบางคนก็รู้สึกโมโหและโกรธ
ขอให้ผู้จัดการอย่าทำหน้าที่บนความเดือดร้อนของผู้อื่น
ขอให้เขียนข่าวบนความสร้างสรรค์ ขอให้หยุดแค่ตรงนี้ อย่ามากไปกว่านี้
ซึ่งกลุ่มของผมเป็นการรวมขึ้นมาของทหารที่อยู่ในภายในกรุงเทพ เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย 
เพราะทุกคนมีความรู้สึกเจ็บปวด
การรวมตัวครั้งนี้ถือเป็นการแสดงออกทางความคิดเห็นหลังเวลาราชการ
ไม่ได้เกี่ยวกับผู้บัญชาการทหารบก และไม่มีผู้บังคับบัญชาคนใดมาสั่งการ
ขอให้เห็นใจของทหารที่กำลังทำงานบริเวณชายแดนอยู่ด้วย
ซึ่งกลุ่มของผมจะคอยดูว่า หนังสือพิมพ์ผู้จัดการที่จะตีพิมพ์ในวันพรุ่งนี้อย่างไร
หากยังใช้ถ้อยคำรุนแรงอีกก็อาจจะมีการเคลื่อนไหวต่อไป”จ.ส.อ.อนุชิต กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
วันเดียวกัน ทางสำนักงานเลขานุการกองทัพบกได้โทรศัพท์ไปยังผู้สื่อข่าวเอเอสทีวี
ขอร้องไม่ให้เดินทางมาทำข่าวในกองบัญชาการกองทัพบกในวันเด็กแห่งชาติ วันที่ 12ม.ค.นี้ 
พร้อมกับขอรูปผู้สื่อข่าวประจำกองทัพบกไปดูว่า ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีคือ คนใด

วันเดียวกัน พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์  ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11 (ผบ.พล.ร.11)
กล่าวถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์
การทำหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.
จนส่งผลให้กำลังพลในกองทัพบกไม่พอใจว่า
เรื่องนี้ผู้จัดการควรหยุดการหมิ่นผู้บังคับบัญชาหรือ ผบ.ทบ.ได้แล้ว
เพราะที่ผ่านมา ผบ.ทบ.อดทนมานานพอสมควรต่อการโจมตีของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
ซึ่งการสัมภาษณ์ของผบ.ทบ.ท่านคงทนไม่ได้จริงๆ
เพราะมีการกล่าวโจมตีและใช้ถ้อยคำรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
จนล่าสุดแรงมากระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ห่วย” พวกเราทนไม่ได้
โดยเฉพาะตนที่เป็นทหารอาชีพเมื่อผู้บังคับบัญชาถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี
เราก็ต้องออกมาปกป้องผบ.ทบ.เนื่องจากเราเป็นองค์ที่ดูแลความมั่นคงของชาติ
หากถูกดูหมิ่นในเกียรติและศักดิ์ศรีต่อไปจะไม่เหลืออะไร
ดังนั้นถือว่าผู้จัดการเป็นหนังสือพิมพ์ที่ถ่อยสถุล ไม่ควรซื้ออ่าน
และต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ด้าน  พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ.
กล่าวถึงกรณีที่มีนายทหารออกมาแสงดจุดยืนไม่เห็นด้วยที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการว่า
ขณะนี้กองทัพบกกำดำเนินการตรวจสอบอยู่ และไม่ทราบว่าเป็นหน่วยใดที่ออกมา
อยากขอให้กำลังพลทุกคนอดทนอย่าไปหลงตามสิ่งยั่วยุ
ตนอยู่กับ ผบ.ทบ.มา ยอมรับว่าท่านมีความอดทนสูงมาก คิดว่าผบ.ทบ.ทราบเรื่องนี้แล้ว

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า
ผบ.ทบ.ได้รับทราบ และแสดงความเป็นห่วง
พร้อมกำชับไปยังผู้บังคับหน่วยให้นำกำลังพลกลับเข้ากรม กอง 
ซึ่งผบ.ทบ.มีความเข้าใจดีต่อความรู้สึกของกำลังพล
ที่สามารถไปแสดงความรู้สึกตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ล่วงละเมิดสิทธิ์และกฎหมาย 
ขอให้กำลังพลใจเย็นๆ และอย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือล่วงละเมิดสิทธิ์ของกฎหมาย

พล.ต.อภิรัชต์ กล่าวว่า
ผู้จัดการเป็นปฏิปักษ์กับทหารหลังจากเกิดคดีลอบสังหาร
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความเข้าใจผิด เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นมักจะโทษทหารไว้ก่อน 
แต่มาตอนนี้โกรธทหารเพราะต้องการใช้ทหารเป็นเครื่องมือ
แต่ทหารเราไม่เอาด้วย เพราะกองทัพจะต้องกลไกของรัฐบาล
ไม่ว่า จะเป็นรัฐบาลใดก็ตามที่มาถูกต้องตามกฎหมาย 
อย่างไรก็ตามการออกมาแสดงความรู้สึกในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก
เพราะที่ผ่านมาเคยปกป้อง ผบ.ทบ.ในอดีตมาแล้ว
ถือว่าเราต้องปกป้องเพื่อศักดิ์ศรีของกองทัพ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้เรื่องในเรื่องนี้
ตนออกมาพูดส่วนตัว ซึ่งเชื่อว่ามีทหารในกองทัพบกอีกจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้สึกเช่นนี้
แต่ใครจะมาเคลื่อนไหวหรือไม่อย่างไรเป็นสิทธิ์ของแต่ละหน่วย

“ผมไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆทั้งสิ้น  และผมไม่แคร์ว่าจะถูกโจมตีแค่ไหนเพราะที่ผ่านมา
ผมก็ถูกโจมตีมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ฉะนั้นผมไม่มีอะไรจะเสีย
แต่เพื่อเป็นการปกป้องผบ.ทบ ปกป้องกองทัพบกผมจึงต้องออกมาแดสงความรู้สึกในครั้งนี้
และผมไม่ได้หวังตำแหน่งหรืออยากดัง เพราะผมอยู่ในตำแหน่ง ผบ.พล.ร.11 อยู่แล้ว 
ส่วนกรณีที่กำลังพลของกองทัพภาคที่ 1  ออกมาบุกสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการนั้น 
ก็ไม่เกี่ยวกับผมเพราะตนไม่ได้อยู่กองทัพภาคที่ 1
แต่เพราะทหารคงมีความรู้สึกเช่นเดียวกันที่ต้องปกป้องผู้บังคับบัญชา” พล.ต.อภิรัชต์ กล่าว

ขณะเดียวกัน ทวิตเตอร์ @WassanaNanuam ของวาสนานาน่วมผู้สื่อข่าวสายทหาร
น.ส.พ.บางกอกโพสต์ รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นระยะๆ
โดยทวีตแจ้งว่า  ทบ.สั่งห้าม ผู้จัดการ เข้าทำข่าวในทบ. ตั้งแต่เสาร์นี้ งานวันเด็ก
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน ขอรูปนักข่าวASTVผู้จัดการ มาดูหน้า ,

มีรายงานว่าทหารมาจากกองพัน ปจว. ทัพ1 และ มทบ.11
ทั้ง ร้อยเอก จ่า. นายสิบ. ทหารเกณฑ์. แต่คนเป็น ผบ.หน่วยนี้น่าสนใจ , 

ม็อบประทวน...จ.ส.อ.อนุชิต ศิลปวาที เสมียนธุรการทัพ1
บอกนำทหาร50คนบุกผจก.ไม่มีใครสั่ง มานอกเวลาราชการ
จี้หยุดหมิ่นผบทบ หัวใจกองทัพบก , 

จ.ส.อ.อนุชิต ศิลปวาที เสมียนธุรการทัพ1 บอกนำืการ50คนบุกผจก.
ไม่มีใครสั่ง มานอกเวลาราชการ จี้หยุดหมิ่นผบทบ.

ทวีตของวาสนา ระบุด้วยว่า
เสธ.ไก่อู พ.อ.สรรเสริญ เผยพล.อ.ประยุทธ์ ห่วงทหารบุกผู้จัดการ ให้ใจเย็นๆ
ทำตามสิทธิ์ประชาธิปไตย แต่อย่าละเมิดสิทธิคนอื่น ,

อดทนไว้...พล.อ.ดาว์พงษ์ ปฏิเสธ ส่งทหารบุกผู้จัดการ ปกป้อง พล.อ.ประยุทธ ถอนหายใจ
เตือนทหาร อดทน อย่าทำตามสิ่งยั่วยุ ยันพล.อ.ประยุทธ์ อดทนสูง , 

พล.อ.ดาว์พงษ์ ปฏิเสธ ส่งทหารบุกผู้จัดการ ถอนหายใจ
เตือนทหาร อดทน อย่าทำตามสิ่งยั่วยุ ยัน พล.อ.ประยุทธ์ อดทนสูง ,

 ทวีตระบุอีกว่า พล.ต.อภิรัชต์ ยันไม่เกี่ยว ทหารโผล่หน้าผู้จัดการ
เผยเพราะทหารรู้สึกเหมือนกัน. ปกป้อง ผบ ทบ. ,

ผู้การแดง ลูกบิ๊กจ๊อด ป้องผบทบ.ฮึ่มด่า "ผู้จัดการ"
ปัดส่งสัญญาณให้ทหารตบเท้า บิ๊กตู่ไม่รู้เห็น ทำส่วนตัว หน่วยไหนจะปกป้อง ก็เป็นสิทธิ์ ,

ผู้การแดง ลูกบิ๊กจ๊อดผบ.พล.ร.11นำแถวป้องผบทบ.
ฮึ่มด่า"ผู้จัดการ"ถ่อย สถุน"พร้อมถูกด่า ไม่หวังตำแหนง
หรืออยากดัง บอกหวังใช่ทหารเป็นเครื่องมือ ,

พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.พล.ร.11 ฮึ่มด่า "ผู้จัดการ"ถ่อย สถุน"
ด่าผบทบ. ทหารทนไม่ได่ หมิ่นศักดิ์ศรีผบทบ.

อ่านข้อมูลประกอบ : แถลงการณ์เอเอสทีวีผู้จัดการ

 เป็นเรื่องน่าสะทกสะท้อนใจยิ่งนักที่นายทหารผู้ยิ่งใหญ่อย่างพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบกเกิดอาการเหวี่ยงวีนปรี๊ดแตก
เจาะจงใส่สื่อมวลชนในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวทั้งหลาย
ที่มีอาการสติแตกพาลคนรอบข้างเวลาฮอร์โมนพุ่งยามปวดท้องประจำเดือน
     
 เมื่อนายทหารท่านนี้รับไม่ได้กับข้อเท็จจริงในการนำเสนอข่าว
การปฏิบัติหน้าที่ผบ.ทบ.ของตนที่ล้มเหลวในทุกๆเรื่อง
โดยไม่สามารถที่จะนำข้อเท็จจริงใดๆมาแสดงผลงาน
อันเป็นรูปธรรมให้สังคมไทยได้ประจักษ์
     
 แทนที่จะเร่งจัดการจุดอ่อนในเรื่องต่างๆ ให้เข้ารูปเข้ารอย
ซึ่งประโยชน์ย่อมตกแก่ประเทศชาติเต็มๆ
กลับเลือกที่จะบริภาษสื่อที่กล้าเป็นกระจกสะท้อนการทำงาน
ซึ่งเป็นนิสัยเดิมๆ ที่ ผบ.ทบ.คนนี้มักจะทำเป็นประจำคือขู่คำรามใส่สื่อ
เพียงแต่คราวนี้คงจะอัดอั้นมากถึงกับระบุชื่อ"ผู้จัดการ"ออกมาอย่างเฉพาะเจาะจง
พร้อมด้วยคำนำหน้าว่า"ไอ้"
     
 และน่าหวั่นใจแทนประเทศไทยประชาชนคนไทย
และทหารหาญของกองทัพไทยเข้าไปใหญ่กับถ้อยแถลง
และพฤติกรรมอันแสดงถึงทัศนคติอันคับแคบ ดูถูกดูแคลน
ต่อกระบวนการพิทักษ์รักษาอธิปไตยชาติไทยของภาคประชาชน
ราวกับว่าเป็นการคลั่งชาติอย่างไม่มีเหตุผล ไม่มีการศึกษาข้อกฏหมาย
และ เป็นชนวนยั่วยุให้เกิดสงคราม
ถึงกับประกาศจะเอาผิดกับทหารในกองทัพถ้ามีการพบว่า
ได้เข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าว
ซึ่งพลเอกประยุทธ์อ้างว่าผิดกฎหมาย
ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีกฎหมายข้อไหนในรัฐธรรมนูญระบุเอาไว้ว่า
ห้ามประชาชนหรือทหารไทยทำการชุมนุมเพื่อรักษาอธิปไตยของไทย
ในทางตรงข้ามนี่ควรจะเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นทหารและพลเรือน
     
 พลเอกประยุทธ์ประกาศออกมาว่าภาคประชาชนไม่ใช่รัฐบาล
จึงไม่มีความจำเป็นต้องฟังข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะ
และนั่นย่อมหมายรวมไปถึงข้อเสนอแนะจากสื่อมวลชน
และนักวิชาการที่นำอาข้อเท็จจริงข้อมูลเชิงลึกแผนที่เปรียบเทียบหลักฐานเขตแดน
และคำพิพากษาของศาลโลกข้อได้เปรียบเสียเปรียบของการรักษาอธิปไตยมาตีแผ่
โดยเป็นข้อโต้แย้งที่แม้แต่รัฐบาลก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้
     
 นั่นสะท้อนออกมาอยางชัดเจนว่าพลเอกประยุทธ์มิได้เอาอธิปไตยของชาติเป็นใหญ่
หากแต่พร้อมที่จะสนองภาคการเมือง


ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ของนักการเมืองพรรคการเมือง
และกลุ่มทุนเหนืออธิปไตยของชาติเพียงอย่างเดียว
     
 แน่นอนการรักชาติไม่สามารถผูกขาดไว้คนเดียวได้
แต่วิธีรักชาติของผบ.ทบ.ท่านนี้ดังที่ยกมาได้สร้างความน่ากังขากับสังคมไทยยิ่งนัก
โดยได้อ้างกรณีการวางยุทธศาสตร์รอบเขาพระวิหารที่ผ่านมาว่าได้ขยับปรับกำลัง
เพื่อให้สองประเทศกล่าวคือไทยและกัมพูชาปลอดภัยไม่ได้มารุกรานต่อกัน
     
 ข้อกล่าวอ้างนี้ตรงกันข้ามกับความจริงที่คนระดับ ผบ.ทบ.อย่างพลเอกประยุทธ์
ผู้เคยผ่านกองกำลังบูรพาที่ดูแลชายแดนฝังตะวันออกไทย-เขมร
น่าจะรู้ดีกว่าใครว่าไทยเราได้เสียส่วนบนของเขาพระวิหารให้แก่เขมรตามคำตัดสินศาลโลก
เราไม่เคยล้ำแดนเข้าไปสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือตั้งกำลังทหารในแดนเขมร
หากแต่เขมรเป็นฝ่ายล้ำแดนเข้ามาตลอดเวลา
ซ้ำร้ายเขมรยังเปิดฉากยิงโจมตีทหารและพลเรือนไทยก่อน
ขณะที่ทางไทยได้รับคำสั่งให้ตอบโต้นัดต่อนัดเท่านั้น
     
 วันนี้ชาวบ้านที่ภูมิซรอลทุกคนพร้อมลุกขึ้นสู้พร้อมตายในแผ่นดิน
ที่เกิดที่เติบโตที่เก็บเกี่ยวไม่หลีกลี้หนีหน้าไปไหนพากันขุดบังเกอร์รักษาที่มั่น
และต้องการการสนับสนุนจากภาคประชาชนทั้งประเทศ
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังทหารเพื่อความอุ่นใจความปลอดภัยในทรัพย์สิน
และสวัสดิภาพแต่การเข้าไปตรวจพื้นที่ของพลเอกประยุทธ์
กลับทำราวกับว่าคนไทยเหล่านี้คืออริราชศัตรูฝั่งตรงข้าม
     
 ทั้งนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดสงคราม 

แต่ในเรื่องอธิปไตยของชาติก็เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง
ที่มีกรณีพิพาทอย่างจีนกับญี่ปุ่น จีนกับเวียดนามและฟิลิปปินส์
หรือไกลข้ามมหาสมุทรอย่างอังกฤษและอาร์เจนติน่า
ทั้งภาคการเมือง ทหารและประชาชนล้วนเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันคือ
รักษาอธิปไตยของชาติตน
มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวที่ภาคประชาชนถูกทิ้งให้ปกป้องชาติตามลำพัง
ภาคการเมืองพากันลอยตัวและกลับเอนเอียงไปฝั่งเขมร
ในขณะที่ทหารไทยล้วนแต่รู้สึกอึดอัดแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
เมื่อมีแม่ทัพอย่าง ผบ.ทบ.ท่านนี้
     
 ดังนั้นเมื่อพลเอกประยุทธ์ถามว่าสื่อมวลชน
ในเครือผู้จัดการอย่างเราเอาศักดิ์ศรีอะไรมาวิพากษ์วิจารณ์
ตนก็อยากจะบอกว่าเราเอาศักดิ์ศรีของสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
ในการปกป้องประโยชน์ของประเทศชาติ

ราชบัลลังก์และสิทธิของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
     
  การทำหน้าที่สื่อยืนหยัดเพื่อความถูกต้องของพวกเราได้ผ่านการพิสูจน์ทดสอบ
และเชี่ยวกรำมาแล้วในทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่การถูกปองร้าย
การพยายามลอบสังหารอย่างอุกอาจจากผู้เสียประโยชน์หลายฝ่าย
หากแต่บททดสอบของพลเอกประยุทธ์นั้นยังมิได้ผ่านการทดสอบเลยสักเรื่อง
     
 ในเรื่องศักดิ์ศรีที่พลเอกประยุทธ์ท่านถือนักถือหนานั้น
อยากจะถามท่านกลับไปเหมือนกันว่าศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำกองทัพขอท่านอยู่ตรงไหน
     
      -ในเรื่องชายแดนเขมรก็ดังที่ได้กล่าวข้างต้นไปแล้ว
     
      -ในเรื่องภาคใต้จนบัดนี้เรือเหาะตรวจการที่ท่านเป็นผู้อนุมัติส่งซื้อ
ก็ยังบินไม่ได้ซ้ำร้ายเกือบพานักข่าวไปตาย
ยังไม่นับรวมถึงเรื่องประสิทธภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ
ที่ทหารชั้นผู้น้อยต้องนำไปรักษาความสงบและปกป้องสวัสดิภาพของตัวเอง
     
      -ในเรื่องความเป็นธรรมให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
จนบัดนี้ทหารหาญที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการรักษาความสงบเรียบร้อย
ถูกอาวุธสงครามและการประชาทัณฑ์จากม็อบติดอาวุธที่เผาบ้านเผาเมือง
ก็ยังคงไม่ได้รับการเหลียวแลซ้ำรายยังต้องตกเป็นจำเลย
โดยที่ผู้บังคับบัญชาอย่างพลเอกประยุทธ์ไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ใส่ใจ
ขณะที่คนร้ายเผาบ้านเผาเมืองได้รับการชดเชยเยียวยาเป็นเงินถึงรายละ7ล้านกว่าบาท
     
       -ในเรื่องการพิทักษ์สถาบันที่พลเอกประยุทธ์พยายามสร้างภาพให้สัมภาษณ์
เมื่อถึงคราวเรื่องกระทบถึงเบื้องสูงและสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศอย่าง
กรณีที่รัฐมีคำสั่งห้ามหน่วยงานต่างๆจุดพลุเฉลิมพระเกียรติวันที่5ธันวาฯ

เมื่อปีกลายก็เงียบเฉย
หรือกรณีที่พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร แบบอ้างถ้วยพระราชทานมอบรางวัลให้นักมวย
ที่บ่อนมาเก๊าร่วมกับทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ก็นิ่งเฉยปิดปากสนิท
ดีแต่ปากดีกับสื่อมวลชนและประชาชนที่ไม่มีอำนาจใดในมือ
     
       -ในเรื่องการวางตัวก็เปลี่ยนภาพจากทหารของพระราชาทหารของประชาชน
มาเป็นข้าราชการการเมือง เดินตามนักการเมืองต้อยๆ ให้คนเขาดูถูก
และเป็นที่น่าอดสูแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
     
       ที่น่าอดสูที่สุดคือ พลเอกประยุทธ์กลับสำคัญตัวเองผิดว่าตนคือ
กองทัพ และกองทัพคือตนเอง
การเอาแต่ตนเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ใส่ใจต่อนายทหารระดับปฏิบัติการนั้น
เป็นที่รู้ดีกันทั้งกองทัพ ถ้าไม่มัวแต่หลงอยู่ในคำเยินยอของทหารที่ใกล้ชิด
และนักการเมืองแล้วพลเอกประยุทธ์คงจะต้องอกแตกตาย
หากจะต้องเจอกับโลกความเป็นจริงว่า
ไม่เป็นที่ต้อนรับของทั้งทหารในระดับปฏิบัติการและทหารชั้นผู้น้อยไม่เป็นที่ศรัทธา
และโปรดปรานของประชาชนไม่ว่าจะเป็นสีใดกลุ่มใด
แต่อาจกำลังขึ้นหม้อเป็นที่ถูกใจของใครบางคนที่อยู่ดูไบก็เป็นได้
     
      ท้ายสุดนี้เราขอฝากถึงท่านผบ.ทบ.ด้วยว่า
ถ้าคิดว่าตนเองดีกว่าใครรู้ทุกเรื่องทำไมไม่เห็นจะแก้ไขปัญหาได้สักเรื่อง
ในทางตรงข้ามมีแต่ความล้มเหลวที่สะท้อนกลับมาอย่างเป็นรูปธรรมแทนที่
แล้วยังมาอวดเก่งอวดอำนาจบาตรใหญ่ขู่คำรามแสดงความเจ้ายศเจ้าอย่าง

ผิดที่ผิดเวลาเสียอีก
     
      วันนี้เชื่อว่าไม่ต้องพูดไปเสียงจากสังคม

คงจะดังสะท้อนอยู่ในใจทุกคนกันแล้ว
ว่าไอ้ผู้จัดการมันเขียนห่วย
หรือไอ้ ผบ.ทบ.ที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชาคนนี้มันห่วยกันแน่!



 http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=44167.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น