แหล่งท่องเที่ยวดอยอินทนนท์
นอกจากมีความสวยงามของไม้ดอกนานาพรรณแล้ว
ยังมีการเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าดูงานในสถาบันวิจัยประมงบนที่สูง
และอีกหลายกิจกรรม จนทำให้แต่ละปี มีรายได้จากนักท่องเที่ยว กว่า 30
ล้านบาท
ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือ ที่นักเดินทาง
อยากจะไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต เชื่อว่าคงมี อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
หรือ ดอยอินทนนท์ อยู่ในใจแน่นอน เพราะไม่ว่าจะรักการเที่ยวแบบชิลล์ ๆ
หรือแบบลุยๆ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้
ก็มีความงดงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งความอุดมสมบูรณ์ของป่า
มวลหมู่ดอกไม้นานาพรรณและ สภาพอากาศที่หนาวเย็นและชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี
โดยส่วนใหญ่แล้วการท่องเที่ยวที่นี่จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
สถานที่แห่งแรกที่ไม่ว่าประชาชนธรรมดา หรือกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
เข้าเยี่ยม คือสวนเฟิร์นที่รวบรวมเฟิร์นไว้หลายสายพันธุ์ เช่น
เฟิร์นสกุลหญ้ารังไข่,เฟิร์นกูดดำอ่างกา,เฟิร์นกูดใบหยัก
โดยกลุ่มที่มาทัศนศึกษาจะใช้สวนนี้เป็นแหล่งเรียนรู้และด้านนอก ที่สะดุดตา
คือ สวน 80 พรรษา โดยใจกลางเป็นสระน้ำ และแวดล้อมไปด้วยดอกไม้กว่า 100
สายพันธุ์ เช่น ฟ้ามุ่ย,ช้างแดง,กุหลาบป่า เป็นต้น
ไม่ไกลกันนัก เป็นส่วนของสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์
ที่ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับผักปลอดสารพิษ
และวิธีการปลูกพร้อมกับสามารถทดสอบความสดสะอาดของผักโดยการรับประทาน
ซึ่งผักเหล่านี้ส่งออกไปสู่ต่างประเทศในแถบยุโรปตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา
โดยมีมูลค่าการส่งออก 5-6 ร้อยล้านบาท
ถัดไปอีกไม่ไกลนัก
เป็นสถานีวิจัยการประมงบนพื้นที่สูงที่รวบรวมการวิจัยพันธ์ปลา 2 ชนิด คือ
ปลาเรนโบว์เทราต์ ที่ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว โดยสามารถเพาะพันธุ์และ
เติบโตที่นี่อบบครบวงจร แต่ละปี จึงผลิตได้ 10,000 ตัว
โดยปลาเหล่านี้เมื่อโตเต็มวัยจะ มีน้ำหนัก 300-400 กรัมต่อตัว ราคาตัวละ
200-300 บาท ซึ่งปัจจุบันส่งให้โครงการหลวงเป็นผู้จำหน่ายเท่านั้น
อีกหนึ่งชนิดคือ ปลาสเตอร์เจียน ซึ่งเป็นปลาพันธุ์รัสเซีย
เป็นปลาที่มนุษย์ใช้เป็นอาหาร โดยเฉพาะไข่ ที่เรียกว่า ไข่ปลาคาเวียร์
ซึ่งนับเป็นอาหารราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก
ปลาชนิดนี้มีรูปร่างคล้ายปลาฉลาม มีหนามแหลมสั้น ๆ บริเวณหลัง หัว
และเส้นข้างลำตัวไว้เพื่อป้องกันตัว มีหนวดทั้งหมด 2 คู่อยู่บริเวณปลายจมูก
ปลายหัวแหลม ปากอยู่ใต้ลำตัว ตามีขนาดเล็ก หากิน สัตว์น้ำขนาดเล็กต่างๆ
ตามพื้นน้ำ โดยใช้เวลาเลี้ยง 7 เดือน นับตั้งแต่เพาะพันธุ์
จนโตเต็มวัยมีขนาดพร้อมส่ง
ปลาชนิดนี้จะมีชีวิตในน้ำสะอาดอุณหภูมิเย็นไม่เกิน 24 องศาเซลเซียส
และจะเจริญเติบโตดีในอุณหภูมิ 18-19 องศาเซลเซียส
นอกจากการวิจัยปลา 2
ชนิดนี้แล้วยังมีการวิจัยปลาท้องถิ่นเพื่อเพาะพันธุ์ด้วย
ซึ่งปลาเหล่านี้ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำดอยอินทนนท์ไปแล้วสำหรับผู้มาเยือน
อย่างไรก็ตามสถานที่ท่องเที่ยงแห่งนี้มีครบทุกรสชาติ
ผู้ท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
และได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดทั้งปี
โดยในปีหนึ่งนั้นมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่า 1 ล้านคน
โดยแบ่งเป็นชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางร้อยละ 10
ที่เหลือเป็นชาวไทย สำหรับการเข้าชมนั้นค่าธรรมเนียม ชาวไทย 40 บาท
/ต่างชาติ 200 บาท
ซึ่งจากการเก็บค่าธรรมเนียมทำให้ในหนึ่งปีมีรายได้เข้าดอยอินทนนท์มากกว่า
30 ล้านบาท
by
Yupaporn
21 กรกฎาคม 2556 เวลา 11:15 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น