บทความโดย Bugbunny
คนไทยได้อะไรบ้างจากการรัฐประหารสิบเก้ากันยา
ผมเป็นคนที่พยายามมองโลกในแง่บวก และมองหาสิ่งดี ๆ ที่แอบแฝงเข้ามาท่ามกลางความเลวร้าย เพราะทุกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันจะมีทั้งสิ่งดีและสิ่งเลวแอบแฝงอยู่ ด้วยกันทั้งสิ้น ต่อไปนี้คือความเห็นของผมเกี่ยวกับสิ่งที่คนไทยได้รับจากรัฐประหารสิบเก้า กันยา
สังคมไทยไม่ใช่สังคมที่เรียกว่า “สองนคราประชาธิปไตย” อีกต่อไปแล้ว
คน ไทยผ่านสารพัดรัฐประหารและการสังหารประชาชนเพื่ออำนาจของพวกศักดินาอำมาตย์ มาหลายครั้ง เรามักวางเฉยรอให้มันผ่านไป ปล่อยให้พวกเขาให้ทานเสรีภาพแบบจำกัดมาให้พักหนึ่ง ก่อนจะทำรัฐประหารและสังหารประชาชนกันอีกในรอบใหม่ ทุกอย่างเกิดในเมืองหลวง จบที่นี่ เปลี่ยนที่นี่ แต่ไม่ใช่หลังรัฐประหารเมื่อสิบเก้ากันยา เพราะเราได้เห็นการออกมาต่อต้านพวกศักดินาอำมาตย์ของประชาชนทุกระดับ อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ เป็นครั้งแรกที่คนชนบทเข้าร่วมต่อต้านรัฐประหารและความไม่เป็นธรรมทางสังคม การเมืองอย่างเอาการเอางาน นี่คือ “ชนบทล้อมเมือง” ที่เป็นรูปธรรมที่สุดครั้งแรกของไทย เป็นสงครามประชาชนที่แท้จริง เพียงแค่ยังไม่มีการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธเท่านั้น ซึ่งใครจะรู้ ถ้าพวกเขายังไม่ถอยกันบ้างอีกละก็ มันอาจจะยิ่งกว่าสงครามจรยุทธในเวลาต่อไปก็ได้
การโฆษณาชวนเชื่อของศักดินาอำมาตย์ใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว
หลาย ทศวรรษมาแล้ว ที่คนไทยต้องยอมเกรงอกเกรงใจต่อวิธีการยุติความขัดแย้งทางการเมืองของผู้ หลักผู้ใหญ่เสมอ ทั้งที่พวกเราก็พอรู้ว่ามันเป็นแค่เพียงการสกัดปัญหา ไม่ใช่แก้ปัญหา นั่นเพราะเราถูกหล่อหลอมด้วยโฆษณาชวนเชื่อด้านเดียวแบบอัดฉีดเข้าสมอง โดยไม่ต้องใช้เหตุผล ที่ระดมทำมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล แต่หลังรัฐประหารสิบเก้ากันยานั้น การเปิดตัวอย่างชัดเจนด้วยความหวังและเชื่อมั่นว่า เราจะต้องโอเคเหมือนทุกครั้ง กลับเป็นแรงสะท้อนกลับอย่างแรงที่กลายเป็นผลลบต่อพวกเขาไปเลย นี่คือพัฒนาการทางการเมืองและเสรีภาพของประชาชนที่สำคัญที่สุด พัฒนาการทางสังคมการเมืองของประชาชนไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ตราบเท่าที่ “ความเกรงอกเกรงใจ” ยังฝังแน่นอยู่ในสมองของเราแบบสมัยก่อน
การปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง หยุดการต่อสู้ของประชาชนไม่ได้อีกแล้ว
คน ไทยเคยพบการใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนมาหลายครั้ง ตั้งแต่การรัฐประหาร 2490 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภา 35 จนถึงฆาตกรรมหมู่กลางเมืองหลวงโดยรัฐบาลนายอภิสิทธิในปี 52 และ 53 แต่ความรุนแรงและการสังหารประชาชนซึ่งเคยชะงักการเคลื่อนไหวเพื่อสังคมที่ดี กว่าได้บ้างในอดีตนั้น ไม่อาจหยุดยั้งประชาชนได้แล้วในวันนี้ นายทหารที่เคยเป็นผู้นำกองทัพเองก็ถูกชนชั้นนำของระบอบศักดินาอำมาตย์หัก หลังไม่ให้ขึ้นมามีอำนาจแบบเต็มที่หลังสิบเก้ากันยา ก่อให้เกิดสภาพความไม่ไว้วางใจ รวมทั้งการมองอนาคตออกว่า ระบอบศักดินาอำมาตย์ไทยกำลังอยู่ในช่วงใกล้พังทะลาย ทำให้ไม่เสี่ยงทำตามคำสั่งอำนาจนอกระบบ เพราะหมายถึงการกลายเป็นจำเลยของประชาชนที่โกรธแค้นและสังคมโลกที่กดดัน อย่างหนัก ศักดินาอำมาตย์ไทยใช้ “ยาแรง”กับประชาชนมาครบแล้ว ตั้งแต่ปั่นป่วนรัฐบาลมาจนถึงสังหารประชาชน เหลือแค่ปิดประเทศเท่านั้น แต่ก็คงหมดสภาพทำไม่ไหวอีกแล้ว ประชาชนพิสูจน์แล้วว่ายัง “สู้เสมอ”
ผม มองแบบนี้แหละครับ ต้องขอบคุณสิบเก้ากันยาและสมน้ำหน้าการตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงของผู้ สั่งให้ทำไว้ ณ ที่นี้ด้วย ที่ช่วยให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วขนาดนี้
http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=47094.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น