แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

"ไอ้บอล" คนขับรถสารภาพแล้ว-ซัด "เพื่อน" ลงมือฆ่า "เอกยุทธ" - ตร.หิ้วตัวไปชี้จุดทิ้งศพที่พัทลุง

ที่มา ข่าวสด

 

 


บิ๊กแจ๊ดนำตัว "สันติภาพ" คนขับรถเอกยุทธ  แถลงข่าว

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 มิ.ย. ที่ห้องประชุมใหญ่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4  พร้อมนำตัวนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล อายุ 25 ปี คนขับรถของนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ที่หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา 

พบหลักฐาน แหวนทองคำ

 พร้อมของกลางรองเท้าคัทชูหนัง สีน้ำตาลเปื้อนโคลนของนายสันติภาพเงินสดประมาณ6.5หมื่นบาทนาฬิกาข้อมือ กระเป๋าสตางค์หนังยี่ห้อทัชสีน้ำตาลแหวนลักษณะคล้ายทองคำขาวของนายเอกยุทธ 1 วง เครื่องสำอาง เช่น แปรงสีฟัน โคโลนจ์ บัตรประชาชน และใบขับขี่ของนายสันติภาพ นอกจากนี้ยังมีจดหมายเขียนใส่กระดาษเขียนติดเอาไว้ด้านข้างรถตู้โฟล์กสีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กทม.ว่า “ถึงบริษัท เน็ตอีสท์ ผมไม่ได้หนีไปไหนแต่นายสั่งให้ผมหลบไปสักพักแล้วค่อยกลับมาผมไม่ส่งนายที่ ที่นึง นายสั่งห้ามบอกใครและให้ผมค่อยกลับเวลานายกลับมา Ball” โดยนายสันติภาพ ยอมรับว่า เป็นคนเขียนเองเพื่อที่จะนำไปติดเอาไว้บริเวณพวงมาลัยรถคันดังกล่าว

 พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่าสำหรับคดีการหายตัวของนายเอกยุทธที่หายตัวไปและญาติแจ้งความวันที่9มิ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันอาทิตย์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมาและทุกอย่างต้องเป็นความจริงให้สังคมยอมรับได้ ประชาชนยอมรับได้ ไม่มีแต่งเติมใดๆทั้งสิ้น ซึ่งได้มีการดำเนินการสืบสวนตลอด ทั้งการหาหลักฐานในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จะตรวจสอบว่าที่นายเอกยุทธและนายสันติภาพ ไปที่ไหนมาบ้าง ทั้งที่ จ.สุราษฎร์ธานี หัวหิน ตลอดจนกลับมา ซึ่งตำรวจได้ตัวของนายสันติภาพเมื่อวานนี้ (วันที่ 10 มิ.ย.)  ในเวลาก่อน 12.00 น. ขณะขับรถย้อนกลับมาในกรุงเทพฯ เพื่อเอารถจอดที่บ้าน ก่อนจะหลบหนีหรือไปไหนก็แล้วแต่ ซึ่งจะให้นายสันติภาพเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด เนื่องจากเรื่องจริงทั้งหมดอยู่ที่เขา เนื่องจากเป็นคนรับสมุดเช็ค เป็นผู้รับเงินสด 5 ล้าน เป็นผู้อยู่กับนายเอกยุทธเป็นคนสุดท้าย เป็นผู้ขับรถไปส่ง ส่วนจะลงที่ไหนก็ให้ฟังกันเอง

คนขับรถร่ายยาวเหยียด

นายสันติภาพ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ก่อนนายเอกยุทธหายตัวไปว่า วันพฤหัสที่ 6 มิ.ย. ตนพา "บอส" (เจ้านาย หมายถึงนายเอกยุทธ) ไปกินอาหารที่ร้านกระแต ย่านประดิพัทธ์ เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม กว่าจะเสร็จก็ 4-5 ทุ่ม เมื่อเสร็จก็ถอยรถให้ขึ้นด้านซ้าย จากนั้นออกจากร้านกระแต ประมาณ 5 ทุ่ม จากนั้นจะไปบ้านบอส โดยใช้เส้นทางลาดพร้าว แต่รถติดจึงใช้ทางด่วนแล้วเข้าทาวน์อินทาวน์ ระหว่างนั้นบอสลุกลี้ลุกลน ไม่รู้จะรีบไปไหน จากนั้นให้ตนหากุญแจบ้าน แต่หากไม่เจอ บอสเลยโทรไปถามญาติจากนั้นให้ไปหาดูใหม่ ก็พบอยู่ใต้ถุงพลาสติก 

จากนั้นบอสก็หายไปในบ้าน จากนั้นลูกชายก็โทรศัพท์หาว่าพ่อกุญแจอยู่ไหน บอสให้รอ บอกเดี๋ยวออกมา และถามตนว่าขับลงใต้ได้ไหม สะดวกไหม ตนก็บอกว่าเส้นทางบ้านตน ไม่มีปัญหา จากนั้นบอสก็นำโทรศัพท์เดินขึ้น เดินลง  ตนก็รอสักพักจากนั้นก็ขึ้นไปยกของให้บอส  ก่อนลงมาบอสยังให้ถอดซีซีทีวี ตนก็แกะๆ จากนั้นเสร็จตนก็ยกกระเป๋าบอสขึ้นรถ ส่วนบอสถือกล่องซีซีทีวี บอสบอกให้ออกไปเลย ตนก็บอกไปแถวลาดกระบังก่อนไหม แล้วบอสก็ถามว่าบ้านเอ็งอยู่กับใคร ก็บอกว่าพี่สาวอยู่กับแฟนไม่มีปัญหาที่บ้านติดแอร์ทุกห้อง


อ้างมีคนโทร.หาเอกยุทธ ถี่ยิบ 

นายสันติภาพ กล่าวอีกว่า “วันนั้นบอสพกโทรศัพท์ไป 4 เครื่อง และโทรศัพท์ดังบ่อยมาก โดยมีการโทรสั่งงาน กระทั่งวันศุกร์ (วันที่ 7 มิถุนายน) เวลาเกือบเที่ยง บอสก็บอกให้เข้าไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตนก็ขับรถพาไป บอกจะมีหลานเอาเอกสารมาให้ โดยนัดเจอกันที่ช่อง 8 ตนก็ไปรอ โดยมีบอสนั่งในรถ แต่บอสไม่ให้บอกใคร จากนั้นมีนายแบงค์ นำเอกสารมาให้ขับรถวีออส สีดำ เป็นสมุดเช็ค จากนั้นบอสบอกให้ขับรถวน 1 รอบ เพื่อเอาสมุดเช็คมาคืนนายแบงค์ที่ช่อง 8 แต่เข้ามาอีกรอบจำไม่ได้ว่าขาเข้าหรือขาออก ตนขึ้นมาคนละชั้นเลยไม่เจอ เลยบอกนายแบงค์ ให้มาเจอที่ทางโค้ง จากนั้นนายแบงค์ก็ขับรถวีออส มาเอาสมุดเช็คไป 

ระหว่างนั้นบอส คุยโทรศัพท์เยอะมาก พร้อมให้ไปรอที่ย่านลาดกระบัง กระทั่งเวลา 3 โมงเย็น ได้บอกให้เข้าสุวรรณภูมิใหม่ เพื่อมาเอาเอกสาร ฝนก็ตก ตนก็ขับมารอเอกสารจากคนชื่อ อิงค์ ซึ่งขับรถซีวิคมา จากนั้นเขาลดกระจกด้านซ้ายลง ตนก็ถามว่าเอกสารนายที่ให้มาเอาอยู่ไหน เขาก็บอกว่าเอกสารอยู่ตรงที่นั่งคู่คนขับ ตนก็ถือถุงเอกสารมาและคว้าขึ้นรถ เขาก็ถามว่าไหนบอสละ ตนก็บอกว่าความลับเจ้านายบอกไม่ได้ ตนก็เอาถุงเอกสารให้บอสบอกเตรียมตัวเดินทาง  จากนั้นตนก็ไปเอากระเป๋าที่บ้าน ตนคิดว่าบอสจะเดินทางเลย แต่ก็รอเวลาถึงประมาณตี 3 จากนั้นออกจากบ้านลาดกระบัง เลียบมอร์เตอร์เวย์ไปวงแหวนกาญจนาไปลงพระราม 2 จากนั้นแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท. น่าจะเติม 2,000 บาท

ยันนายสั่งเองให้ขับรถลงใต้-ลงกลางทางมีคนมารับ

 คน ขับรถระบุว่าบอสสั่งให้ขับมุ่งลงใต้ตนก็ขับไปทางเพชรบุรีใช้เส้นบายพาสก่อน ถึงปราณบุรีบอสก็กดกระจก(กั้น)บอกให้เตรียมจอดแต่ก็ขับไปเรื่อยๆ สักพักก็บอกให้จอดตรงนี้แหละ จากนั้นก็โทรศัพท์บอกให้รีบๆมารับ ตนก็จอดรอไม่ได้สักเกตอะไร สักพักมีรถเก๋งมาจอดด้านหลัง 2 คัน คันแรกสีดำที่มาจอดตูด ส่วนคันข้างหลังไม่ทราบรถอะไร บอสลดกระจกลงมาและยื่นเงินให้ตน 1,000 บาท และบอกว่าเอ็งไม่ต้องบอกใครว่ามาส่งที่นี่ เอ็งค่อยกลับมาทำงานใหม่ตอนแกกลับมา เมื่อเปิดประตูให้แกบอกว่า เอ็งไปได้เลย แล้วก็ยกกระเป๋าสีดำแบบเจมบอนส์ 1 ใบและกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ เมื่อส่งเสร็จตนก็ออกรถเลย และเนื่องจากเป็นวันหยุดของตน เสาร์ อาทิตย์ ไม่รู้จะไปไหนเลยขับรถกลับพัทลุง กะจะเอารถไปโชว์เพื่อน แต่ไปพัทลุงก็ไม่เจอใคร ก็ขับกะจะเอารถมาเก็บในเช้าวันจันทร์ เมื่อขับมาถึงสมุทรสงคราม ก่อนเข้ามหาชัย รถยางแตก พอยางแตกก็เจอตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาสอบปากคำ

บิ๊กแจ๊ดระบุ ยังไม่ปักใจเชื่อ

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวนายสันติภาพได้แล้ว ก็พยายามสอบถามและรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบ ตามคำให้การของนายสันติภาพ โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด นายสันติภาพไปที่ไหนบ้างตำรวจก็ตามเก็บหลักฐานไว้ทั้งหมด ซึ่งก็ตรงตามที่นายสันติภาพให้การ แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด และจะต้องทำการสืบสวนขยายผลต่อ เพราะขณะนี้ยังไม่พบตัวนายเอกยุทธ และเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน ทางบช.น.จึงได้ออกคำสั่งตั้งชุดสืบสวนสอบสวนขึ้นมา โดยมีพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. เป็นหัวหน้าชุด และพล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น.ร่วมเป็นคณะทำงานสืบสวนให้คดีนี้เกิดความชัดเจนโดยเร็วที่สุด

เมื่อ ผู้สื่อข่าวถามว่านายสันติภาพรู้หรือไม่ว่าญาติของนายเอกยุทธได้เข้าแจ้ง ความและเหตุใดจึงไม่ติดต่อญาติของนายเอกยุทธนายสันติภาพกล่าวว่าไม่รู้เลย ว่ามีการแจ้งความตั้งใจขับรถกลับมาจอดไว้ที่บ้านและรอนายเอกยุทธสั่งให้กลับ มาทำงานเหมือนเดิมตนไม่ทราบว่านายเอกยุทธไปไหนและคนที่ขับรถมารับเป็นใคร เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น คือให้ขับรถไปส่งและมีรถอีกคันมารับไป ก่อนจะให้ตนขับรถกลับบ้านไป ระยะเวลาที่เดินทางก็หลายวันกว่าจะกลับมา ส่วนสาเหตุที่ต้องเขียนจดหมายเอาไว้ก็เพราะนายเอกยุทธเป็นคนที่ระวังตัวตลอด เวลา พร้อมทั้งสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้บอกใครว่าเดินทางไปไหนบ้าง ซึ่งลูกชายของนายเอกยุทธและพนักงานในออฟฟิศจะชอบมาถามว่านายเอกยุทธไปไหน ที่ผ่านมาก็เคยถูกนายเอกยุทธต่อว่า จดหมายที่เขียนไว้ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าไปส่งที่ไหนเพราะเดี๋ยวจะมีคนถาม อีก จึงตั้งใจแปะไว้ที่พวงมาลัยรถ ส่วนรองเท้าที่เปื้อนโคบนนั้นเป็นของตน และแหวนที่พบอยู่บริเวณหน้าคอนโซลรถนั้น ตนไม่ทราบ

ไม่รู้เรื่อง เงิน 5 ล้านอยู่กับเอกยุทธหรือไม่

“ส่วนที่ติดต่อ ตนไม่ได้นั้นเนื่องจากไม่อยากให้ลูกชายของนายเอกยุทธและญาติๆโทรศัพท์มาสอบ ถามเพราะถ้าตนไม่บอกก็จะถูกต่อว่าว่าเป็นลูกของเอกยุทธนะทำไมไม่ยอมบอก สำหรับเงินสด5ล้านบาทตนไม่รู้ว่าอยู่ที่นายเอกยุทธหรือไม่ ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอกสารที่นายเอกยุทธให้ไปรับจะเป็นเงิน เพราะตอนที่ไปรับของจากเลขา ก็เห็นว่าเป็นแค่ถุงสีน้ำตาลใบใหญ่และมีพลาสติกห่อหุ้มอยู่เท่านั้น ส่วนที่บอกว่าจะไปประเทศพม่านั้น ไม่รู้ว่าไปจริงหรือไม่ ตนได้ยินเพียงแค่นายเอกยุทธคุยโทรศัพท์ว่าให้รออยู่ที่พม่า เพราะปกติแล้วนายเอกยุทธจะไม่ให้ใครรู้ว่าไปไหนบ้าง เป็นคนที่ระวังตัวตลอดเวลา และระหว่างที่คุยโทรศัพท์บนรถก็มีบางครั้งที่คุยเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ไม่รู้ว่ามีการพูดคุยในลักษณะที่ขัดแย้งกับใครบ้าง รถเก๋งสองคันที่มารับนายเอกยุทธที่ปราณบุรี ก็ไม่มีใครลงมาทำร้ายฉุดกระชากพาตัวขึ้นไป นายเอกยุทธเดินลงไปด้วยตัวเอง ทั้งนี้ตนไม่เห็นยี่ห้อรถทั้งสองคัน เห็นเพียงแค่ว่ามุ่งหน้าลงภาคใต้” นายสันติภาพ กล่าว

เมื่อถามถึงคดีวิ่งราวทรัพย์และกรรโชกทรัพย์ที่ถูกดำเนินคดี นายสันติภาพ กล่าวว่า สำหรับคดีวิ่งราวทรัพย์ไม่ได้เป็นคนทำ ก่อนหน้านี้ช่วงที่เป็นวัยรุ่นได้ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วถูกตำรวจจับไปด้วย แต่ต่อมาก็ยกฟ้อง เพราะตนไม่ได้เป็นคนทำ ส่วนคดีกรรโชกทรัพย์ไม่ขอพูดถึง เป็นเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้ง ส่วนสาเหตุที่มาทำงานกับนายเอกยุทธได้ก็เพราะนายเอกยุทธสงสารที่ถูกต่อยภายในร้านคาราโอเกะซิตี้ โดยเพิ่งจะมาทำงานกับนายเอกยุทธได้ประมาณ 6 เดือน


ยังไม่ตัดประเด็นถูก "อุ้ม"

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ทิ้งประเด็นการถูกอุ้ม ก็ยังห่วงว่าจะถูกอุ้มจริงหรือไม่ เพราะมีประเด็นเรื่องเงิน 5 ล้านบาท และรถเก๋งที่มารับตัวนายเอกยุทธไป คดีนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่นายสันติภาพ ต้องสืบสวนขยายผลต่อ ขณะเดียวกันหากญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงของนายเอกยุทธมีเบาะแสหรือได้รับการติดต่อก็ขอให้ช่วยแจ้งเข้ามา เพื่อนำมารวบรวมให้สอดคล้องกับหลักฐานของตำรวจ ยืนยันว่าทำคดีอย่างตรงไปตรงมาและจะคลี่คลายให้ได้โดยเร็ว

ต้องสืบต่อ-จัดฉากหรือไม่

เมื่อถาม ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉากหรือถูกอุ้มไปจริงๆพล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่าตนไม่อยากพูดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หรือถูกอุ้มเพราะนายเอกยุทธ หายตัวไปและยังไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหนตำรวจจะต้องสืบสวนต่อไปแต่สิ่งที่ เกิดขึ้นทั้งหมดและหลักฐานที่ได้มา ทั้งเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่ถูกถอดออกไปและการเอาสมุดเช็คไปให้เซ็นในรถ โดยไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่ไปพบตัว ไม่ยอมลงมาจากรถ ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จะต้องหาสาเหตุและตอบคำถามสังคมให้ได้ ทั้งนี้มองว่าเหตุการณที่เกิดขึ้นไม่น่าจะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะมีการสืบสวนมาตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุ ยังไม่มีพยานหลักฐานอะไรที่จะมาสนับสนุนได้ว่าสาเหตุการหายตัวไปของนายเอก ยุทธมาจากเรื่องการเมือง

เมื่อถามว่าขณะนี้มีพยาน หลักฐานใดๆมายืนยันหรือไม่ว่านายเอกยุทธยังมีชีวิตอยู่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่ายังไม่มีและไม่รู้ว่ายังปลอดภัยอยู่หรือไม่ซึ่งตนก็ภาวนาขอให้ ปลอดภัย แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่นายสันติภาพพูดมาทั้งหมดตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อทั้งหมด ต้องพิสูจน์ทราบต่อไป สิ่งที่นายสันติภาพให้การทั้งหมดในวันนี้ต้องพาตำรวจไปตรวจสอบและมีหลักฐาน ยืนยันได้

ด้านพล.ต.ต.ปริญญากล่าวว่าหลังจากนี้ ต้องนำตัวนายสันติภาพไปชี้จุดต่างๆตามที่ให้การไว้เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นความ จริงหรือไม่ถ้าเป็นจริงต้องมีหลักฐานยืนยันได้จากนั้นก็จะนำหลักฐานทั้งหมด ส่งมอบให้กับพล.ต.ต.อนุชัยไม่ว่าจะเป็นบ้านพี่สาวนายสันติภาพที่ให้การว่าพา นายเอกยุทธไปพัก ก่อนที่จะไปสนามบินสุวรรณภูมิและเดินทางลงสู่ภาคใต้ จุดที่แวะเติมน้ำมัน ซึ่งมีหลายที่ ต้องใช้เวลา

“สำหรับนายสันติภาพ ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาสอบสวนในฐานะที่เป็นคนขับรถและอยู่กับนายเอกยุทธเป็นคนสุดท้าย  และจะพาตัวเพื่อไปให้ชี้ยังจุดต่างๆ ที่เคยพานายเอกยุทธเดินทางก่อนหายตัวไป ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการหายไปเนื่องจากสาเหตุใด ต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดต่างๆให้ชัดเจนเสียก่อน “รอง ผบช.น.กล่าว

พี่สาวเอกยุทธไม่เชื่อคนขับรถ

ด้านนางสุภากร แหวนหล่อ พี่สาวนายเอกยุทธ กล่าวว่า  การที่เขาหายตัวไปเป็นสิ่งที่มันผิดปกติ สิ่งที่สงสัยอย่างไรนั้นก็บอกตำรวจไปหมดแล้ว ส่วนเชื่อคำให้การของนายสันติภาพหรือไม่นั้น บางสิ่งที่พูดออกมายังไม่แน่ใจ เพราะเท่าที่ทราบนายสันติภาพเป็นคนขี้โม้ ชอบอวดความเป็นนักเลง ยังไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งติดต่อได้แค่เป็นบางเวลาเท่านั้น เพราะโทรศัพท์เป็นชื่อของตน สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง นางสุภากร กล่าวว่า  ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือไม่ เพราะตัวเขามีปัญหาอยู่แล้ว ตนไม่เคยเข้าไปยุ่งกับปัญหาของเขา เพราะตนไม่ชอบการเมือง แต่เขาเป็นคนที่มีวิถีชีวิตของเขา ซึ่งน้องหายไป เราก็ต้องตามหา รวมถึงญาติพี่น้องคนอื่นๆ ตอนนี้แม่อายุ 80 ปีแล้ว แม่ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ แล้วเห็นหน้านายสันติภาพจะไม่ให้โมโหได้หรือ อยู่ๆ ไปด้วยกันแล้วน้องชายเราหายไป

เมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ นางสุภากร กล่าวว่า   ตนมี่ทราบว่าเป็นปัญหาอะไร พฤติกรรมการส่งเช็คนั้น เขาโทรมาสั่ง เราก็ทำตาม แต่เขาไม่เคยหายไปแบบนี้ ส่วนที่กำลังตั้งขอสงสัยว่าถ้าออกไปไม่ออกช่องทางของประเทศ เพราะเช็คจากตำรวจตม.แล้ว ส่วนตัวน้องชายจะไม่ชอบเดินทางด้วยรถยนต์ มักจะใช้เครื่องบิน อย่างไปเชียงใหม่ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่สามารถติดต่อได้ หายไปเลยไม่มี เมื่อเราโทรไปเขาไม่รับสาย อีก 5 นาที ก็โทรกลับมาแล้ว ซึ่งจะโทรบอกมาให้สั่งคนไปรับ

เมื่อถามว่าถึงกรณีที่นายสันติภาพบอกว่านายหายไปเองนั้นนางสุภากรกล่าวว่าตนคิดว่าเชื่อเพียงแค่ครึ่งๆเท่านั้นพูดตรงๆว่าไม่เชื่อใจ นายสันติภาพ ซึ่งก็มีคดีกันอยู่คือคดีคาราโอเกะ นายสันติภาพก็อยู่ส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนคนที่ถูกไล่ออกทั้ง 3 คนก็ส่งข้อมูลให้ตำรวจทั้งหมดแล้ว ถ้าอยากรู้ต้องถามตำรวจ ขนาดพ่อของนายสันติภาพโทรมาก็บอกตำรวจ เพราะติดต่อลูกเขาไม่ได้ พอคุยกันเสร็จแล้ว ซึ่งบอกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.วังทองหลางไปหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสันติภาพ สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงยีนขายาว รองเท้าหนังสีดำ ใบหน้าสดชื่นไม่มีอาการเคร่งเครียดแต่อย่างใด ระหว่างที่ชุดสืบสวนนำตัวนายสันติภาพ มาแถลงข่าวภายในห้องประชุมใหญ่ บช.น. ก็มีญาติของของนายเอกยุทธ มารอฟังการแถลงข่าวความคืบหน้าของการหายตัวไปอย่างปริศนาของนายเอกยุทธ อยู่ก่อนแล้วต่างเดินปรี่เข้ามาหานายสันติภาพ ด่าทอจะเข้าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างขวางทางไว้ และห้ามปรามแยกออกจากกันก่อนจะมีเรื่องมีราวจนกระทั่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวญาติออกไปจากห้องประชุมที่จัดแถลงข่าว พร้อมทั้งสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นร่างกายและพาตัวญาติไปสอบปากคำด้วย

ตชด.ปัดพบศพเอกยุทธ ในพื้นที่พัทลุง

วันเดียวกัน ตำรวจปฏิเสธข่าวลือพบศพเอกยุทธในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ระบุพบศพนิรนามเบื้องต้นผู้บังคับการกองปราบรอตรวจสอบเพิ่มแต่คาดว่าไม่น่าจะใช่ศพของนายเอกยุทธ

เมื่อวันที่11มิ.ย.พ.ต.ต.จักรพันธ์พยับไชยกุลผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน434 ยืนยัน ว่าไม่มีการพบศพนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง หลังหายตัวไปอย่างลึกลับ ตามที่มีกระแสข่าวออกมาจากกว้างขวาง และไม่มีการพบศพใครในพื้นที่ค่ายตชด.434 ตามทีทมีกระแสข่าวลือออกเป็นวงกว้าง ขณะที่ พลตำรวจโทพิสิฎฐ์ พิสุทธิศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ก็ยืนยันเช่นกันว่า ไม่มีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น โดยระบุว่า เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ส่วนพลตำรวจตรีสุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองปราบปรามก็ปฎิเสธไม่ได้รับรายงานว่าพบศพนายเอกยุทธแต่อย่่างใด มีเพียงพบศพขายนิรนามสวมแว่นตา นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณพื้นที่รอยต่อจังหวัดพัทลุงเท่านั้น แต่ยังไม่มีการยืนยันหรือตรวจสอบที่ชัดเจน เบื้องต้นเชื่อว่าไม่น่าจะใช้ศพของนายเอกยุทธตามกระแสข่าวือเนื่องจากไม่มีหลักฐานใดบ่งบอก แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่แน่ชัดเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน

ตม. ยันไม่พบหลักฐานออกนอก

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม.เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเข้า-ออกประเทศของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง แล้ว เนื่องจาก เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาขน ซึ่งเบื้องต้น ไม่พบหลักฐานใดๆ ที่แสดงว่า นายเอกยุทธ มีการเข้า-ออกนอกประเทศ ตามเส้นทางปกติ แต่ในส่วนของช่องทางธรรมชาติ ที่ใช้ในการเดินทางเข้า-ออกนอกประเทศได้ ก็มีหลายช่องทาง หากนายเอกยุทธ จะเดินทางออกไปประเทศพม่า ตามที่ นายสันติภาพ เพ็งด้วง คนขับรถของนายเอกยุทธอ้าง ก็สามารถใช้ได้ทั้งทางเรือ หรือ เดินเท้า โดยสามารถเดินทางออกไปทางจังหวัดระนอง / ทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หรือ ทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แต่ก็เชื่อว่า ไม่น่าจะหลุดรอดสายตาของเจ้าหน้าที่ได้ และได้มีการสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่จับตาเป็นพิเศษแล้ว

′เหลิม′ ฟันธงเอกยุทธถูกฆาตกรรม

เวลา 16.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เรียกบิ๊กแจ๊ด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ รองผบ.ตร.และเลขาฯปปส. เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อรายงานความคืบหน้ากรณีนายเอกยุทธ หายตัว โดยร.ต.อ.เฉลิม เปิดเผยว่า เรื่องนี้ได้โทรศัพท์พูดคุยกับพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.อยู่ตลอดเวลา

ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ก่อนการหารือ ว่า ตนติดตามสถานการณ์เรื่องนี้ตลอด และด้วยความที่เป็นตำรวจนั้นตนตั้งข้อสันนิษฐานว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่เกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด,ตนก็ไม่เชื่อ ถ้านายเอกยุทธจะสร้างสถานการณ์ แต่ตนทุ่มน้ำหนักไปที่การถูกฆาตกรรมมากที่สุด เพราะเงินจำนวน 5 ล้านบาทนั้นเป็นเงินสดจำนวนมาก

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า และจากการที่พลขับได้ให้ปากคำเรื่องที่เดินทางไปเรื่อยๆแวะเติมน้ำมันที่วังมะนาว เดินทางไปถึงปราณบุรีแล้วมีรถมารับไปนั้น รับไปไหน ตรงนี้ที่ตนไม่เชื่อคำให้การเบื้องต้น พอถามว่าเพราะเหตุใดนายเอกยุทธไปปราณบุรี แต่คนขับให้เหตุผลไม่ได้ ตนกับพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำรวจมือสอบสวน ซึ่งเห็นตรงกันว่าและตนก็ฟันธงว่าถูกฆาตกรรม และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกพลขับมาสอบให้ละเอียด ซึ่งขณะนี้ทราบว่ากำลังสอบพลขับ แต่ผลเป็นอย่างไรนั้นต้องรอฟัง อย่างไรก็ตามพลขับคนนี้ไม่มีความใกล้ชิด ไม่แนบแน่นกับนายเอกยุทธ เพราะทำงานไม่ถึง 1 ปี และตนเชื่อว่าสาเหตุคือเงิน 5 ล้านบาทที่เบิกมา

เมื่อถามถึงข่าวลือพบศพแล้ว ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่พบ เพราะถ้าเป็นนายเอกยุทธคงไม่ใช่ศพนิรนาม เพราะใครก็รู้จัก เมื่อถามถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ถึงนายเอกยุทธเป็นคนชอบแฉเรื่องที่เกี่ยวโยงกับคนในรัฐบาล หรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เช่น ว.5 โฟซีซัน ร.ต.อ.เฉลิมให้น้ำหนักที่ประเด็นเหล่านั้นหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไร้สาระ นายเอกยุทธเป็นสีสัน ถ้าไม่มีคนอย่างเขาแล้วจะคิดถึง ไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ตนเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ

แต่ถ้าคาดการณ์ผิดขอโทษด้วย

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถึงตอนนี้ตนเชื่อว่าถูกฆาตกรรม แต่ถ้าตนพูดผิดก็ต้องขอโทษด้วย เมื่อถามว่า นายเอกยุทธเป็นนักธุรกิจ เป็นคนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองด้วย ทำไมจึงพลาดท่าได้ง่ายๆ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คงเชื่อใจลูกน้อง ปลาตายน้ำตื้น

ไม่เกี่ยวประเด็นฟ้องร้อง "บิ๊กแจ๊ด"

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ก่อนหน้านี้นายเอกยุทธเคยมีปัญหากับผบช.น.มาก่อนร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าปัญหาอย่างนั้นไม่ถึงกับต้องฆ่าแกง เถียงกัน ฟ้องกันไปมา แต่ตนขอบอกว่าคนเป็นตำรวจนั้นมีการฝึกพื้นฐานในด้านเข้าใจถูกผิด ฝึกให้รับใช้ประชาชน ไม่ใช่โกรธนิดโกรธหน่อยก็ฆ่าอย่างนั้นคงไม่ใช่ เมื่อถามว่า เมื่อนำตัวพลขับมาสอบเพิ่มแล้วจะสามารถอายัดตัวไว้ได้เลยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า หากข้อเท็จจริงแปลเปลี่ยนก็จับทันที

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านพยายามหยิบประเด็นนายเอกยุทธขึ้นมาโจมตัรัฐบาลเพราะเป็นฝ่ายตรงกันข้าม รองนายกฯ กล่าวว่า เพราะเขาไม่รู้ข้อเท็จจริง และถ้าตนวิเคราะห์ถูกต้องพวกที่โจมตีคงต้องไปแอบร้องไห้ใต้โต๊ะ คนที่ไม่เคยทำสำนวน ไม่เคยเป็นพนักงานสอบสวน ไม่ค่อยรู้อะไรได้แต่พร่าม ต่อข้อถามว่าหากจะยืนยันได้คือต้องหาศพให้เจอใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนเชื่อว่าพลขับนั่นแหละ และที่น่าผิดสังเกตคือที่พลขับบอกว่า ไปถึงปราณบุรีแล้วมีรถมารับไป ถามว่ารู้จักหรือไม่ว่าใครมารับไป แต่บอกว่าไม่รู้จัก ตรงนี้ที่โกหก เพราะเป็นไปไม่ได้ที่นายเอกยุทธจะไม่บอกว่าใครมารับไปไหน และประเด็นที่ตนทราบมาอินไซด์คือปกตินายเอกยุทธจะต้องโทรศัพท์หาญาติพี่น้อง หาคุณแม่ หาลูกแต่นี่เขาไม่โทรเลย ซึ่งถ้าตนคาดการณ์ผิดนั้นก็ต้องขอโทษด้วย แต่ตนมั่นใจว่านายเอกยุทธถูกฆาตกรรม คือตนคิดแบบคนเป็นตำรวจคิด และอีกไม่เกิน 1 ชั่วโมงนี้คงได้ทราบความคืบหน้าเรื่องนี้แต่ระยะหลังนี้นายเอกยุทธมีลักษณะที่ห้าวไปหน่อย

คนขับสารภาพแล้ว-ซัดเพื่อนเป็นคนฆ่าเอกยุทธ

ล่าสุด เวลา 18.15 น. รายงานข่าวจากชุดสืบสวนเผยว่า นายสันติภาพยอมรับสารภาพแล้ว โดยซัดทอดว่าเพื่อนอีกคนเป็นผู้ลงมือสังหารนายเอกยุทธ ขณะที่ตร. กำลังนำตัวนายสันติภาพขึ้นเครื่องบินนกแอร์ไปยังหาดใหญ่ เพื่อนั่งรถต่อไปยังพัทลุง เพื่อชี้จุดทิ้งศพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น