หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ๆ
กูเกิลก็กลับมาสร้างความฮือฮาให้กับวงการไอทีอีกครั้งด้วยการเปิดตัว
ผลิตภัณฑ์ใหม่ "Chromecast"
ที่ถูกมองว่าเป็นอาวุธลับที่จะมาสกัดแอปเปิลทีวีของค่ายแอปเปิล
คู่แข่งรายสำคัญของแอปเปิลในตลาดไอทีโลก
Chromecast
ที่ว่านี้หน้าตาดูเหมือนจะเป็นแฟลชไดรฟ์เล็กๆ ธรรมดา ขนาดแค่ 2 นิ้ว
แต่จริงๆแล้วมันคือตัวรับสัญญาณจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือโน๊ตบุ๊กของคุณ
เข้าไปยังทีวี ทำให้ทีวีสามารถเปิดดูวีดีโอออนไลน์ ไม่ว่าจาก YouTube ,
Netflix , Google Play Video จากสมาร์ทโฟนได้ เรียกง่ายๆว่า Chromecast
เป็นเครื่องมือเปลี่ยนทีวีบ้านๆ ธรรมดาๆ ให้เป็นสมาร์ททีวี
สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมจะจ่ายเงินเปลี่ยนทีวี ที่สำคัญเจ้า Chromecast
นี้มีราคาถูกมาก เพียงอันละ 35 ดอลลาร์เท่านั้น
วิธีการใช้งานก็แสนจะง่ายดายไม่ยุ่งยากซับ
ซ้อน เพียงคุณเสียบ Chromecast เข้ากับช่องรับสัญญาณ HDMI ของโทรทัศน์
โดยใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ทั้งระบบ Android และ iOS
หรือแม้แต่ใช้โน้ตบุ๊กเบราว์เซอร์ Chrome แทนการใช้รีโมตปกติ
วิธีการสตรีมทำได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่ม Cast ที่จะมีเพิ่มขึ้นมาหลังจากติดตั้ง
แล้ววิดีโอก็จะสตรีมจาก Cloud ไปยังทีวี
และเมื่อสตรีมเสร็จผู้ใช้ก็สามารถนำอุปกรณ์ตัวเองไปใช้งานอื่นๆ ได้เลยทันที
Chromecast วางจำหน่ายวันแรก 25 กรกฎาคม
แต่ตอนนี้หมดสต็อกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครอยากได้ต้องรออีกทีวันที่ 28
กรกฎาคม ระลอกสอง ซึ่งจะมีการขายผ่าน Amazon และ Best Buy
เรียกว่า Chromecast
ถือเป็นความพยายามล่าสุดของกูเกิลที่จะบุกตลาดทีวีออนไลน์แล้วได้ผลตอบรับดี
เกินคาด หลังจากความพยายามครั้งก่อนๆทุกครั้งล้มเหลวไม่เป็นท่ามาตลอด
ไม่ว่าจะเป็นการออกกูเกิลทีวีเมื่อปี 2010 ที่โดนสถานีโทรทัศน์หลายแห่งแบน
และลูกค้าก็ไม่ตอบรับ เพราะต้องซื้ออุปกรณ์เสริมราคาแพงมาก
หรือการร่วมมือกับโซนีเมื่อปีที่แล้ว ออก set-top box
ราคาแพงเกือบหมื่นออกวางจำหน่าย ที่ก็ไม่มีคนซื้ออีก
รวมถึงความพยายามล่าสุด ออก Nexus Q ลูกบอลกลมๆ
เครื่องเล่นมัลติมีเดียที่สตรีมเพลงและวีดีโอจากสมาร์ทโฟนเข้าทีวีในลักษะ
เดียวกับ Chromecast ที่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอีกเช่นกัน
สาเหตุที่ Chromecast ประสบความสำเร็จ
ถูกมองว่าเป็นเพราะว่าเจ้าอุปกรณ์ชิ้นเล็กนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย
และราคาถูกกว่าอุปกรณ์สตรีมมิงที่ผ่านๆ มา
ซึ่งดูซับซ้อนและราคาแพงโดยใช่เหตุ
by
Chat Room
25 กรกฎาคม 2556 เวลา 21:30 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น