แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

ย้อนร้อย: บันทึกบางเสี้ยวจาก10เมษาถึง19พฤษภา53

ที่มา Thai E-News



โดย ลิซ่า RED USA
18 พฤษภาคม 2555

เรา ไปอยู่และทำงานเปิดร้านอาหารไทยที่อเมริกานานกว่า 10 ปี ตอนก่อนเหตุการณ์ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยปี53 ได้กลับมาบ้านที่เมืองไทย และได้มีโอกาสเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง ทั้งเหตุการณ์ 10 เมษาฯ และเหตุการณ์ 19 พฤษภา ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เหมือนกับคนที่เดินทางมาจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ..เหมือนชาวบ้านทั่วๆไป

ที่ผ่านมาไม่ได้บันทึกถึงเหตุการณ์ไว้เลย น้ำตาพาลจะไหล 

ตัว เราเองช่วงกลับบ้านเมืองไทยในตอนนั้น อยู่กับผู้ชุมนุมมากกว่าอยู่บ้าน บางวันค้างคืน บางวันกลับแต่ก็หลัง 6 ทุ่มทุกวัน ข่าวเข้ามาหนาหูว่าจะมีการสลายการชุมนุม ทุกวันๆ พวกเสื้อแดงก็เตรียมตัวกัน และเริ่มมีทหารมาตั้งด่านรอบๆนอก 

ตัวเราเองจะพกผ้าเย็นติดกระเป๋าเป้ไว้เวลาไปร่วมชุมนุม เพื่อให้กับพี่น้องที่ชราเพราะอากาศเดือนเมษายนปีนี้ร้อนมากๆในที่ชุมนุม 

เที่ยงวันที่10 เมษาฯ 53 รู้สึก ผิดสังเกตมากๆ เพราะด่านกั้นรถทำให้ต้องอ้อม และเจอรถทหารมากมาย ต้องขับวน อ้อมเพื่อจะเข้าราชดำเนินให้ได้ เจอรถทหารก็จอดพยายามเอาใจมัน..(ย้ำ'มัน')..เราแจกผ้าเย็นที่ใส่ไว้ท้ายรถ ให้กับทหารที่นั่งในรถที่ไม่มีแอร์และปากเราก็บอกว่าอย่าทำร้ายพี่น้องนะ 

เรา เองก็ถือป้ายโปสเตอร์"แดงอเมริกา"(RED USA)มาด้วย เพื่อให้พวกเขารู้ว่าเรามาไกล ตั้งใจบินมาเมืองไทย มาเพื่อช่วยพี่น้องคนไทยเรา ทหารบางคนก็ยิ้มๆรับ แต่บางคนก็ไม่ยอมรับ แต่ส่วนใหญ่ทหารหน้าเด็กๆ ที่เป็นลูกน้องจะยื่นมือรับด้วยดี 

สุด ท้ายเราเข้าไปได้ทางถนนพระอาทิตย์และทะลุออกสนามหลวง วกเข้าราชดำเนินตรงแยกคอกวัว จอดรถไว้ที่เต๊นท์ของเสื้อแดงจังหวัดสตูลเยื้องแยกคอกวัว เราดูแลพวกชาวใต้ที่นี่ทุกวัน เปลี่ยนเสื้อแดงเป็นสีธรรมดา 

ตอนนั้นราวบ่าย 3 โมง ทหาร กับพี่น้องผู้ชุมนุมประจันหน้ากันแล้ว ที่แยกคอกวัว ตรงกลางซอย โดยมีแผงกั้นตรงกลางพี่น้องเราเอาแผงกั้นเหล็กบ้าง รถกระบะบ้าง มาจอดขวางกลางซอย และขึ้นรถพูดโทรโข่งบอกทหารอย่าทำร้ายประชาชน และเปิดเพลงปลุกใจ โดยมีทหารนั่งบนพื้นถนนกลางซอยยาวไปจนเกือบถึงวงเวียนหน้าวัด 

เรา เองตัดสินใจเดินข้ามรั้วแผงเหล็กไปหาทหารแจกผ้าเย็นตามเคย เขาก็รับด้วยดี แล้วเราก็นั่งล้อมวงคุยกับพวกเขาไปเรื่อยๆ คุยเรื่องต่างประเทศบ้าง ว่า เราทำไมเราถึงเดินทางจากอเมริกามาช่วยพี่น้องชาวไทยของเราให้ได้ประชาธิปไตย ให้ตายเถอะทหารพวกนี้เกลียดเสื้อแดง เขาถามเราว่าเสื้อแดงจะล้มล้างในหลวงทำไม? เราได้ยิน 2 หูชัดเจน

เรา บอกว่าใครจะไปล้มล้างท่าน เข้าใจผิดแล้ว ท่านอยู่สูง เราแค่จะมาเอาประชาธิปไตยก็เพื่อตัวพวกเธอด้วยนั่นแหละ บางคนว่าพวกเสื้อแดงมาปิดถนนทำให้คนเขาค้าขายไม่ได้เขาเดือดร้อน เราก็บอกพวกนี้เขามีเงิน ตึกแถวนี้ถ้าไม่มี 20 ล้านเปิดไม่ได้หรอก ช่วยพวกคนจนก่อนเถอะ เธอเองก็เป็นพวกเดียวกับพี่น้องที่มาที่นี่ ไม่ต้องไปห่วงคนรวยเขาหรอก เขามีหนทางของเขา 

พวก เขาบอกว่า เมื่อไรพวกเสื้อแดงจะกลับ ผมมาเป็นเดือนแล้ว มานั่งนี่ก็ร้อนก้น เครื่องแบบก็ร้อน น่าเห็นใจทหารผู้น้อยเหมือนกัน นั่งคุยกัน มีสักคนเดียวมั้งที่สังเกตได้ว่าชอบเสื้อแดง นอกนั้นน่าจะถูกล้างสมองหมดแล้ว

ราว 5 โมงเย็น ได้ ยินหัวหน้าทหารออกคำสั่งเรียกพล ทหารที่นั่งคุยกันจึงบอก คุณกลับไปฝั่งโน้นเถอะ ผมจะทำงาน เราก็เดินย้อนมาฝั่งเสื้อแดง พอทหารเริ่มเคลื่อนไหว ทางพี่น้องเราก็เตรียมป้องกันด่านกัน ด่านของเรา แรกเลยเราตั้งไว้เลยซอยข้าวสาร หมายความว่า ถนนข้าวสารอยู่ฝั่งเรามีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปด้วย (เรามารู้ภายหลังว่าตอนนั้นทหารเข้าสลายที่ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานแล้ว พวกเราสู้กันเองไม่มีแกนนำเลย)


เกือบ 6 โมงเย็น มีคอปเตอร์บินวนมา ครั้งแรกบินสูง ครั้งที่ 2 ต่ำลงมา จนเห็นคนนั่งบนฮ. เรายังพูดกันว่าหากมีปืนจะยิงให้ร่วงเลย พวกเราโห่ไล่ 

พอ ครั้ง 3 มันบินมาและหย่อนสีดำๆร่วงลงมา พวกเราบอกกันว่าแก๊สน้ำตา ระวัง ไม่ทันขาดคำ ควันคลุ้งกระจายตรงแยกคอกวัวพอดี แสบตา อาเจียน แตกฮือ ไม่มีใครรักษาด่านเลย วิ่งเข้าซอย ล้างหน้ากันตามประสา เราบอกได้เลยว่า ถ้าตอนนั้นทหารบุกเข้ามาทะลุคอกวัวถึงราชดำเนินได้สบายมาก พวกทหารคงโดนด้วยกันนั่นแหละ พอพวกเราตั้งตัวได้ก็รักษาฐานกันตามเดิม นับถือใจพี่น้องจริงๆ 

เรา เองยืนอยู่แถวๆหน้าถนนข้าวสารตรงร้านเบอร์เกอร์คิง นาทีสำคัญมาถึง เริ่มโพล้เพล้แล้ว ได้ยินเสียงเคาะเกราะปึบ ปึบ ปึบรัวมาแต่ไกล พี่น้องก็ฮือกั้นแผงไว้ สักครู่เราได้ยินเสียงปืน ใจก็ว่าปืนยางไม่น่ากลัว อย่างไรพี่น้องก็ยังยื้อไม่ให้ผ่านด่าน แต่ทหารก็ฝ่าด่านเข้ามาได้ 

พี่ น้องเราถอยร่นถอยหลังผ่านแยกข้าวสาร มาตั้งด่านก่อนถึงปากถนนคอกวัว ตัวเราเองมันชุลมุนมากหนีเข้าไปในซอยเล็กๆหน้าถนนข้าวสาร เป็นอันว่า เราเองกลับหลงไปอยู่ฝั่งด้านทหาร โดยทหารล้ำแนวไปเกือบถึงหน้าแยกคอกวัว ทหารยึดปากซอยข้าวสารได้ ตรงนี้สำคัญมา ทหารยึดพื้นที่ปากซอยข้าวสารไว้ พี่น้องก็ไม่ยอมให้ไปถึงแยกคอกวัว 

สิ่ง ที่เราจะบอก เราเห็นกับตาตัวเอง ทหารเคาะเกราะ 5 แถวแรก และหลบมาเข้าซอย ที่เรายืน ทหารอีก ประมาณ 5 แถวหลังยิงปืนที่เราเองเข้าใจว่าปืนยาง แต่เราเห็นมันสั่งว่า ยิง ยิง ยิง และเห็นมีปืนจริงๆกระบอกใหญ่ๆ ไม่ใช่ปืนลูกซองยาวๆ เราเองเป็นผู้หญิงก็ไม่เคนเห็นปืนสงครามมาก่อน 


พอไอ้ตัวหัวหน้ามันพูด ยิง ยิง ยิง แล้วมันกับพวกที่มีปืนจริง ยิงเสร็จก็จะวิ่งเข้ามาตรงที่เราหลบอยู่ พอเราเห็นเราพูดอัตโนมัติว่า นั่นปืนจริงเหรอ มันตวาดว่า"เงียบ" เรา อึ้งพูดไม่ออก ยอมรับว่ากลัว และคิดถึงพี่น้องทันที คงมีใครโดนไปแล้วแน่ ทำอะไรไม่ถูก นั่งทรุดกับพื้นร้องไห้ มือไม้สั่น คว้าโทรศัพท์โทรหาเพื่อนที่อเมริกาว่ามันใช้ปืนจริงด้วย
เพื่อน ที่อยู่อเมริกาบอกว่า ดูข่าวอยู่มีคนบาดเจ็บตั้งแต่ที่มัฆวานและที่โรงเรียนสตรีวิทยาแล้ว โทรหาน้องสาวก็บอกให้อยู่เฉยๆ เราตกใจมาก ได้แต่นั่งตรงนั้น เราไม่หนี แต่ไม่รู้จะทำยังไง อย่างน้อยให้อยู่ใกล้พี่น้องเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เราได้ยินเสียงเคาะเกราะเวลาบุก และได้ยินเสียงปืนตามหลัง ไม่รู้กี่ชุด 

พี่ น้องเสื้อแดงเราใจเด็ดมากมึงบุกมากูก็ถอยร่น พอมึงหยุดกูก็เฮกันเข้ามาใหม่ ไม่รู้ตัวเลยว่าวิ่งเข้ามาตาย มันมีกระสุนจริงปนกันเข้ามากับกระสุนยาง 

ตอน นั้นเราสับสนมาก แอบถ่ายรูปไว้มันก็บอกห้ามถ่าย เลยต้องซ่อนกล้อง มันหันมามองตาเขียว แต่เราอยู่ปนกับนักท่องเที่ยวก็พอรอดตัว ตรงที่เรายืนเราเก็บก้อนกรวดที่พี่น้องใช้ยิงด้วยหนังสะติ๊กมาฝั่งทหาร เราก้มลงเก็บแล้วสงสารนัก นี่แหละอาวุธคนยาก มึงฆ่าประชาชนได้ยังไง 

ขอโทษที ว่าจะแค่เล่าเรื่องแต่ก็อดเอาอารมณ์เข้ามาปนไม่ได้ 

เล่าต่อนะ ราว 2 ทุ่มครึ่งกว่าๆ ที่จริงตอนนั้นเราไม่รู้เวลาหรอก มาเช็คจากกล้องถ่ายรูปภายหลัง ขณะที่รุก รับกันทั้งสองฝ่าย เราได้ยินเสียงระเบิด บึม พวกทหารวิ่งกันหน้าตื่น เราพูดว่าหน้าตื่นจริงๆ พวกทหารวิ่งมาตรงที่เรายืนกันอยู่และพูดว่า วิ่งเร็วเอ็มลง เรา ก็พอเข้าใจ แว้บแรกเราว่ามีคนมาช่วยเสื้อแดงแล้ว เพราะเราภาวนาตลอดว่า คนช่วยเสื้อแดงทำไมไม่ออกมาสักที ยังไม่ถึงอึดใจ ได้ยินอีกลูกเสียงมันก้องเข้าไปในอก เรายิ้มดีใจที่เห็นทหารวิ่งหนี ใจก็ว่าทีนี้ตากูบ้างล่ะ บางคนโดนสะเก็ด เราแอบตามไปดู เพราะเราอยู่ในซอยที่ทะลุถึงกันได้ เราเห็นทหารลากจูงเพื่อนๆไปที่วงเวียนหน้าวัด และมีรถมารับชุลมุนวุ่นวาย ทหารก็กลัวตาย 

ทหาร มาอยู่ที่วงเวียนส่วนใหญ่ แต่ก็ยังคุมเชิงช่วงถนนคอกวัวกันอยู่ พี่น้องเราอยู่ปากถนน ทหารอยู่วงเวียนหน้าวัด เราอยู่ดูจนทหารขึ้นรถกลับหมด เราย้อนมาบอกพี่น้องที่คอกวัวว่า ทหารไปแล้ว (เราวิ่งในซอยของชาวบ้านที่ขนานกับถนนคอกวัวน่ะ) บางคนไม่เชื่อ แต่มีบางคนจำเราได้เมื่อตอนเย็นที่เราเข้าไปคุยกับกลุ่มทหาร เมื่อพวกเรามั่นใจว่าทหารไปแล้วจึงเข้ามาพื้นที่ดูความเสียหายของรถกระบะที่ จอดขวางกันไว้ พูดคุยกัน 

ส่วนตัวเราเริ่มหิวข้าว เพิ่งรู้ตัวว่าข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้ทาน 

ทั้ง หมดนี้เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่ลืมไม่ได้และจะไม่ลืม หากพี่น้องที่เสียชีวิต ที่บาดเจ็บยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ตอนหลังเรามาฟังไอ้เทือกอภิปรายในสภาว่าไม่มีปืนจริงที่คอกวัว เรายังอยากให้มันเปิดให้ประชาชนอภิปรายมั่ง มันกล้าไหม.... 

อ้อ ลืมบอกไปเรามากับพี่น้องเสื้อแดงจังหวัดสตูลคนหนึ่งที่เราเข้าไปดูแลเต๊นท์ เขาช่วงเขาเข้ามาชุมนุม เขาเป็นห่วงเลยมาเป็นเพื่อนแต่แยกหายกันไปตอนระเบิดแก๊สน้ำตาลง มาเจอกันอีกทีตอน 4 ทุ่ม เธอว่าเป็นห่วงพี่หากันไม่เจอ ก็โชคดีมาเจอกันตอนหลัง 

แต่ พี่น้องเราที่เสียชีวิตที่แยกคอกวัว เขาตายไปแล้ว เราบอกได้เลยว่าเขาเป็นเพื่อนตายเรา เราจะไม่ลืมเขา จะต่อสู้เพื่อเขาต่อไป.....เราไม่ลืม 10 เมษา


จริงๆแล้วหลังจาก 10 เมษา 53 เราต้องกลั
บอเมริกา  แต่เมื่อเห็นพี่น้องถูกฆ่า ถูกรังแก  ..ใครจะทิ้งกันลง นั่นคือคำพูดของคนเสื้อแดง   

เราอยู่เมืองไทยต่อ เหมือนเพื่อนคนอื่นๆที่เดินทางจากต่างประเทศมาเมืองไทยที่ตัดสินใจสู้ต่อ 

เมื่อ ย้ายมาราชประสงค์ เวทีใหญ่ได้ขอให้พี่น้องอยู่เป็นกะ เราอยู่ประจำกะเย็น ช่วง 5 โมงเย็นถึง 5 โมงเช้า เช้ามืดพี่น้องต้องกลับไปทำงาน ทหารจะฉวยโอกาสช่วงเนี้สลายเรา 

เราเองประจำบนลานตรงจอ 4  ตรงนี้จะมีพี่น้องคนใต้ จากจ.สตูล กระบี่ รวมอยู่ด้วยกัน เราทุกคนหวังว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะยุบสภา  มีการพูดคุยต่อรอง สุดท้ายก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ
  


หลังเส ธ.แดงถูกยิง  ฉันเริ่มสับสน ทหารเริ่มล้อม อาหารน้ำหมด คนออกได้ แต่เข้าไม่ได้ แต่ฉันไม่ยอมแพ้ ขนน้ำ อาหาร ขนม ใส่กระโปรงรถ เข้ามาทางด่านมาบุญครองที่ง่ายที่สุด 

ทหารหยุดรถถามฉัน ก็ตอบว่าจะไปรับแม่  จริงๆแล้วท่านเสียไปนานแล้ว แต่ฉันมั่นใจว่าถ้าท่านอยู่ต้องนั่งหน้าเวทีแน่นอน  

เช้าวันหนึ่งฉันถามแม่ค้าว่าเอาอาหารเข้ามาทางไหน เธอตอบว่าของเหลือเมื่อวาน ตกลงเช้านั้นฉันทานข้าวหมกไก่ค้างคืน 

ฉันยังจำชายร่างท้วมขี่มอเตอร์ไซด์มาทุกเช้าข้างเวทีตรงเต๊นท์เสรีชนพร้อมน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ฉันจะรอเขาทุกเช้า อยากเจอเขาอีกสักครั้งเพื่อกล่าวขอบคุณ ขอบคุณ...... 

ตี5ของวันหนึ่งฉันนอนอยู่บ้านกับเพื่อนที่มาจากอเมริกาด้วยกัน มีเสียงโทรศัพท์ดัง เป็นเสียงของเพื่อนอีกคนที่อยู่เท็กซัส  เธอโทรข้ามประเทศมาปลุกฉันให้ออกไปเดี๋ยวนี้ บอกว่าตำรวจจะสลายด่านสีลม 

เธออยู่ในเว็บไซต์ที่อริเมกา เป็นช่วงกลางวัน เอากะเธอซิ ฉันกะเพื่อนรีบแต่งตัวไปยันกับตำรวจ ถามว่ากลัวไหม ตอนนั้นไม่กลัว แต่พอกลับถึงบ้านถามเพื่อนที่ไปด้วยกัน พยักหน้าพร้อมกันคือกลัว.... 

และที่เป็นวีรกรรมลืมไม่ได้คือเรื่องซ้อนมอไซค์ ปกติฉันไม่กล้านั่งกลัวล้มและขาหัก น้องเมย์ ผู้ประสานงานเสื้อแดงสหภาพยุโรป(RED EU)ซึ่งพักอยู่โรงแรมใกล้เวที ฉันไปอาศัยอาบน้ำบ่อยๆ ช่วงใกล้สลายอาหารหมด เธอสั่งอาหารกล่องในโรงแรม กระเพาไก่ไข่ดาวอาหารยอดฮิต 

เราช่วยกันหิ้ว2มือ ซ้อนมอไซค์ ฉันทั้งกลัวล้ม ทั้งกลัวสไนเปอร์ ฉันเคยพูดกะน้องเมย์ว่า เราผ่านรอดพ้นมันมาได้อย่างไรกัน และก็เธออีกนั่นแหละ หลังสลาย ฉันนั่งช็อคอยู่บ้านน้ำตาไหล เคยไปเวทีทุกวัน วันนี้นั่งคนเดียว เธอมาเอาฉันไปบ้านเธอในเมืองไทยที่บางแสน เพื่อให้ฉันได้ผ่อนคลาย ฉันยกย่องในความเข้มแข็งของเธอที่สู้ทุกรูปแบบเพื่อพี่น้อง จนทุกวันนี้....ขอบใจนะน้อง

คืนวันที่17 พฤษภา 53 ท่ามกลางความมืดแสงไฟถูกปิดเพื่อความปลอดภัย ฉัน น้องแป๊ะ  น้องย้งยี้ และอีกสองสามคน พวกเราพากันเดินไปในความมืด คุยกันเบาๆเพื่อไปเยี่ยมพี่น้องที่รักษาด่านสารสิน นั่งบนบาทวิถีคุยกันเงียบๆ น้ำตาเอ่อล้น นี่ผู้ใหญ่เขาคุยปรองดองกันไปถึงไหนแล้วนะ  มองหน้ากันเราจะถูกฆ่าอีกรอบรึนี่

ฉันบอกน้องๆว่า ไม่หรอกน่า คนจะฆ่าคนง่ายๆจริงๆหรือ เป็นไปไม่ได้ ผิดพลาดวันที่10 เมษา ก็เกินพอแล้ว เด๋วก็จบด้วยดี ฉันหวังเช่นนั้นจริงๆ 

วันที่ 18 พฤษภา 53  ทหารตรวจหนัก ปิดล้อมเข้มงวด ฉันเข้าไปที่ชุมนุมเวทีใหญ่ไม่ได้ จึงไปรวมตัวกับพี่น้องเราที่แยกดินแดง  ฉันเห็นพี่น้องถูกยิง ซ้อนมอไซค์ไปโรงพยาบาล  มือนึงกุมแผล มือนึงกอดคนขับ ฉันแอบอวยพรให้น้องเขาปลอดภัยด้วยเถิด

คืนนั้นฉันนอนบนฟุตบาทเกาะกลางแยกดินแดง ทุกวันนี้ผ่านไปทีไรก็ระลึกทุกที ถามตัวเองเหมือนกันทำไมต้องขนาดนี้ แต่ทิ้งกันไม่ได้จริงๆ กลับไปนอนบ้านก็ไม่เป็นสุขแน่ๆ  

วันที่19 พฤษภา 53 ยังเข้าไปที่เวทีใหญ่ไม่ได้ ฉันมาที่อนุสาวรีย์ชัยฯรวมตัวกับพี่น้องที่เข้าไปไม่ได้จำนวนมาก ฉันเจอน้องเดชที่มาจากอเมริกาด้วยกัน เราเหมาขนมปังแจกพี่น้อง มีหลายคนถามตรงๆกะเราว่า เสื้อแดงรึเปล่า? เขาเกรงมีของพิษอยู่ในอาหาร เพราะมีผู้ไม่หวังดีเอาของพิษให้กินต้องหาพยานกันวุ่นวาย
 


พวกเราสั
บสน ว้าวุ่น เป็นห่วงคนข้างใน รถกระจายเสียงเสื้อแดงถ่ายทอดเสียงให้เราฟัง ฉันเองก็ซื้อวิทยุุุธานินทร์750บาท ฟังคลื่นพวกเราติดตัวอยู่ด้วย  พอ บ่าย เวทีโดยน้องนัดวุด ประกาศสลาย พวกเราที่อยู่อนุสาวรีย์ชัยฯโห่ ไม่พอใจ ตะโกนไม่ยอมๆๆๆมองหน้ากัน ร่ำไห้ โกรธอภิสิทธิ์ เกลียดทหาร 



ในใจฉันลึกๆยังหวังจะมีใครสักคนออกมาให้หยุดทุกอย่างเหมือนอ ดีต แต่ไม่มีอะไรตามที่หวัง ฉันกลับบ้าน ทิ้งฉากหลังเปลวไฟพวยพุ่งเหนือท้องฟ้ามหานครกรุงเทพฯ ทีวีสีแดงก็ไม่มีให้ดูอีกแล้ว มีแต่รายงานข่าวจากโทรทัศน์กระแสหลักที่ฝ่ายรัฐบาลกับทหารประกาศชัยชนะ และบอกว่าคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง ต้องปราบปรามให้เด็ดขาด



ฉันได้แต่สงสัยว่าใครไปเผาห้าง ทั้งที่แกนนำเวทีใหญ่ประกาศสลายการชุมนุมตั้งแต่ช่วงเที่ยง และทุกจุดมีทหารคุมเข้มงวดไปหมดอย่างนั้น 


หลังผ่านพ้นเหตุการณ์ฉันก็กลับอเมริกา และกลับมาเวลานี้เพื่อร่วมรำลึกการต่อสู้ของพวกเราในวันที่ 19 พฤษภาคม 2555


*********************************
เกี่ยวกับผู้เขียน:

คุณลิซ่า USA (ขวามือ)ขณะร่วมออกรายการโทรทัศน์กับเจ๊ดา แดงเดือด และคุณเจี๊ยบ เจแปน (กลาง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น