รายงานพิเศษ/ข่าวสดรายวัน 11 ก.ค.2556
ภาพ : ซ้าย-พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ กลาง-สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ขวา-พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง
แม้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม จะปฏิเสธในทันทีว่าไม่ใช่เจ้าของเสียงในคลิปที่กำลังแพร่กระฉ่อนอยู่ในขณะนี้
หากประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันกลับไม่ได้อยู่ที่ว่าคลิปจริงหรือปลอม แต่มองถึงผลกระทบและความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ
ในมุมมองของนักวิชาการและอดีตนายทหาร คิดว่าใครได้ ใครเสีย กับกรณีนี้
ธเนศวร์ เจริญเมือง
รัฐศาสตร์
และรัฐประศาสนศาสตร์ มช.
เป็นเรื่องสำคัญและเรื่องใหญ่ขนาดนี้ และเป็นการพูดคุยกันยาวๆ
ทำไมไม่มีการนัดพบปะพูดคุยกันดีๆ ในขณะที่พล.อ.ยุทธศักดิ์
ปฏิเสธไม่ใช่เสียงของตัวเอง
ก็เป็นอีกข้อสังเกตหนึ่งว่าคลิปดังกล่าวเป็นไปได้จริงหรือไม่
ถามว่ารัฐบาลเสียหายจากเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ มองจากมุมวิชาการ
เป็นเรื่องปกติที่คนหนึ่งเมื่อถูกขับออกนอกประเทศก็ต้องคิดถึงบ้าน
อยากกลับบ้าน มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน
เวลานี้เราต้องยอมรับว่า สังคมไทยในรอบปีสองปีแบ่งแยกกันชัดเจน
หากฝ่ายประชาธิปัตย์เสนออะไร ฝ่ายสนับสนุนก็บอกว่าเห็นด้วย
อีกฝ่ายก็บอกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกรังแก
คลิปดังกล่าวภาพรวมจะเป็นลักษณะทหารอาวุโสอาสาเข้ามาจัดการ
ฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็บอกว่าใช้อำนาจนอกระบบแทรกแซง
อีกฝ่ายที่อยากให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับ ก็คงไม่ว่าอะไร
ดังนั้น รัฐบาลจะเสียหายจากเรื่องนี้หรือไม่แล้วแต่คนกลุ่มไหนมอง
แต่ในสถานการณ์ที่ 2 ฝ่าย ต่อสู้ขัดแย้งกัน
คลิปนี้จะเข้ามาเติมความขัดแย้งให้รุนแรง มากขึ้น
ความยากลำบากในการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหนังยาว
ใครอยากพูดอะไรก็พูดไป แต่ในความเป็นจริงช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
เรื่องนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องตื่นเต้นอะไรแล้ว
และตราบใดที่ระบบใหญ่ คือความขัดแย้งกันทางระบอบประชาธิปไตยยังตกลงกันไม่ได้ อย่าหวังเลยว่าใครจะได้กลับบ้าน
ในทางการเมือง ในเมื่อรัฐบาลมีความชอบธรรมและมีประสิทธิภาพ 1. มีความชอบธรรมเพราะมาจากการเลือกตั้ง
2. มีความชอบธรรมสูงขึ้นเพราะไม่ใช่รัฐบาลชุดแรกของพรรคเพื่อไทย
ที่ได้รับเลือก แต่เป็นรัฐบาลเพื่อไทยที่ต่อเนื่องมาจากพรรคไทยรักไทย
และพลังประชาชน
3. การมีนายกฯหญิง ที่แก้ปัญหาได้ฉับไว
เชื่อว่าการทำงานไม่มีปัญหา การทำงานร่วมกันของรัฐบาลและทหารอาจมีสะดุดบ้าง ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องคุย ต้องเคลียร์กันด่วน
พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์
ส.ว.สรรหา
มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก สาระในคลิปค่อนข้างละเอียดอ่อน สังคมต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องออกมาปฏิเสธทั้งหมดว่าเป็นเรื่องไม่จริง
ถ้ารัฐบาลให้ความมั่นใจเรื่องนี้ก็น่าจะจบ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลในกองทัพ
ส่วนเรื่องตัดต่อหรือไม่เห็นพูดกันในช่วงแรก
แต่ตอนหลังก็ไม่พูดกันแล้ว แต่คลิปลักษณะนี้เป็นการสนทนาโต้ตอบกัน
การตัดต่อทำไม่ได้ หรือทำได้ก็ยากมาก
ทุกคนต้องยอมรับว่าเรื่องมีมูลและรมช.กลาโหมต้องรับผิดชอบเองว่าเป็นความเห็นส่วนตัว ปัญหาก็พอจะคลี่คลายได้
แต่ถ้าปล่อยไปคนยิ่งจะปักใจเชื่อ เพราะในคลิปเป็นเรื่องของบุคคลที่ 3 อยู่มาก โดยเฉพาะ ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งถูกสังคมให้แสดงจุดยืน
ส่วนตัวคิดว่าคนที่ถูกกล่าวหาคงอยู่ในวงการการเมืองไม่ได้แล้ว
ความน่าเชื่อถือตกต่ำลงมาก การทำงานกับผบ.เหล่าทัพ จะทำงานร่วมกันอย่างไร
โดยเฉพาะบุคคลในกองทัพที่ถูกพาดพิงถึงคงไม่ให้ความเชื่อถือ
ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่สังคมรับไม่ได้ ยิ่งปฏิเสธสังคมยิ่งรับไม่ได้
ส่วนผลกระทบกับนายกฯ เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของคนสองคนพูดคุยกัน แต่ถ้านายกฯไปอุ้มเมื่อไรก็มีปัญหา
ถ้าตัวต้นเหตุเสียสละเพื่อให้รัฐบาลอยู่ได้ แล้วเก็บตัวเงียบไป เรื่องก็จบ
แต่ถ้าทิ้งไว้นายกฯจะเป็นฝ่ายถูกจี้ให้รับผิดชอบเสียเอง
พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์
ส.ว.ชุมพร ประธานกมธ.การทหาร
ต้องมองว่าคลิปนั้นใช่หรือไม่ใช่ของจริงก่อน ถ้าใช่ ก็ต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ทั้งทางคุณธรรม จริยธรรม จะอยู่ต่อไปหรือไม่
แต่ถ้าไม่ใช่ คนที่ปล่อยคลิปหวังประโยชน์อะไร ซึ่งเป็นไปได้ทุกเรื่องเพราะเราไม่มีข้อมูล
ส่วนจะมีผลต่อกองทัพอย่างไรคงตัดสินใจแทนกองทัพคงไม่ได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็อยู่ในดุลอำนาจของผู้บริหารคือตัวนายกฯ
และต้องดูที่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง
แต่มองว่าไม่น่าจะกระทบถึงการโยกย้ายในกองทัพ
เพราะการโยกย้ายมีคณะกรรมการและสภากลาโหม มีกฎหมายบังคับอยู่
และตามวัฒนธรรมประเพณีต้องพิจารณาจากผบ.เหล่าทัพ ก่อนจะเสนอการปรับย้าย
ผู้ใหญ่ของกองทัพและผู้ใหญ่ฝ่ายบริหารก็ต้องปรึกษาหารือกันก่อน
ดังนั้น การที่ฝ่ายการเมืองจะมาแทรกแซง ผบ.เหล่าทัพ
หรือกองทัพไทยก็ต้องทบทวนให้มาก ถึงเวลานี้ระดับผู้ใหญ่
และรมช.กลาโหมคงคุยกันแล้ว
ส่วนข้อเรียกร้องให้รมช.กลาโหม ลาออกนั้น ถ้าไม่ใช่จะลาออกทำไม
ถ้าลาออกก็ถือว่ายอมรับ ในทางการเมืองยอมรับกันไม่ได้
ถ้าไม่จริงก็ต้องออกแถลงข่าวว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร
แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องพิจารณาตัวเอง
สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
อักษรศาสตร์ จุฬาฯ
คลิปเสียงไม่น่ากระทบกับรัฐบาลมากมาย
เพราะเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้ว ช่วง 2 ปี ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เป็นนายกฯ ก็มีแนวโน้มประนีประนอมกับทหารชัดเจน
การไม่เล่นงานทหารจากเหตุการณ์ปี"53 ก็บอกอะไรอยู่แล้ว
เนื้อหาในคลิปจึงเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้ว ประเมินกันได้อยู่แล้ว ไม่แปลกอะไร เพียงแต่เดิมอาจไม่มีข้อมูล
ส่วนที่มองว่าเป็นการแทรกแซงทหารนั้น ทำไม่ได้อยู่แล้ว
หากจะทำได้ก็ต้องแก้พ.ร.บ.กลาโหม ซึ่งไม่เห็นแนวโน้มที่รัฐบาลจะขอแก้
และรัฐบาลทุกชุดก็มีการพูดคุยกับทหารเรื่องการโยกย้ายทั้งนั้น
การพูดคุยกันนอกรอบเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ที่เกรงว่าเรื่องราวจะบานปลายเพราะมีการพาดพิงทหารนั้น จะเห็นว่าบางคนที่ถูกพาดพิงก็เป็นอดีตนายทหาร ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกองทัพนานแล้ว
ส่วนการอาสาดำเนินการเรื่องต่างๆ ก็เป็นวิธีพูดเพื่อเอาใจนายหรือคนที่มีอำนาจ เป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน
การพูดคุยไม่มีผลระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ การระแวงกันจึงไม่น่ามี เพราะ 2 คนคุยกัน ไม่ได้เป็นการประชุมสภากลาโหม
และทหารก็ไม่ได้เสียหายอะไร หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นคลิปจริง ก็เป็นการพูดคุยและคาดการณ์ของคน 2 คน ไม่ได้เกี่ยวกับคนในกองทัพ
พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง
ส.ว.สรรหา
เรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้
ปัญหาที่เกิดขึ้นเหมือนกับความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามา
ซึ่งก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ แต่ถ้ารู้แล้วปล่อยไว้อย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง
ถ้าพูดจริงก็ต้องมีผลต่อรัฐบาลแน่นอน เพราะมีการพูดถึงเรื่องโยกย้ายทหารด้วย ถ้าไม่จริงก็ไม่มีอะไร
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคลิปดังกล่าวคงไม่สั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล เพราะเท่าที่ดูหน้าตา ครม.ชุดนี้ก็ดูดี
เช่นกันคลิปดังกล่าวคงไม่ส่งผลต่อการทำหน้าที่รมว.กลาโหมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ยังเห็นว่านายกฯ เป็นผู้หญิง การทำงานน่าจะนุ่มนวลกว่าสมัย
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม ที่พูดกันว่ามีท่าทีแข็งไปหน่อย
เนื่องจากเป็นทหาร
เช่นเดียวกัน เรื่องการโยกย้ายก็ไม่น่าจะมีเอฟเฟ็กต์อะไรมาก
นายกฯก็คงเชื่อตามที่ระดับผู้ใหญ่ในกองทัพมากกว่า คงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
การทำงานระหว่างกองทัพกับรัฐบาลไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น