ดารณี กล่าวว่า ดูจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้เหตุผลว่า “ต้องลงโทษสูงเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น” แล้ว ทำให้ไม่มีความหวังว่าศาลฎีกาจะให้เหตุผลที่แตกต่างออกไปได้ นอกจากนี้ดูจากประสบการณ์เพื่อนนักโทษในเรือนจำเห็นว่าส่วนใหญ่กว่าจะคำ พิพากษาศาลฎีกาจะออกใช้เวลาโดยเฉลี่ย 5-6 ปี ขณะที่สุขภาพของเธอแย่ลงเรื่อยๆ ความแออัดในเรือนจำก็ไม่ทุเลาแต่กลับยิ่งหนักขึ้นส่งผลต่อคุณภาพชีวิตผู้ ต้องขังโดยรวม ปัจจุบันมีพื้นที่ในการนอนราว 40 ซม.จากเดิมที่มีราว 45 ซม.
เมื่อถามถึงบทบาทของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ดารณีกล่าวว่า อยากให้กำลังใจรัฐบาล แม้ว่าบทบาทที่ผ่านมาจะไม่ได้ดังใจนัก เพราะประเทศไทยได้เป็นระบบพรรคใหญ่ 2 พรรคอย่างชัดเจนแล้ว และไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า จึงจำเป็นต้องยอมรับความจริงและมองในภาพรวม
“เราก็คงต้องเลือกอันที่ห่วยน้อยที่สุด โดยส่วนตัวแล้วชอบนโยบายประชานิยม ซึ่งมันมีความคล้ายกับระบบรัฐสวัสดิการ เป็นบันไดต่อให้คนจน แม้เขาจะไม่ได้ช่วยเราก็ไม่เป็นไร เรามองภาพรวม” ดารณีกล่าวและว่า หากออกจากเรือนจำและมีโอกาส อยากลงเล่นการเมืองในลักษณะ ส.ส.ปาร์ตีลิสต์ เพื่อจะได้มีโอกาสอภิปรายเกี่ยวกับกฎหมายในรัฐสภา เนื่องจากเห็นว่ามีกฎหมายหลายฉบับที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข แต่หากไม่มีโอกาสเล่นการเมืองก็อยากทำงานด้านสื่อสารมวลชนต่อไปเพื่อตรวจสอบ การทำงานของรัฐบาล
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า วันนี้ธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล อดีตผู้ต้องขังมาตรา 112 ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษและปล่อยตัวออกมาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนได้เข้าเยี่ยมดารณีด้วย รวมถึงสอบถามถึงแนวทางในการต่อสู้ของดารณีหลังจากเขาใช้เวลาประมาณ 7 เดือนจึงได้รับพระราชทานอภัยโทษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น