แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

เสียงจากคุก:พันธมิตรฯผู้น่าสงสาร

ที่มา Thai E-News

 

นายปรีชาเป็นพันธมิตรฯเสื้อเหลืองเพียงคนเดียวที่หลงเข้ามาในเรือนจำ ในขณะที่คนเสื้อแดงถูกขังอยู่เต็มคุก และยึดพื้นที่สร้างเป็นฐานที่มั่นอยู่ก่อนแล้ว จึงมีการกริ่งเกรงว่า อาจจะมีรายการต้อนรับน้องใหม่จนสะบักสะบอมแน่ื..

โดย เสียงจากคุก
8 มกราคม 2556

หมายเหตุไทยอีนิวส์:เสียงจากคุก เป็นสารรายสะดวกที่นักโทษคดีการเมืองคนเสื้อแดงเขียนฝากกับญาติมิตรที่ไปเยี่ยม สื่อสารออกมาถึงโลกภายนอก

เมื่อปีพ.ศ.2551 ที่กลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมปิดล้อม และจะบุกยึกรัฐสภา จนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องปีนกำปพงหลบหนีออกทางด้านหลัง เป็นสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียด และเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก

ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุม จนเกิดการบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้น และมีการถกเถียงกันจากฝ่ายตำรวจและฝ่ายผู้ชุมนุมว่า การตายในกรณี"น้องโบว์"เกิดจากฝ่ายใดเ้ป็นผู้กระทำ

ฝ่ายกลุ่มพันธมิตรฯ โดยการพิสูจน์ของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันนท์ ระบุว่า เกิดจากการถูกระเบิดแก๊สน้ำตาของตำรวจตกใส่ถูกลำตัว แต่ฝ่ายตำรวจปฏิเสธ บางข่าวระบุว่า เกิดจากการทีั่น้องโบว์พกพาระเบิดปิงปอง แล้วลงกระแทกพื้่นจนเกิดการระเบิด และเสียชีวิต

อีกกรณีหนี่งที่เป็นข่าวโด่งดังในครั้งนั้นคือมีหนุ่มใหญ่คนหนึ่งของกลุ่ม พันธมิตรฯโหดเหี้ยมบ้าเลือด ขับรถพุ่งชนพยายามฆ่าตำรวจ ครั้นไม่ตายก็ถอยหลังมาทับซ้ำเพื่อฆ่าให้ตาย มีภาพเหตุการณ์ถ่ายทอดเป็นข่าวทางทีวี และภาพข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์


ทำให้ผู้ดูข่าวหรืออ่าน ต่างรู้สึกชิงชัง แค้นเคืองในหนุ่มใหญ่ที่โหดเหี้ยมผู้นี้ ซึ่งต่อมาถูกจับกุมตัว ถูกดำเนินคดี ถูกตำรวจตั้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นคดีแรก กระทงหนึ่ง และข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นคดีที่สอง อีกกระทงหนึ่ง

คดีทั้งสองนี้เป็นความผิดตามมาตรา 289 ถ้าผู้ถูกกระืทำถึงแก่ึความตาย ผู้กระืทำก็จะถูกลงโทษประหารชีัวิตทั้งสองกระทง แต่ถ้าไม่ถึงแก่ความตาย โทษก็เบาลง อาจจะเป็น 20 ปี ถึงตลอดชีวิต แล้วแต่พฤติกรรมของการกระทำ

ผลปรากฎว่า ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3 ปี และัรอลงอาญา เป็นเหตุให้่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เข้าใจไปว่าพวกพันธมิตรฯเสื้อเหลืองเป็นม็อบมีเส้น จึงมีอภินิหารสั่งการช่วยเหลือ จนศาลตัดสินออกมาเช่นนี้

ผู้เขียนเองก็วิจารณ์วิจารณ์อย่างหนัก ตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนบางคนถึงกับแสดงอารมณ์ว่า"ต้องเผากฎหมายทิ้ง"ทีเดียว

จนกระทั่งวันที่ 11 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ยามค่ำคืน มีผู้ชายตัวผอมๆเล็กๆใส่แวส่นตาหนาๆแบบแว่นสายตาคนหนึ่งถูกส่งเข้ามาในเรือนจำ

ผู้ชายคนนี้ชื่อปรีชา อายุ 56 ปี จำเลยในคดีพยายามฆ่าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ 2 กระทง ที่หน้าสภาฯนั่นเอง

เขาถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 35 ปี 12 เดือน กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ตัดสินจำคุก 3 ปี รอลงอาญา

นายปรีชาเป็นพันธมิตรฯเสื้อเหลืองเพียงคนเดียวที่หลงเข้ามาในเรือนจำ ในขณะที่คนเสื้อแดงถูกขังอยู่เต็มคุก และยึดพื้นที่สร้างเป็นฐานที่มั่นอยู่ก่อนแล้ว จึงมีการกริ่งเกรงว่า อาจจะมีรายการต้อนรับน้องใหม่จนสะบักสะบอมแน่ื

แต่ปรากฎว่านอกจากจะไม่มีรายการเช่้นนี้เกิดขึ้นแล้ว พันธมิตรเสื้อเหลืองท่านนี้ กลับได้รับการดูแลอย่างดีัจากกลุ่มคนเสื้อแดงเจ้าถิ่น จนเจ้าหน้าที่โล่งใจ

สภาผู้แทนคนเสื้อแดงในเรือนจำฯลงมติว่า พวกเราต้องมีใจบริสุทธิ์ ไม่ใช้ความรู้สึกที่โกรธแค้นชิงชังผู้ที่มีความคิดต่างไปจากเรา และเราควรจะเห็นอกเห็นใจเขา ที่ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับเรา เพราะต่างเป็นหญ้าแพรกทั้งคู่ เป็นเหยื่อของสถานการณ์ความขัดแย้งที่เราไม่ได้เป็นผู้ก่อ

พวกเราสภาคนเสื้อแดงในเรือนจำฯจึงได้ให้การดูแลอำนวยความสะัดวกเรื่องข้าว เรื่องน้ำ กาแฟในตอนเช้า และไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงรังแก ดูถูกเหยียดหยาม สอบถา่มเรื่องราว และให้กำลังใจตลอด

จึงได้ทราบความจริงที่ผิดไปจากข่าวว่า แท้ที่จริง ที่เขาขับรถชนตำรวจนั้น ไม่ใช่เพราะจิตใจโหดร้ายทารุณ เจตนาฆ่าตำรวจ แต่เป็นเพราะเขาบาดเจ็บตกใจจะขับรถหนีจากที่เกิดเหตุ แต่เลือดจากการบาดเจ็บเข้าตา มองไม่เห็นจึงชนตำรวจที่อยู้่ข้างหน้า และพอรถติดฟุตบาธ ก็ถอยเพื่อเดินหน้าใหม่ ก็ชนตำรวจทางด้านหลังอีก จนถูกตั้งข้อหาทั้ง 2 คดี

ในวันนั้นขณะืที่เขาจอดรถอยู่หน้าสภา ก็ไม่แน่ใจว่าถูกยิงหรือถูกตีด้วยกระบอง จนกระจกด้านคนขับแตก ตาของเขาบอด ดั้งจมูกหัก เลือดออกเต็มหน้า และเนื่องจากรถของเขาเป็นโตโยต้าไทเกอร์ยกสูง จึงมองไม่เห็นตำรวจ ทำให้ขับชนทั้งไปหน้า และถอยหลัง

เมื่อขับหนีไปได้ไม่ไกล ก็ต้องจอดแล้วถูกนำส่งไปโรงพยาบาลรามาฯ แต่รักษาตัวไม่ทันหาย ก็ต้องหนีตำรวจออกจากโรงพยาบาล ต่อมาติดต่อขอมอบตัว แล้วได้ประกัน จนศาลชั้นต้นตัดสิน รอลงอาญา จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งถ้าความจริงเป็นอย่างนี้ก็แสดงว่าศาลชั้นต้นติดสินชอบแล้ว  เรื่อง ถูกทำร้ายจนตาข้างขวาบอด และดั้งจมูกหัก ไม่อาจมากล่้าวเท็จได้ เพราะหลักฐานทางแพทย์ก็มีอยู่ และจากเหตุนี้เขาจึงได้รับการเยียวยา 3 ล้านบาทด้วย

ปรีชา อาชีพช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม และจบมสธ.เกษตรศาสตร์ ผ่านการต่อสู้เมื่อเดืิอนพฤษภาคม 2535 มาด้วย ไม่มีลักษณะของการเป็นคนคลั่งแต่อย่างใด ก็อยากเห็นศาลฎีกาพิพากษาตามศาลชั้นต้น อย่าเอาคนที่ทำผิดเพราะตกใจมาติดคุกเลย

ต่อมาวันที่ 14 ธันวาคม ปรีชาถูกย้ายไปเรือนจำกลางคลองเปรม จากพวกเราไปด้วยความประทับใจยิ่ง

************



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น