ที่มา Thai Free News
บทความโดย...ลูกชาวนาไทย
ผมตีความแบบคนวงนอก แบบนักสืบ ได้ 2 ทางคือ
1. เป็นเรื่องบังเอิญคือ ไปพักโรงแรมเดียวกัน โดยไม่ได้นัดหมาย อันนี้ก็มีความเป็นไปได้
2. มีใครใช้ให้ไปเจรจาความเมืองกับทักษิณ แต่ไม่ได้เข้าพบอย่างพานทองแท้บอก
สำหรับ
ข้อหนึ่ง ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่นิสัยกรณ์
หรือภรรยานั้นหากไปบังเอิญพบในโรงแรมเดียวกัน ก็คงถือโอกาส
มาโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ค "กระแนะกระแหน" ทักษิณไปแล้ว เพราะ
ขนาดไปกินไวน์ร้านเดียวกับณัฐวุฒิ ก็ยังอุดส่าห์ เอามาเล่าในเฟสบุ๊คว่า
"ได้กินไวน์ร้านเดียวกับไพร่"
นี่
ขนาดได้พักโรงแรมเดียวกันทักษิณ คนอย่างกรณ์ หรือ วรกร
มีหรือที่จะไม่เอาเมาเม้าท์ ลั่นเฟสบุ๊คว่า "วันนี้บุกรังทักษิณที่ฮ่องกง"
ไม่มีทางอมพะนำเอาไว้อย่างนี้แน่นอน
มันจึงหน้าสงสัย เพราะค้านกับนิสัยของสองคนนี้อย่างชัดเจน
ส่วนข้อที่สอง "มีคนใช้ให้ไปเจรจา" นั้น
มี
ความเป็นไปได้ที่ พวกอำมาตย์จะใช้ให้กรณ์ ไป "ขอ"
เจรจาอะไรบางอย่างกับทักษิณ เพราะหากทักษิณขอเจรจา
นายกรณ์ก็คงไม่เป็นคนเดินทางไปเอง หรือหากมีการนัดเจรจา ก็คงไม่ต้องนั่งรอ 2
ชั่วโมงอย่างที่ว่า ก็คง "มีเซฟเฮ้าท์" เจรจาลับกันอย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ นายกรณ์ และวรกร จะขอไปเจรจาอะไรกับทักษิณ
ปกติกผมก็ไม่แปลกใจหากมีการเจรจากัน เพราะปกติในสงครามนั้นก็รบไปเจรจาไปกันอยู่แล้ว
และ
ช่วงนี้ ฝ่ายทักษิณ ก็รุกทางยุทธศาสตร์หลายอย่างเสียด้วย อย่างน้อยๆ
ก็สามเรื่องใหญ่ ของรัฐบาล เช่น พรบ.พัฒนาโครงสร้างระบบราง 2.0 ล้าน
การเจรจาสันติภาพที่ภาคใต้ และการแก้ไข รธน. 3 ประเด็นสำคัญ
นี่เป็นการรุกทางยุทศาสตร์ของรัฐบาลนายกฯปู อย่างเป็นรูปธรรม
ที่เราเห็นอีกย่างในปีนี้คือ "นายกฯปู ไม่ได้ไปรดน้ำ พล.อ.เปรม"
ผม
ว่าไม่ใช่เกิดขึ้นอย่างไม่จงใจอย่างแน่นอน อย่างปีที่แล้ว เราก็เห็นนายกฯปู
ไปกราบ พล.อ.เปรม แต่ปีนี้ สงกรานต์กลับไม่ไป
แต่ไปสงกรานต์ที่เชียงใหม่เฉย
แสดงว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาสตร์อย่างแน่อน
ปีแรกที่นายกฯปูเข้ามา โดยพื้นฐาน ก็ต้องพยายามเจรจา อ่อนหยุ่น อ่อนหวานเข้าว่า เพราะอาจจะสามารถแก้ปัญหากันได้
แต่เวลาผ่านไป 1 ปี การใช้แนวคิดปรองดอง กลับไม่สามารถทำให้เกิดความก้าวหน้าแต่อย่างใด
ความเป็นปรปักษ์ก็ยังคงอยู่ แสดงว่าการเจรจาอ่อนเข้าหานั้นไม่เกิดมรรคผลแต่อย่างใด
ปีนี้จึงมีการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ เป็นแข็งกร้าวขึ้น
สัญญาณ
ที่เราเห็นความ "แข็งกร้าวขึ้น" ของฝ่ายทักษิณคือ
การพูดต่อหน้าคนเสื้อแดงของทักษิณในวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมานั้น
แข็งกร้าว ชนกับตุลาการอย่างชัดเจน
ประกอบกับการ "ไม่ไปรดน้ำ พล.อ.เปรม หรือคารวะในวันสงกรานต์" นั้นชัดเจนว่าปีนี้ฉันไม่สนใจเธออีก
วันนี้ฝ่ายทักษิณก็น่าจะสามารถประเมินกำลังฝ่ายอำมาตย์ออกแล้วว่า "กลวง" ไม่ได้ใหญ่โตจริงอย่างที่คิด
และ
ผลของการเป็นรัฐบาลมา 1 ปี ก็ทำให้ฝ่ายทักษิณแข็งแกร่ง
พอที่จะดำเนินยุทธศาสตร์ที่แข็งกร้าวได้แล้ว ไม่เหมือนตอนเข้ามาใหม่ๆ
ยังไม่รู้ว่าจะประคองตัวได้หรือไม่ ก็ต้องอ่อนหวานเอาไว้ก่อน
พฤติกรรม การโทรศัพท์ของ "จ่า"บางคน ในกองร้อย
และการสะสมกำลังกองทัพภาคที่ 5 ทำให้ทักษิณแข็งแกร่งพอที่จะรุกหรือไม่แคร์ฝ่ายอำมาตย์
และการเดี้ยงของ แกนนำสำคัญของอำมาต์ ทำให้ศักยภาพจริงๆ ของฝ่ายอำมาตย์ นั้นไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่คิด
หากเดือนสองเดือนนี้ รัฐบาลนายกฯปู มีการปรับ ครม.ใหญ่เป็น และนำคนของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นมือแข็งๆ เข้ามา นั่นคือ สัญญาณการรุก
รัฐบาลใกล้จะครบครึ่งเทอมแล้ว การไม่รุกจะทำให้เสียมวลชนยากที่จะกลับตัวได้ทันแล้ว
ก็คงรุกทางการเมือง หลังจากที่ใช้กลยุทธ์ อ่อนข้อมาปีกว่าแล้ว
http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=45765.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น