เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา มาลาล่า ยูซุฟไซ
เด็กหญิงชาวปากีสถานที่ถูกยิงโดยกลุ่มตาลิบันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
และภายหลังได้รับการรักษาพยาบาลในประเทศอังกฤษจนดีขึ้น
ได้กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสหประชาชาติ ณ กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา
ในฐานะส่วนหนึ่งของการรณรงค์เรื่องการศึกษาบังคับที่ฟรีสำหรับเด็กทุกคน
ทั้งนี้ วันที่ 12 ก.ค. เป็นวันครบรอบวันเกิดครบ 16 ปีของเธอ
และเป็นวันที่สหประชาชาติประกาศให้เป็น "วันมาลาล่า"
เพื่อเป็นตัวแทนเป้าหมายเพื่อการศึกษาของเด็กๆ ทั่วโลก
สุนทรพจน์ฉบับเต็มของมาลาล่ามีดังนี้
เรียน ท่านเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน
ประธานที่เคารพแห่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ วุค เจเรมิค
ทูตพิเศษแห่งสหประชาชาติเพื่อการศึกษาทั่วโลก กอร์ดอน บราวน์
ทุกท่านที่เคารพ และพี่น้องทุกคนของข้าพเจ้า: ขอสันติภาพจงมีแด่ทุกท่าน
วันนี้เป็นเกียรติของข้าพเจ้าอย่างยิ่งที่ได้พูดอีกครั้งหลังจากเวลา
ผ่านไปนาน
การได้มาอยู่ที่นี่ต่อหน้าท่านผู้มีเกียรติทุกคนนับเป็นช่วงเวลาที่ยอด
เยี่ยมในชีวิต
และข้าพเจ้ายังรู้สึกได้รับเกียรติอีกด้วยที่วันนี้ได้สวมใส่ผ้าคลุมไหล่ของ
บานาเซียร์ บุตโต (อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน)
ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดตรงไหนดี
ไม่รู้ว่าคนจะคาดหวังให้ข้าพเจ้าพูดอะไรบ้าง แต่อย่างแรก
ขอขอบคุณพระเจ้าที่ได้สร้างเราขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน
และขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยภาวนาให้ข้าพเจ้าฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วและ
สำหรับชีวิตใหม่
ข้าพเจ้าไม่อยากเชื่อเลยว่าทุกคนได้แสดงความรักที่มีต่อข้าพเจ้ามากเพียงใด
ข้าพเจ้าได้รับการ์ดอวยพรเป็นพันๆ ใบ และของขวัญจากทั่วโลก
ขอขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณเด็กๆ
ทุกคนที่คำพูดของพวกเขาได้ให้กำลังใจข้าพเจ้า
ขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่ช่วยภาวนาให้ข้าพเจ้าเข้มแข็งขึ้น ขอขอบคุณพยาบาล คุณหมอ
และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนในปากีสถาน อังกฤษ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ที่ช่วยให้ข้าพเจ้าดีขึ้นและฟื้นฟูกำลังวังชาของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าสนับสนุนเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน
อย่างเต็มที่สำหรับโครงการการริเริ่มการศึกษาทั่วโลก
และงานด้านการศึกษาทั่วโลกของทูตพิเศษยูเอ็นกอร์ดอน บราวน์
และประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็น วุค เจเรมิค
ข้าพเจ้าขอขอบคุณความเป็นผู้นำของท่านที่ยังคงมีเรื่อยมา
มันเป็นแรงบันดาลใจสำหรับพวกเราทุกคนในการทำงาน และสำหรับพี่น้องทุกคน
จำไว้หนึ่งอย่างว่า วันมาลาล่า ไม่ใช่วันของข้าพเจ้า
แต่เป็นวันของผู้หญิงทุกคน
เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงทุกคนที่ส่งเสียงสู้เพื่อสิทธิของพวกเขาเอง
มีนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนและคนทำงานด้านสังคมหลายร้อยคน
ที่มิได้ลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิของตัวเองเท่านั้น
แต่ต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมายของการสร้างสันติภาพ การศึกษา และความเท่าเทียม
มีคนหลายพันคนถูกผู้ก่อการร้ายฆ่า และบาดเจ็บอีกหลายล้านคน
ข้าพเจ้าเป็นเพียงหนึ่งคนในนั้น ข้าพเจ้ายืนอยู่ตรงนี้
เป็นเพียงเด็กหญิงผู้หนึ่งจากหลายๆ คน ข้าพเจ้ามิได้พูดเพื่อตัวเองเท่านั้น
แต่เพื่อให้ได้ยินคนที่ไม่มีเสียงด้วย
คนเหล่านั้นที่ได้ต่อสู้เพื่อสิทธิของเขา สิทธิในการอยู่ในสันติภาพ
สิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรี
สิทธิเรื่องความเท่าเทียมด้านโอกาส สิทธิในการได้รับการศึกษา
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2012
กลุ่มตาลิบันได้ยิงข้าพเจ้าที่ศรีษะข้างซ้าย
พวกเขายังยิงเพื่อนของข้าพเจ้าด้วย
พวกเขาคิดว่ากระสุนจะทำให้เราเงียบเสียงได้ แต่พวกเขาล้มเหลว
และจากความเงียบงันนั้นยิ่งมีเสียงนับพันก่อเกิดขึ้น
พวกก่อการร้ายคิดว่าจะทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนเป้าหมายและหยุดความตั้งใจได้
แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในชีวิตของข้าพเจ้าเลย ยกเว้นว่า ความอ่อนแอ
ความกลัว และความสิ้นหวังได้ตายลงไป แต่ความเข้มแข็ง พลัง
และความกล้าหาญได้เกิดขึ้นมาใหม่ ข้าพเจ้ายังเป็นมาลาล่าคนเดิม
ความตั้งใจของข้าพเจ้ายังคงเหมือนเดิม ความหวังของข้าพเจ้ายังเหมือนเดิม
และความฝันของข้าพเจ้าก็ยังคงเหมือนเดิม
พี่น้อง ข้าพเจ้ามิได้ต่อต้านใคร
และข้าพเจ้าก็มิได้มาพูดตรงนี้จากความอยากแก้แค้นส่วนตัวต่อกลุ่มตาลีบัน
หรือกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ
ข้าพเจ้ามาพูดที่นี่เพื่อสิทธิในการเข้าถึงการศึกษาสำหรับเด็กทุกคน
ข้าพเจ้าต้องการให้ลูกหลานของตาลีบัน และกลุ่มก่อการร้าย กลุ่มสุดขั้วอื่นๆ
ได้รับการศึกษาเช่นเดียวกัน
ข้าพเจ้าไม่รู้สึกเกลียดตาลีบันผู้ที่ยิงข้าพเจ้าเลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าหากมือข้าพเจ้ามีปืนอยู่ในมือ และเขายืนอยู่หน้าข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าก็จะไม่ยิงเขา
นี่เป็นความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากศาสดามูฮัม
หมัด ผู้สั่งสอนเรื่องความเมตตา พระเยซู และพระพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน
นี่เป็นหนึ่งตำนานการเปลี่ยนแปลงที่ข้าพเจ้าได้รับมาจากมาร์ติน ลูเธอร์ คิง
เนลสัน แมนเดลา และโมฮัมเหม็ด อาลี จินนาห์
นี่เป็นปรัชญาของสันติวิธีที่ฉันเรียนรู้มาจากคานธี บาชา คาห์น
และแม่ชีเทเรซ่า
นี่เป็นการให้อภัยที่ฉันได้เรียนรู้มาจากบิดาและมารดาของข้าพเจ้า
นี่คือสิ่งที่จิตวิญญาณของข้าพเจ้าบอกตัวเอง
ให้มีความสันติและความรักต่อทุกคน
พี่น้อง เราเห็นความสำคัญของแสงสว่างเมื่อเรามองเห็นความมืดมน
เราเห็นความสำคัญของเสียงเมื่อเราถูกทำให้เงียบงัน เช่นเดียวกัน
เมื่อเราอยู่ในเขตสวาต ตอนเหนือของปากีสถาน
เราเห็นความสำคัญของปากกาและหนังสือเมื่อเราเห็นปืน มีคำพูดที่กล่าวว่า
"ด้ามปากกาทรงพลังกว่าดาบ" มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
กลุ่มสุดขั้วกลัวหนังสือและปากกา พลังของการศึกษาทำให้เขาหวาดกลัว
พวกเขาหวาดกลัวผู้หญิง พลังของเสียงผู้หญิงทำให้พวกเขาหวาดกลัว
นั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาถึงฆ่านักเรียนบริสุทธิ์ 14
คนในการโจมตีเมื่อเร็วๆ นี้เควตตา ว่าทำไมเขาถึงสังหารครูผู้หญิง
ว่าทำไมพวกเขาถึงปาระเบิดใส่โรงเรียนทุกๆ วัน
เพราะพวกเขากลัวความเปลี่ยนแปลงและความเท่าเทียมที่เราจะนำมาสู่สังคมของเรา
และเรายังจำได้ว่าครั้งหนึ่งมีนักข่าวถามเด็กชายคนหนึ่งในโรงเรียนว่า
"ทำไมพวกตาลิบันถึงต่อต้านการศึกษา"
เขาตอบอย่างเรียบง่ายด้วยการชี้ไปที่หนังสือ และตอบว่า
"พวกตาลีบันไม่รู้ว่าในหนังสือมีอะไรเขียนอยู่"
พวกเขาคิดว่า พระเจ้าเป็นคนเล็กๆ อนุรักษ์นิยมแคบๆ
ที่จะเอาปืนยิงใส่คนที่ไปโรงเรียน
พวกก่อการร้ายเหล่านี้ใช้ชื่ออิสลามในทางผิดๆ เพื่อรับใช้ประโยชน์ของตัวเอง
ปากีสถานเป็นประเทศที่รักสันติภาพและเป็นประชาธิปไตย
พวกชนเผ่าพัชตุนก็อยากให้ลูกสาวลูกชายของเขาได้รับการศึกษา
อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ มนุษยชาติและภราดรภาพ
อิสลามบอกว่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา
สันติภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการศึกษา ในหลายๆ แห่งของโลกนี้
โดยเฉพาะในปากีสถานและอัฟกานิสถาน การก่อการร้าย สงคราม และความขัดแย้ง
ต่างเป็นอุปสรรคไม่ให้เด็กๆ สามารถไปโรงเรียนได้
เราเหนื่อยกับสงครามเหล่านี้มาก มีผู้หญิงและเด็กทนทุกข์กำลังทรมานจากหลายๆ
อย่างในหลายส่วนของโลก
ในอินเดีย เด็กๆ ผู้บริสุทธิ์และยากจนตกเป็นเหยื่อของการใช้แรงงานเด็ก
โรงเรียนหลายแห่งในไนจีเรียถูกทำลาย
ผู้คนในอัฟกานิสถานได้รับผลกระทบจากกลุ่มสุดขั้ว
เด็กผู้หญิงต้องทำงานใช้แรงงานในบ้าน
และถูกบังคับให้แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งความยากจน ความไม่รู้
ความอยุติธรรม การเหยียดเชื้อชาติ
และการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานต่างเป็นปัญหาหลักๆ
ที่ทั้งชายและหญิงต้องเผชิญ
วันนี้ ข้าพเจ้าเน้นเรื่องสิทธิผู้หญิงและการศึกษาของเด็ก
เพราะพวกเขาทนทุกข์ที่สุด
แต่ก่อนนักเคลื่อนไหวผู้หญิงจะขอให้ผู้ชายช่วยลุกขึ้นยืนและช่วยต่อสู้เพื่อ
สิทธิของพวกเขา แต่ตอนนี้เราจะทำด้วยตัวเอง
ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ผู้ชายถอยจากการพูดเรื่องสิทธิผู้หญิง
แต่ข้าพเจ้ามุ่งเน้นให้ผู้หญิงเป็นอิสระและต่อสู้เพื่อตนเอง ฉะนั้น
พี่สาวและพี่ชาย ตอนนี้เป็นเวลาที่เราต้องลุกขึ้นยืน
เราเรียกร้องให้ผู้นำโลกเปลี่ยนยุทธศาสตร์นโยบายที่จะนำไปสู่สันติภาพและ
ความรุ่งเรือง เราเรียกร้องให้การเจรจาตกลงต่างๆ
ต้องเป็นไปเพื่อพิทักษ์สิทธิของสตรีและเด็ก
และข้อตกลงที่ขัดต่อสิทธิสตรีเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
เราเรียกร้องต่อรัฐบาลทุกแห่งให้รับรองว่าจะจัดการศึกษาภาคบังคับที่
ฟรีทั่วโลกสำหรับเด็กทุกคน
เราเรียกร้องให้รัฐบาลทุกแห่งต่อสู้กับการก่อการร้ายและการใช้ความรุนแรง
ให้พิทักษ์เด็กๆ จากความทารุณและภัยอันตราย
เราเรียกร้องประเทศที่พัฒนาแล้วให้สนับสนุนการขยายโอกาสทางการศึกษาสำหรับ
เด็กผู้หญิงในประเทศที่กำลังพัฒนา
เราเรียกร้องให้ชุมชนทุกแห่งมีความอดทนอดกลั้น ปฏิเสธอคติที่เกิดจากชนชั้น
เผ่า กลุ่ม สีผิว ศาสนา
หรือวาระเพื่อสร้างเสรีภาพและความเท่าเทียมให้ผู้หญิงเพื่อพวกเขาจะได้เจริญ
รุ่งเรือง พวกเราไม่สามารถสำเร็จได้หากครึ่งหนึ่งของเรายังคงถูกรั้งท้าย
เราเรียกร้องไปยังพี่สาวน้องสาวทั่วโลกให้กล้าหาญ
น้อมรับความแข็งแกร่งภายในตนและใช้ศักยภาพของตนเองที่มีอย่างเต็มที่
พี่ชายและพี่สาวทุกคน
เราต้องการให้มีโรงเรียนและการศึกษาสำหรับอนาคตที่สดใสของเด็กทุกคน
เราจะยังคงเดินทางต่อไปเพื่อให้ถึงเป้าหมายแห่งสันติภาพและการศึกษา
ไม่มีใครจะหยุดยั้งเราได้
เราจะส่งเสียงเพื่อสิทธิของเราและเราจะนำการเปลี่ยนแปลงที่มาจากเสียงของเรา
เอง เราเชื่อในพลังและอำนาจของคำพูด
คำพูดของเราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบได้เพราะเรารวมพลังเพื่อการต่อสู้
เรื่องการศึกษา และหากเราต้องการบรรลุเป้าหมาย
ก็ต้องให้เราติดอาวุธทางปัญญา
และใช้ความเป็นเอกภาพและเป็นอันหนึ่งอันเดียวเป็นเกราะป้องกัน
พี่ชายและพี่สาวทุกคน
เราต้องไม่ลืมว่าคนอีกหลายล้านคนกำลังทนทุกข์จากความยากจน
ความไม่เท่าเทียมกันและความไม่รู้
เราต้องไม่ลืมว่ามีเด็กหลายล้านคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ
เราต้องไม่ลืมว่ามีพี่สาวพี่ชายอีกมากที่กำลังรออนาคตที่สดใสและสันติ
ฉะนั้นขอให้เราร่วมกันต่อสู้กับการไม่รู้หนังสือ ความยากจน
และการก่อการร้าย ให้เราหยิบหนังสือ ปากกาของเราขึ้นมา
มันเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด เด็กหนึ่งคน ครูหนึ่งคน หนังสือหนึ่งคน
และปากกาหนึ่งด้านสามารถเปลี่ยนโลกได้ การศึกษาเป็นวิธีแก้ปัญหาทางเดียว
การศึกษาต้องมาก่อน ขอบคุณค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น