ผมเชื่อว่า ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่เนื้อคู่ ไม่ใช่คู่บุญบารมีอะไรหรอกครับท่าน..ด้วยเวลาปลายเมษายน ถึง 8 มิถุนายน 2556 สามารถสึกพระ 38 พรรษาได้ จริงหรือ ถ้าไม่มีตัวช่วย..เราได้คุยกับผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับยา ว่าคนที่มีอาการแบบนี้ เป็นไปได้ที่จะโดนยากล่อมประสาท
เหตุการณ์ ดังกล่าว เกิดขึ้นรวดเร็วมาก โดยไม่มีใครคาดคิดว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ จนกระทั่งเย็นวันที่ 8 พระที่วัดได้โทรฯ คุยกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่ามีคนในครอบครัวของ ผญ แจ้งไปที่วัดป่านานาชาติ ว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ เช้าวันอาทิตย์ที่ 9 และครอบครัวได้ห้ามแล้ว แต่ด้วยนิสัยของ ผญ ที่จะเอาอะไร ต้องเอาให้ได้
วันนั้น เรายืนมองท่านเดินจากไป..เดินลากเท้า เหมือนคนอ่อนแรง เห็นท่ายืนรอ ผญ แลกเงิน อย่างเหม่อลอย..เป็นภาพที่เรารู้สึกว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะช่วยท่าน …แต่จะด้วยอะไรก็ตาม วันนั้น เราทำเพียงยืนดูท่านจากไป..
ที่มา facebook
จากคำบอกเล่าของลูกศิษย์คนสนิทของท่าน
-----------------------------------------
มี โยมที่วัดบอกว่า ผญ คนนี้วันวันเอาแต่นั่งจ้องพระอาจารย์มิตซูโอะ เป็นชั่วโมงชั่วโมง ใครเข้าไปกราบท่าน หล่อนก็ไม่ถอยออกมา นั่งจ้องอยู่เช่นนั้น
มี โยมที่วัดบอกว่า ผญ คนนี้วันวันเอาแต่นั่งจ้องพระอาจารย์มิตซูโอะ เป็นชั่วโมงชั่วโมง ใครเข้าไปกราบท่าน หล่อนก็ไม่ถอยออกมา นั่งจ้องอยู่เช่นนั้น
และต่อมา ผญ ก็เสนอให้การรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการทำ chelation โดยต้องไปทำที่ clinic ทองหล่อ ซอย 4 อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
2ครั้ง แรก เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เดินทางไปด้วย แต่ตัว ผญ ไม่ได้ไป และหลังจากนั้นก็เพิ่มเป็นทุก 2 วัน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ติดตามไปด้วย และผญ เสนอว่า เนื่องจากต้องไป clinic บ่อยอยู่แล้ว จึงให้คนขับรถของหล่อน มารับไปกิจนิมนต์ด้วยเลยทุกวัน ซึ่งรถที่มารับ เป็นรถตู้ สีขาว ติดฟิล์มดำสนิท มีกระจกกั้นระหว่างคนขับกับห้องโดยสาร ไม่สามารถมองเห็น และได้ยินห้องโดยสารได้
ใน ชั้นแรก เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ แจ้งท่านว่ารถคันนี้ไม่เหมาะสม จึงให้ ผช ในวัดติดตามไปด้วย 1 คน แล้วมารู้ทีหลังว่า โดน ผญ สั่งให้ไปนั่งกับคนขับรถ บางครั้งไปนั่งด้านหน้า 3 คน รวมคนขับเป็น 4 คน ตอนลงรถ เราคิดว่ามากันหลายคน มาทราบภายหลังว่าทุกคนโดน ผญ สั่งให้ไปด้านหน้าทั้งหมด
พระอาจารย์ฯ มีกิจนิมนต์ที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 2 – 17 พฤษภาคม (ผญ ไม่ได้ไป)
ตั้งแต่ วันที่ 18 พฤษภาคม ผญ คนนี้ก็มารับพระอาจารย์ฯ ที่มูลนิธิฯ ไปทำ chelation ทุกวัน เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามว่าทำไมต้องไปทุกวัน ผญ ตอบว่ามีการทำ stem cell ร่วมด้วยจึงต้องไปทุกวัน และโดยปกติพระอาจารย์ฯ จะต้องมีการตรวจสุขภาพที่ รพ วิชัยยุทธ แต่ท่านปฏิเสธการตรวจสุขภาพทั้งหมด
เจ้า หน้าที่มูลนิธิ เห็นสิ่งผิดปกติ ของ ผญ คนนี้ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างไร พอมาคิดย้อนหลังจึงพบว่า พระอาจารย์ฯ ก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นั่งเหม่อ เก็บตัว มีอาการโมโห โกรธ บางครั้ง ซึ่งท่านไม่เคยเป็นแบบนี้เลย
เหตุการณ์
ดังกล่าว เกิดขึ้นรวดเร็วมาก โดยไม่มีใครคาดคิดว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ
จนกระทั่งเย็นวันที่ 8 พระที่วัดได้โทรฯ คุยกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ
ว่ามีคนในครอบครัวของ ผญ แจ้งไปที่วัดป่านานาชาติ ว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ
เช้าวันอาทิตย์ที่ 9 และครอบครัวได้ห้ามแล้ว แต่ด้วยนิสัยของ ผญ
ที่จะเอาอะไร ต้องเอาให้ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เรา ก็สงสัยว่า ครอบครัว ผญ รู้ได้อย่างไร จึงสอบถามไปที่ครอบครัวของหล่อน และได้คำตอบว่าพวกเขากลุ้มใจกันมาก แต่ไม่กล้าแจ้งทางมูลนิธิฯ ว่าหล่อนมาขอร้องให้ช่วยดำเนินการเรื่องวีซ่า ไปประเทศญี่ปุ่น จึงได้รู้ความจริง
การ ติดตามของเราที่จะให้ได้พบตัวท่าน เพียงเพื่อจะได้เห็นกับตาว่าท่านสึกแล้ว จริงหรือไม่ และจากกล้อง CCTV เราจึงบอกกับทางมูลนิธิฯ ว่า สึกจริงแล้ว เรายืนยันได้ และเราก็ปรึกษากัน ตัดสินใจไปดักรอพบท่านที่สุวรรณภูมิ เพราะได้รับแจ้งจากวัดป่านานาชาติ จากแหล่งข้อมูลเดิม ว่าจะเดินทางออกนอกประเทศ ไปฮ่องกง เช้ามืดของวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน ซึ่งผมตรวจสอบแล้วว่ามี สายการบิน ฮ่องกงแอร์ไลน์ เช้าที่สุดคือเวลา ตี2:15 เราจึงไปถึงสนามบินในเวลาเที่ยงคืน และเราก็ได้พบกับท่าน
เรา ได้เข้าไปคุยกับท่าน ถามถึงเหตุผลที่สึก ท่านตอบว่า เป็นพระสอนได้แค่คนที่เคารพผ้าเหลือง ถ้าเป็นคนธรรมดาจะสอนคนได้ทุกชาติ ศาสนา และเราก็ขอให้ท่าน อยู่ที่มูลนิธิฯ ต่อซัก 2-3 วันแล้วค่อยตัดสินใจใหม่ ท่านปฏิเสธ และเราถามอีกว่า ท่านสึกแล้วทำไมถึงมากับผู้หญิง ท่านตอบว่า ด้วยเหตุและปัจจัย
สิ่ง ผิดปกติที่เราสังเกตุเห็นคือมือของท่านทั้งสองข้าง คล้ำแบบดำเขียว เหมือนกับช้ำมาก เฉพาะที่มือทั้งหน้ามือและหลังมือ เราจึงถามท่านว่า ทำไมมือของท่านดำมาก ท่านไม่สบายหรือเปล่า ท่านเก็บมือใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วบอกว่าสบายดี ไม่เป็นอะไร แต่เราไม่ยอม จึงขอให้ท่านเอามือออกมาเทียบกับมือของผม ก็พบว่ามือของท่านผิดปกติ แต่ท่านก็ยังยืนยันว่า สบายดี
ใน ระหว่างที่ถาม ท่านแสดงอาการไม่พอใจ ที่มาพบท่าน และพูดไล่เรากลับไป ซึ่งอาการเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน ท่านไม่เคยปฏิเสธใคร ดูเหมือน เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
วันนั้น เรายืนมองท่านเดินจากไป
เห็น ท่าเดินที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เป็นท่าเดินที่ลากเท้า เหมือนคนอ่อนแรง โดยปกติท่านจะเป็นคนที่เดินแบบยกเท้าพ้นพื้น แล้วจรดเท้าลงแบบเดินจงกรม
เห็นท่ายืนรอ ผญ แลกเงิน อย่างเหม่อลอย
เป็นภาพที่เรารู้สึกว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะช่วยท่าน …แต่จะด้วยอะไรก็ตาม วันนั้น เราทำเพียงยืนดูท่านจากไป
คืน นั้น เรากลับมาหาข้อมูล ผญ คนนี้ต่อ พบว่า ใน website เขียนถึงหล่อนว่า แต่งงานมาแล้ว และหย่ามาแล้วหลายครั้ง มีหนี้สินมากกว่าพันห้าร้อยล้าน มีคดีที่ต้องขึ้นศาลตลอดเวลา ค่าเช่าคลีนิคไม่จ่ายมาแล้ว 3 เดือน ใน web มีคนเขียนว่า ไม่จ่ายค่ายา ไม่จ่ายค่าหมอ และเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่ทำไว้ เปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายชื่อ เปลี่ยนแม้กระทั่งชื่อเล่น
และ ต่อมา เราได้คุยกับผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับยา ว่าคนที่มีอาการแบบนี้ เป็นไปได้ที่จะโดนยากล่อมประสาท แต่เนื่องจากต้องเดินทางไกล จึงต้องสเน็ปยาเข้าไปที่ข้อมือมากกว่าปกติ มือจึงดำ ประกอบกับอาการเหม่อลอย และเดินลากขา เป็นเพราะยากล่อมประสาท เช่น dormicum
จาก การปล่อยข่าวของ ผญ ทั้งรูป และวิดีโอ สร้างภาพให้เป็น สึกด้วยความรักหล่อน ทำให้ สงสัยว่าด้วยเวลา ปลายเมษายน ถึง 8 มิถุนายน 2556 สามารถสึกพระ 38 พรรษาได้ จริงหรือ ถ้าไม่มีตัวช่วย
ความรู้สึกของผมจากการหาข้อมูลด้วยตัวเอง และการติดตามใน 3 วันนั้น ทำให้ผมคิดตลอดเวลาว่าจะช่วยท่านได้อย่างไร
และ ผญ คนนี้ จงใจกระทำทุกอย่าง อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด และผมเชื่อว่า ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่เนื้อคู่ ไม่ใช่คู่บุญบารมีอะไรหรอกครับท่าน
และ ผมตัดสินใจในวันนี้ว่า จะต้องเล่าสิ่งที่ผมรู้ทั้งหมด ในฐานะลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่ศรัทธาท่านและระลึกถึงบุญคุณที่ท่านทำไว้ให้กับชาวไทยอย่างล้นเหลือ
ผมมีคำถาม ใครช่วยตอบผมที
ผญ ที่สร้างภาพ ดี รวย สวย เก่ง และมีความรักที่สวยงาม คนนี้ ยักยอกเงินทำบุญ จากญาติโยม ที่นิมนต์เทศน์ที่วัดเบญจมบพิตร เพียง 30,000.- บาท เพราะเหตุผลอะไร
จบครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น