แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

24 ปี เทียนอันเหมิน 'ผีสิทธิมนุษยชน' ยังหลอกหลอนรัฐบาลจีน

ที่มา Voice TV




เหตุการณ์ปราบปรามประชาชนที่ จัตุรัสเทียนอันเหมินผ่านไปแล้วถึง 24 ปี แต่เรื่องนี้ยังคงตามหลอกหลอนรัฐบาลจีนทุกครั้งที่มีการพูดถึงปัญหาการ ละเมิดสิทธิมนุษยชน และดูเหมือนว่าจีนก็ยังคงใช้วิธีปกปิดแผลเก่า มากกว่าจะสะสางหาข้อเท็จจริงเพื่อให้เรื่องนี้จบลงอย่างถาวร  
 
 
ภาพนี้ประชาชนมือเปล่าที่ยืนขวางรถถังภาพ นี้ ถือเป็นหนึ่งในภาพข่าวประวัติศาสตร์ที่โด่งดังที่สุดในโลก และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามนักศึกษาและประชาชนผู้ ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติด้วยมือเปล่าที่เกิดขึ้น ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ศูนย์กลางของกรุงปักกิ่งเมื่อปี 2532 การล้อมปราบประชาชนครั้งนั้นกินเวลานานถึง 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 ถึง 4 มิถุนายน และว่ากันว่าทำให้จัตุรัสเทียนอันเหมินอันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยเลือด โดยจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีจำนวน เท่าไหร่ แต่คาดกันว่าจากจำนวนผู้ประท้วงที่มีนับแสน ผู้ที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับกระสุนปืนของทหาร น่าจะมีมากกว่าพันคน นับเป็นเหตุการณ์รุนแรงสุดที่เกิดขึ้นในปักกิ่งตั้งแต่การปฏิวัติประชาชน เป็นต้นมา
 
เหตุการณ์นองเลือดในครั้งนั้นผ่านไปแล้ว 24 ปีเต็ม โดยเด็กชาวจีนที่เกิดหลังช่วงปี 2532 หรือแม้แต่ชาวจีนที่อยู่ต่างมณฑลในพื้นที่ห่างไกล แทบจะไม่เคยรู้ว่าได้เกิดเหตุนองเลือดขึ้นในสถานที่ที่เป็นหัวใจของกรุง ปักกิ่ง ไม่มีการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบการสั่งสังหารหมู่ประชาชน และไม่เคยมีการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามของเจ้า หน้าที่รัฐ เรียกได้ว่ารัฐบาลจีนพยายามกวาดทุดอย่างเก็บซ่อนเข้าใต้พรมแห่งประวัติ ศาสตร์ โดยคิดว่าการไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ จะทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ภาวะปกติเหมือนกับไม่เคยมีการล้อมปราบประชาชนกลาง เมืองเกิดขึ้น
 
 
แต่คำว่า "เทียนอันเหมิน" ก็ยังคงตามหลอกหลอนรัฐบาลจีนมาทุกยุคทุกสมัย เนื่องจากยังมีผู้ที่ไม่ยอมลืมเหตุการณ์นี้ นั่นก็คือญาติของผู้ที่เสียชีวิต สูญหาย หรือถูกกักขังจากเหตุการณ์เทียนอันเหมิน และรัฐบาล รวมถึงองค์กรนานาชาติ ที่ต่างได้เห็นภาพการปราบปรามอันนองเลือดผ่านสื่อต่างประเทศจำนวนมากที่ได้ เข้าไปทำข่าวเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้นำจีนเดินทางไปยังประเทศต่างๆ หรือมีการพูดถึงเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีเทียนอันเหมินจะต้องถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหนามยอกอกรัฐบาลจีนทุกครั้ง โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ใช้เรื่องเทียนอันเหมินเป็นไม้ตายในการโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือ จีนอย่างได้ผลมาโดยตลอด
 
 
แม้ว่ารัฐบาลจีนชุดใหม่นำโดยนายสีจิ้นผิง จะเป็นที่คาดหวังกันอย่างมาก ทั้งในหมู่ชาวจีนเองและนานาชาติ ว่าจะเป็นผู้นำยุคใหม่ที่ปฏิรูปจีนให้ก้าวหน้าในด้านสิทธิมนุษยชนและบริหาร ประเทศอย่างโปร่งใส แต่ดูเหมือนว่าเมื่อมาถึงเรื่องเทียนอันเหมิน นายสีก็ยังยืนยันที่จะใช้นโยบายหมกเม็ด ไม่ยอมพูดถึงความผิดพลาดของรัฐบาลจีนในอดีตเหมือนเดิม เห้นได้ชัดเจนจากการที่รัฐบาลจีนสั่งเพิ่มความเข้มงวดในการเซ็นเซอร์อิน เทอร์เน็ตและจับตานักเคลื่อนไหวคนสำคัญๆในช่วงวันครบรอบเหตุการณ์เทียนอันเห มินปีนี้มากกว่าปีที่ผ่านๆมาหลายเท่า
 
 
มีรายงานว่าหนึ่งในนักเคลื่อนไหวเครือข่าย ญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เทียนอันเหมิน ถูกห้ามไม่ให้เดินทางไปฮ่องกงเพื่อร่วมพิธีรำลึก ขณะที่ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนชื่อดังของจีนก็ถูกตำรวจควบคุมตัวโดยไม่ได้ ตั้งข้อหาก่อนหน้างานรำลึกเทียนอันเหมินเพียงไม่กี่วัน
 
 
ส่วนในโลกออนไลน์ มีการบล็อกคำค้นเกี่ยวกับเทียนอันเหมินทั้งหมด นอกจากคำว่า "เทียนอันเหมิน" ที่ถูกบล็อกอย่างถาวรอยู่แล้ว วันที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้อย่าง 6/4 หรือวันที่ 4 เดือน 6 และ 89 หรือปี 1989 หรือแม้แต่คำว่า " 35 พฤษภาคม" ซึ่งเป็นรหัสลับในการค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับเทียนอันเหมิน ก็ถูกบล็อกเช่นเดียวกัน
 
 
แต่การแก้ปัญหาด้วยวิธีการปิดกั้นข้อมูล ข่าวสารเช่นนี้ ดูจะยากขึ้นทุกทีสำหรับโลกปัจจุบันที่อินเทอร์เน็ตทำให้ข้อมูลทุกอย่างเข้า ถึงได้ง่ายและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ขณะที่จีนเองก็กำลังปรับภาพลักษณ์ตัวเองให้ทันสมัยและโปร่งใสยิ่งขึ้นเพื่อ ที่จะก้าวไปยืนทัดเทียมกับนานาอารยประเทศได้อย่างภาคภูมิ เทียนอันเหมินจึงเป็นเหมือนบาดแผลเก่าแผลสุดท้ายที่รอวันชำระสะสาง เพื่อที่จีนยุคใหม่จะได้ก้าวหน้าไม่เพียงแต่ในด้านเศรษฐกิจและอิทธิพลทางการ เมืองเท่านั้น แต่รวมถึงหลักธรรมาภิบาลและการเคารพสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นพื้นฐานความชอบธรรมของรัฐบาลทุกประเทศ ไม่ว่าจะปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยหรือสังคมนิยมก็ตาม
3 มิถุนายน 2556 เวลา 08:26 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น