รอยกระสุนบริเวณปาก ซ.งามดูพลี – ซ.ปลูกจิต ถ.พระราม 4
รอยกระสุนที่ทะลุเหล็กแป๊บหน้าทางเข้าคอนโด เดอะ คอมพลีท ถ.ราชปรารภ
ไม่เพียงสถานที่ที่มีการเปลี่ยนแปลง
กระบวนการแสวงหาความจริงและกระบวนการยุติธรรมที่แม้จะล่าช้า
แต่ก็มีหลายกรณีเข้าสู่กระบวนการไต่สวนชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการตายตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.150 โดยมี 8 คดีที่ศาลมีคำสั่งแล้ว
ในจำนวนนี้มี 6 กรณีศาลระบุว่าเสียชีวิตจากการปฏิบัติการจากเจ้าหน้าที่ทหาร
นอกจากนี้ยังมีอีก 1 คดีคือคดีของฟาบิโอ โปเลงกี
ช่างภาพชาวอิตาลีที่ศาลนัดฟังคำสั่งในวันที่ 29 พ.ค.นี้ท่ามกลางภาพความตายที่ยังคงหลงเหลือในโลกไซเบอร์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผู้เขียนทดลองนำภาพเหตุการณ์บางส่วนเมื่อ 3 ปีก่อนมาเปรียบเทียบกับปัจจุบันเพื่อทบทวนความทรงจำและฉากความโหดร้ายที่สุด ฉากหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยจะนำภาพสำคัญๆ ย้อนกลับไปถ่ายตามจุดต่างๆ ที่เกิดเหตุ พร้อมอัพเดทความคืบหน้าของคดีที่เกี่ยวข้องกับภาพ
ภาพ 1 : ถ่ายจากบริเวณหน้าสนามมวยลุมพินี ไปทางปั้ม ปตท.(ซึ่งขณะนี้รื้อไปแล้ว) เวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 14 พ.ค.53 ในภาพมุมไกลจะเห็นคนกำลังหามร่างชายเสื้อขาว เขาคือนายเสน่ห์ นิลเหลือ คนขับรถแท็กซี่ วัย 48 ปี ถูกยิงเสียชีวิตด้วยกระสุนปืนลูกโดดเข้าที่บริเวณหน้าอกทะลุเส้นเลือดใหญ่ และปอด โดยที่มาภาพเหตุการณ์จาก BKlinK ซึ่งจะเห็นภาพต่อเนื่องอีก 3 ภาพ และสามารถดูภาพจากฝั่งผู้ชุมนุมได้ที่ Masaru Goto รวมทั้งวิดีโอคลิปจังหวะเกิดเหตุ (ดู นาทีที่ 6.42 เป็นต้นไปจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น)
และวันรุ่งขึ้น(15 พ.ค.) รองผู้ว่า กทม. พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ ออกมากล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า "เหตุการณ์ ดังกล่าวอาจจะเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ยกมือขึ้นเพื่อบอกทหารว่าจะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาด เจ็บ แต่ระหว่างนั้นมีคนวิ่งเข้าออกบริเวณดังกล่าว จึงเกิดความเข้าใจผิดขึ้น" (คลิกดูวิดีโอคลิปที่ถ่ายจากอีกฝั่งของถนน)
และจากรายงานของศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม กรณี เม.ย.- พ.ค.53 หรือ ศปช. อ้างถึงการสัมภาษณ์ผู้ถ่ายภาพนี้ว่า รถกู้ชีพคันดังกล่าวนี้ถูกทหารที่อยู่ในปั๊มเอสโซ่ปฏิเสธไม่อนุญาตให้เข้าไป เพื่อช่วยเหลือคนเจ็บ(ซึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา)
ภาพ 4 : เป็นภาพเหตุการณ์ช่วงเที่ยงคืนวันที่ 14 ต่อ 15 พ.ค.53 บริเวณแอร์พอร์ตลิงก์ราชปรารภในเหตุการณ์ทหารยิงสกัดรถตู้ นายสมร ไหมทอง ที่วิ่งเข้ามา ซึ่งถ่ายเป็นวิดีโอโดยนายคมสันต์ เอกทองมาก อดีตช่างภาพเนชั่นแชนเนล(Voice TV ได้มีการนำวีดีโอดังกล่าวมาเผยแพร่ในบางตอนด้วย สามารถคลิกดูได้ที่นี่) ในเหตุการณ์ดังกล่าวนอกจากนายสมรจะได้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังเป็นเหตุให้นายพัน คำกอง(คลิกอ่านคำสั่งศาล) คนขับแท็กซี่ และ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ(คลิกอ่านคำสั่งศาล) ที่อยู่บริเวณนั้นเสียชีวิตด้วย ซึ่งศาลได้มีคำสั่งแล้วว่าทั้งคู่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร
โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา นายศุภวัฒน์ เกตุสุวรรณ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้รับผิดชอบภาพรวมคดีบริเวณถนนราชปรารภ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีนายสมาพันธ์ ศรีเทพ ว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการส่งศาลเนื่องจากยังไม่ชัดเจนเรื่องทิศทางกระสุนและ พยาน อย่างไรก็ดี ในส่วนคดีบริเวณถนนราชปรารภมี 3 กรณีที่ส่งศาลไปก่อนหน้านี้ คือพัน คำกอง ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ และนายชาญรงค์ พลศรีลา เนื่องจากมีภาพและวิดีโอชัดเจน และศาลก็ได้ตัดสินแล้ว ดังนั้นกรณีของเฌอจึงต้องรอนโยบายของทางผู้บังคับบัญชาอีกที เพราะขณะนี้หลักฐานยังคงไม่ชัดเจนเกรงว่าส่งศาลไปแล้วอาจไม่สามารถระบุว่า ใครยิง ส่วนเรื่องพยานในที่เกิดเหตุขณะนี้มีพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนอยู่ ซึ่งบริเวณที่เฌอถูกยิงในเวลานั้นนอกจากเฌอก็มีศพอื่นด้วย และต้องดูประกอบกัน
ภาพ 6 : 2 “พลแม่นปืนระวังป้องกัน” ซึ่งถูกระบุว่าเป็นเหตุการณ์ในวันที่ 15 พ.ค.53 เวลาประมาณ 14.00 น. บริเวณชั้น 2 อาคารหน้าสนามมวยลุมพินี (คลิกดูวิดีโอคลิป)
ภาพ 7 : ภาพร่างของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รหัสทองหล่อ 016 หรือนายมานะ แสนประเสริฐศรี วัย 22 ปี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ กระสุนปืนทำลายสมอง ที่บริเวณปากซอยงามดูพลี หน้าธนาคารกสิกรไทย ถนนพระราม 4 ช่วงเวลาประมาณ 14.00 – 15.00 น. ของวันที่ 15 พ.ค.56 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ใกล้เคียง(ฝั่งตรงข้ามถนน)และต่อเนื่องกับเหตุการณ์ “พลแม่นปืนระวังป้องกัน” 2 นาย ในภาพที่ 6 โดยนอกจากมานะแล้ว ใกล้ๆ กันซึ่งมองไม่เห็นในภาพจะมีร่างของพรสวรรค์ นาคะไชย ซึ่งเป็นผู้ถูกยิงที่มานะพยายามเข้าไปช่วยพร้อมถือธงที่เป็นสัญลักษณ์กาชาด เข้าไปด้วย ก่อนจะถูกยิงและเสียชีวิตทั้งคู่ โดยคดีของทั้ง 2 คนถูกรวมเป็นคดีเดียวกันและมีการเริ่มการไต่สวนการเสียชีวิตแล้ว (คลิกอ่านเพิ่มเติม)
นอกจากนี้ภาพดังกล่าวในวันที่ 20 พ.ค.53 ยังถูกพล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก นำไปใช้แถลงข่าวเรื่องการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารในการขอคืนพื้นที่ในวัน ที่ 19 พ.ค.53 เพื่อแสดงให้สังคมเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงถูกยิงจากการพยายามเข้าไปดับ เพลิงที่เซ็นทรัลเวิลด์ ทั้งๆ ที่เป็นภาพที่ต่างสถานที่ ต่างเวลา โดยพล.ท.ดาว์พงษ์ แถลงว่า “จังหวะเวลาที่เรารอยังไม่เข้าในช่วงนั้น ผู้ที่อยู่ข้างในบางส่วนก็เริ่มเผาทำลาย ภายในก็เริ่มเผาตรงเซ็นทรัลเวิลด์ โรงแรมเซนทารา แกรนด์ ดับไปแล้วก็มาเผาใหม่ เราก็พยายามเอารถดับเพลิงเข้าไปในพื้นที่ พอรถดับเพลิงเข้าไปในพื้นที่ก็ถูกยิงออกมา ทำให้ไม่สะดวกในการเข้าไป ก็ทำให้เกิดความสูญเสีย แต่เราก็พยายามเต็มที่ที่จะพยายามนำรถดับเพลิงเข้าไป แต่มีการต่อต้านอยู่ตลอดเวลา” (พล.ท.ดาว์พงษ์แถลงพร้อมนำภาพมานะ ซึ่งถูกยิงวันที่ 15 ตรงปากซอยงามดูพลีมาแสดงประกอบ คลิกดูคลิปดังกล่าว)
ภาพ 8 : ปากทางเข้าปั๊มเชลล์ราชปรารภ จุดที่นายชาญณรงค์ พลศรีลา ถูกยิง ช่วงบ่ายวันที่ 15 พ.ค.53 ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา และศาลได้มีคำสั่งว่าเสียชีวิตจากกระสุนของ เจ้าหน้าที่ทหารแล้ว(คลิกอ่านคำสั่งศาล) ภาพเหตุการณ์นี้ถ่ายโดยนิค นอสติทช์ ช่างภาพอิสระชาวเยอรมัน ในภาพจะเห็นนายชาญณรงค์ สวมเสื้อขาวนอนอยู่บริเวณกองยาง ซึ่งขณะนั้นเขาถูกยิงแล้ว
ภาพ 10 : ถ้าจะหาฉากช่วงสลายการชุมนุมที่คลาสสิคอย่าง ภาพยนตร์ ฉากนี้คงเป็นหนึ่งฉากที่ทั้งประทับใจ ลุ้นระทึกและสะเทือนใจ ผิดแต่ในภาพยนต์นักแสดงไม่ตายจริง แต่ฉากนี้มีทั้งผู้ที่ตายและบาดเจ็บจริง ภาพผู้ชุมนุมพยายามเข้าช่วยเหลือนายถวิล คำมูล ที่ถูกยิงเวลาประมาณ 7.30 น. วันที่ 19 พ.ค.53 ตรงป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ ใกล้สี่แยกศาลาแดงถนนราชดำริ ถือเป็นศพแรกของวันนั้น โดยผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือหลายคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส(คลิกดูอัลบั้มภาพ ชุดเหตุการณ์ต่อเนื่องที่ “หงส์ศาลาแดง” และคลิกดูภาพเคลื่อนไหว ) และไม่มีใครนำร่างถวิลไปส่งโรงพยาบาลได้ จนกระทั่งถูกหน่วยกู้ชีพที่มากับเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้ามาทางศาลลาแดงนำร่าง ไป พร้อมกับร่างของชายถอดเสื้อไม่ทราบชื่อที่นอนเสียชีวิตจากการถูกยิงที่ศีรษะ บริเวณเต๊นท์ใกล้ร่างของถวิล (คลิกอ่านเรื่องของชายไม่ทราบชื่อ)
โดยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2554 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ได้ชี้แจงต่อรัฐสภากรณีการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในวันที่ 19 พ.ค.53 ว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตก่อนหน้าการปฏิบัติการของทหารเนื่องจากเลือดได้แห้ง หมดแล้ว โดยนายสุเทพ ระบุว่า “.. มีคนเสียชีวิตจริงๆ 6 คน นับรวมคนที่เสียชีวิตมาก่อนตอนที่เราเข้าไปถึงตอน 7-8 โมงเช้า เห็นนอนอยู่แล้ว ที่ข้างเต๊นท์ที่สวนลุมพินีเลือดแห้งหมดแล้ว 2 คนด้วย.." (ดูวิดีโอคลิปอภิปรายดังกล่าวในนาทีที่ 1.25.12 ประกอบ)
สำหรับคดีของทั้ง ถวิลและชายไม่ทราบชื่อขณะนี้อยู่ในชั้นอัยการแล้ว
ขณะที่ฟาบิโอถูกยิงได้วิ่งหลบกระสุนไปกับกลุ่มผู้ชุมนุมหันหลังให้แยก ศาลาแดงซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารกำลังเข้ามาทางนั้น และฟาบิโอหันหน้าไปทางสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชดำริ คลิกดูภาพ(ภาพ 1, ภาพ 2)อีกมุมจาก Masaru Goto คนสวมหมวกเหลืองเสื้อแดงที่เข้าช่วยฟาบิโอ และภาพเคลื่อนไหวในเหตุการณ์จาก Bradley Cox ประมาณนาทีที่ 1.12 (คลิกดู)
สำหรับคดีฟาบิโอได้มีการไต่สวนการตายเรียบร้อยแล้ว โดยศาลได้นัดฟังคำสั่ง 29 พ.ค.นี้
ภาพ 13 : ร่างหญิงวัยกลางคนอาชีพเก็บขยะ วัย 49 ปี คือ ประจวบ เจริญทิม ถูกยิงเมื่อเวลา 9.52 น. ของวันที่ 19 พ.ค. โดยกระสุนเข้าบริเวณขาซ้ายทะลุขาขวา กระสุนปืนถูกเส้นเลือดแดงขาด ทำให้เสียเลือดมากจนเสียชีวิต บริเวณป้อมตำรวจสามเหลี่ยมดินแดง โดยภาพดังกล่าวถูกถ่ายโดยผู้ใช้นามแฝงว่า “พระอินทร์”
ร่างของเธอถูกนำไปฝังในฐานะศพไร้ญาติที่สุสานสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชา จ.ชลบุรี ร่วมกับผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งในเหตุการณ์สลายการชุมนุม พ.ค.53 และสำหรับคดียังไม่มีความคืบหน้า
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก ศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุมเม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น