หน้าแรกGoogleวันนี้:I have a dream
แปลโดย พัทธดนย์ เตชะไพบูลย์
ที่มา learners.in.th
ข้าพเจ้ายินดีที่ได้มาร่วม
ชุมนุมกับพวกท่านในวันนี้
ซึ่งจักกลายหน้าประวัติศาสตร์การชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด
ในประวัติศาสตร์ของชาติเรา
เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน
ชาวอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง
ผู้ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์แผ่ร่มเงาแก่ผองเราซึ่งยืนอยู่ในที่แห่งนี้
ได้ลงนามในคำประกาศเลิกทาส
กฎหมายฉบับนี้ประดุจดังดวงประทีปแห่งความหวังของทาสนิโกรนับล้าน
ผู้ซึ่งถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงอยุติธรรมที่เหยียดหมิ่น
มันมาถึงประหนึ่งยามอรุณรุ่งอันน่าปรีดา
ที่จะยุติค่ำคืนอันยาวนานแห่งการจองจำ
หากร้อยปีถัดมา, เราพานพบความจริงอันโหดร้ายว่าชาวนิโกรยังไม่เป็นไท
ร้อยปีให้หลัง, ชีวิตของนิโกรยังคงถูกพันธนาการด้วยการเหยียดผิว และถูกจองจำด้วยตรวนแห่งการเหยียดจำแนก
ร้อยปีให้หลัง, ชีวิตของนิโกรยังคงถูกพันธนาการด้วยการเหยียดผิว และถูกจองจำด้วยตรวนแห่งการเหยียดจำแนก
ร้อยปีถัดมา, ชนนิโกรยังดำรงชีพบนเกาะแห่งความจนยากอันโดดเดี่ยว ท่ามกลางมหาสมุทรที่ไพศาลไปด้วยความมั่งคั่งทางวัตถุ
ร้อยปีให้หลัง, นิโกรยังอ่อนระโหยอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของสังคมอเมริกา และพบว่าตนถูกเนรเทศพ้นไปจากแผ่นดินของเขาเอง ดังนั้นเราทั้งหลายมาชุมนุมในวันนี้ เพื่อแสดงให้เห็นสภาพอันน่าอดสูนี้
ในฐานะที่เราเข้ามาในเมืองหลวงของ
ชาติเราเพื่อเอาเช็คมาขึ้นเงินสด
เมื่อครั้งที่เหล่าสถาปนิกแห่งสาธารณรัฐของเราจารึกถ้อยคำน่าประทับใจในรัฐ
ธรรมนูญและประกาศอิสรภาพ
นั่นหมายความว่าพวกเขาได้ลงนามในพันธสัญญาที่คนอเมริกันทุกผู้ต้องสืบทอด
ปณิธาน นี่เป็นบันทึกอันเป็นพันธะว่าเราทุกคนจะได้รับการประกันสิทธิ์
อันหาเพิกถอนได้แห่งชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาซึ่งความสุข
หากวันนี้ประจักษ์ชัดว่า
อเมริกาได้บิดพลิ้วต่อพันธสัญญานี้
ตราบเท่าที่ยังคำนึงถึงสีผิวของพลเมืองในประเทศ
แทนที่่จะเคารพข้อผูกพันอันศักดิ์สิทธิ์
อเมริกากลับให้เช็คเสียกับประชาชนนิโกร
เช็คนี้ถูกส่งคืนพร้อมกับตราประทับว่า “เงินไม่เพียงพอ”
แต่เราปฏิเสธจะเชื่อว่าธนาคารแห่งความยุติธรรมได้ล้มละลายไปเสียแล้ว
เราปฏิเสธจะเชื่อว่าไม่มีเงินเพียงพอภายใต้หลังคาที่ยิ่งใหญ่แห่งโอกาสของ
ชาติเรา ดังนั้นเราจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อขอขึ้นเงิน —
กับเช็คที่ตอบรับความต้องการในความมั่งคั่งแห่งเสรีภาพ
และความมั่นคงของกระบวนการยุติธรรม
เรามายังสถานศักดิ์สิทธิ์นี้
เพื่อเตือนอเมริกาให้ระลึกถึงความเร่งด่วนอันร้อนแรงในทันทีนี้
หามีเวลาจะยึดติดความฟุ่มเฟือย
หรือให้ยาระงับประสาทเพื่อให้เรื่องดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป
บัดนี้เป็นเวลาที่ต้องทำให้คำมั่นแห่งประชาธิปไตยเป็นจริงขึ้นมา
บัดนี้เป็นเวลาที่ต้องลุกขึ้น จากความมืดมน และหุบผาที่ถูกทิ้งร้างแห่งการแบ่งแยกสีผิว ไปบนหนทางอันเจิดจรัสแห่งความยุติธรรมทางเชื้อชาติ
บัดนี้เป็นเวลาที่จะเปิดประตูแห่งโอกาสให้แก่บุตรของพระผู้เป็นเจ้าทุกผู้ทุกนาม
บัดนี้เป็นเวลาที่จะยกระดับชาติของเราจากหล่มปลักแห่งความยุติธรรมทางเชื้อชาติ ไปยังภูผาอันแกร่งกล้าแห่งภราดรภาพ
มันจะกลายเป็นหายนะแก่ประเทศชาติ
หากมองข้ามห้วงยามแห่งความเร่งด่วน และประเมินความต้องการของชาวนิโกรต่ำไป
คิมหันต์อันอบอ้าวจากความไม่พอใจอันชอบธรรมของชาวนิโกรจะไม่ผ่านพ้นไป
ตราบจนกระทั่งฤดูใบไม้ร่วงอันมีชีวิตชีวาแห่งเสรีภาพและความเท่าเทียมกันจะ
มาถึง ปี 1963 หาใช่จุดสิ้นสุด หากแต่เป็นจุดเริ่ม
ผู้ที่หวังว่านิโกรต้องการเพียงที่จะระเบิดอารมณ์แล้วก็จะพอใจ
คนกลุ่มนั้นจะอยู่ในสภาพตะลึงงันหากประเทศชาติยังคงดำเนินไปตามที่มันเป็น
จะไม่มีการหยุดพักหรือความสงบในประเทศอเมริกาจนกว่าชนนิโกรจะได้รับสิทธิ์ใน
ความเป็นพลเมืองอย่างแท้จริง
ความปั่นป่วนจากการจลาจลจะดำเนินต่อไปเพื่อสั่นคลอนรากฐานของชาติเรา
จนกว่าวันที่สดใสแห่งความยุติธรรมจักปรากฏ
แต่มีบางสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากกล่าว
กับประชาชนของข้าพเจ้าผู้ซึ่งยืนอยู่ ตรงธรณีประตูอันอบอุ่น
ซึ่งจะนำเราไปยังพระราชวังแห่งความยุติธรรม
ในขั้นตอนการได้มาซึ่งสถานะอันมีสิทธิ์
เราต้องปราศจากมลทินแห่งการกระทำอันผิดพลาด
เราต้องไม่แสวงหาความพอใจในการดับความกระหายเสรีภาพของเรา
ด้วยการดื่มกินจากถ้วยแห่งความขมขื่นและความเกลียดชัง
เราต้องดำเนินการต่อสู้ตลอดไปบนพื้นฐานอันสูงส่งของเกียรติยศและวินัย
เราต้องไม่อนุญาตให้การประท้วงที่สร้างสรรค์ของเรากลายเป็นการใช้ความรุนแรงทางกายภาพ
ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม เราต้องยืนหยัดอย่างสง่างาม ในหลักการหลอมรวมระหว่างพลังทางกายและพลังทางจิตวิญญาณอันสูงส่ง
ความเข้มแข็งอันน่าอัศจรรย์ ครั้งใหม่ ซึ่งมันปกคลุมทั้งผองชนนิโกร จะต้องไม่นำเราไปสู่ความไม่ไว้วางใจของคนขาวทั้งปวง เพราะพี่น้องคนขาวหลายคน ดังประจักษ์พยานของการปรากฎตัวของพวกเขาในวันนี้ ได้ยืนยันว่าโชคชะตาของพวกเขาได้ผูกพันกับโชคชะตาของเรา และเสรีภาพของพวกเขา เป็นพันธะที่ตรึงแน่นกับเสรีภาพของเรา
เราไม่อาจเดินได้เพียงลำพัง
ขณะที่เราเดิน เราต้องให้คำมั่นว่าเราก้าวไปข้างหน้า
เราไม่อาจหันหลังกลับได้ มีคนถามผู้นับถือสิทธิพลเมืองว่า
“เมื่อไหร่พวกคุณจึงจะพอใจ?”
เราไม่อาจพอใจได้ ตราบใดที่ชาวนิโกรยังเป็นเหยื่อจากความหวาดกลัวอันไม่อาจเอ่ยถึงของตำรวจที่โหดร้าย
เราไม่อาจพอใจได้ ตราบใดที่ร่างกายเราอันเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แล้วยังไม่อาจเข้าพักในโรงแรมบนทางหลวง หรือโรงแรมในตัวเมืองได้
เราไม่อาจพอใจได้ ตราบใดที่ยังมีการเคลื่อนย้ายฐานของพวกนิโกรออกจากพื้นที่ชุมชนแออัดไปจนถึงชุมชนขนาดใหญ่
เราไม่อาจพอใจได้ ตราบใดที่ลูกหลานเรายังถูกปลดเปลือยตัวตน และถูกช่วงชิงศักดิ์ศรีไปด้วยการแขวนป้ายที่ระบุว่า “สำหรับคนขาวเท่านั้น”
เราไม่อาจพอใจได้ ตราบใดที่คนนิโกรในมิซซิสซิปปี้ ปราศจากสิทธิ์ออกเสียง และคนนิโกรในนิวยอร์คเชื่อว่าไม่มีใครที่ควรจะลงคะแนนให้
ไม่หรอก ไม่มีทางที่เราจะพอใจ และเราไม่อาจพอใจตราบจนความยุติธรรมหลั่งรินลงมาดุจหยาดน้ำ และความเที่ยงธรรมหลั่งไหลดุจสายน้ำอันเชี่ยวกราก
ข้าพเจ้าไม่อาจเมินเฉยต่อความจริงที่ว่า
พวกท่านบางคนมาถึงนี่ด้วยความทรมาน และความยากแค้น
พวกท่านบางคนเพิ่งมาจากห้องขังอันคับแคบ
พวก ท่านบางคนมาจากท้องที่ซึ่ง การแสวงหาซึ่งเสรีภาพได้ทิ้งท่านไว้ กับการทุบตีด้วยพายุแห่งการข่มเหง และการต้องโซซัดโซเซจากสายลมแห่งความป่าเถื่อนของตำรวจ
ท่านกลายเป็นผู้ทุกข์ทรมานมามาก จงดำเนินการต่อไปด้วยความศรัทธาว่าความทุกข์ยากที่มิได้ก่อนี้จะถูกปลดเปลื้อง
พวกท่านบางคนเพิ่งมาจากห้องขังอันคับแคบ
พวก ท่านบางคนมาจากท้องที่ซึ่ง การแสวงหาซึ่งเสรีภาพได้ทิ้งท่านไว้ กับการทุบตีด้วยพายุแห่งการข่มเหง และการต้องโซซัดโซเซจากสายลมแห่งความป่าเถื่อนของตำรวจ
ท่านกลายเป็นผู้ทุกข์ทรมานมามาก จงดำเนินการต่อไปด้วยความศรัทธาว่าความทุกข์ยากที่มิได้ก่อนี้จะถูกปลดเปลื้อง
จงกลับไปยังมิสซิสซิปปี้
จงกลับไปยังอลาบาม่า
จงกลับไปยังเซาธ์แคลิฟอร์เนีย
จงกลับไปยังจอร์เจีย
จงกลับไปยังหลุยเซียน่า
จงกลับไปยังสลัมและชุมชนแออัดในเมืองทางเหนือของเรา และจงรู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้สามารถและจักเปลี่ยนแปลงไปด้วยวิธีการใดวิธีหนึ่ง
จงกลับไปยังอลาบาม่า
จงกลับไปยังเซาธ์แคลิฟอร์เนีย
จงกลับไปยังจอร์เจีย
จงกลับไปยังหลุยเซียน่า
จงกลับไปยังสลัมและชุมชนแออัดในเมืองทางเหนือของเรา และจงรู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้สามารถและจักเปลี่ยนแปลงไปด้วยวิธีการใดวิธีหนึ่ง
จงอย่าจมปลักอยู่ในหุบผาแห่งความ
หดหู่ ข้าพเจ้าขอกล่าวกับพวกท่านในวันนี้ เพื่อนเอ๋ย –
หากแม้ความลำบากที่เราเผชิญในวันนี้และวันพรุ่ง ข้าพเจ้าจะยังมีความฝัน
ความฝันซึ่งฝังรากลึกอยู่ในความฝันแห่งอเมริกันชน
ข้าพเจ้ามีความฝันว่า
วันหนึ่งประเทศนี้จะหยัดยืนขึ้นและจรรโลงความหมายที่แท้จริงของบทบัญญัติทาง
ศาสนาที่ว่า
“เรายึดถือความจริงเหล่านี้เป็นการยืนยันว่ามนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่าง
เท่าเทียมกัน”
ข้าพเจ้ามีความฝันว่าวันหนึ่งบนเนินเขาสีแดงในจอร์เจีย บุตรของทาสกับบุตรของอดีตเจ้าทาสจะนั่งร่วมโต๊ะแห่งภราดรภาพได้
ข้าพเจ้ามีความฝันว่าวันหนึ่งบนเนินเขาสีแดงในจอร์เจีย บุตรของทาสกับบุตรของอดีตเจ้าทาสจะนั่งร่วมโต๊ะแห่งภราดรภาพได้
ข้าพเจ้ามีความฝันว่า วันหนึ่งแม้แต่รัฐมิสซิสซิปปี้ซึ่งอวลไปด้วยไอแห่งอยุติธรรม ระอุไปด้วยความร้อนแรงแห่งการกดขี่ จะแปรเปลี่ยนเป็นที่ชุ่มชื้นแห่งเสรีภาพและความยุติธรรม
ข้าพเจ้ามีความฝันว่าในวัน หนึ่งลูกๆ ทั้งสี่คนของข้าพเจ้าจะอาศัยอยู่ในชาติที่พวกเขาไม่ถูกพิพากษาจากสีผิว แต่ด้วยสาระแห่งอุปนิสัยของเขา
ข้าพเจ้ามีความฝันในวันนี้
ข้าพเจ้า มีความฝันว่า วันหนึ่งในอลาบาม่า ที่ซึ่งมีการเหยียดชาติอย่างชั่วร้าย ที่ซึ่งมีผู้ว่าการรัฐกำลังเปล่งวาจาขัดขวางและล้มล้างเราอยู่นั้น สักวันหนึ่งเด็กชายผิวดำและเด็กหญิงผิวดำตัวน้อย จะสามารถเกี่ยวก้อยกับเด็กชายผิวขาวและเด็กหญิงผิวขาวตัวน้อย ได้ดุจดังพี่น้องกัน
ข้าพเจ้า มีความฝันว่า วันหนึ่งในอลาบาม่า ที่ซึ่งมีการเหยียดชาติอย่างชั่วร้าย ที่ซึ่งมีผู้ว่าการรัฐกำลังเปล่งวาจาขัดขวางและล้มล้างเราอยู่นั้น สักวันหนึ่งเด็กชายผิวดำและเด็กหญิงผิวดำตัวน้อย จะสามารถเกี่ยวก้อยกับเด็กชายผิวขาวและเด็กหญิงผิวขาวตัวน้อย ได้ดุจดังพี่น้องกัน
ข้าพเจ้ามีความฝันในวันนี้
ข้าพเจ้ามีความฝันว่าวันหนึ่งทุก
หุบผาจะถูกยกให้สูงขึ้น
พร้อมกันนั้นทุกเนินเขาและภูผาจะถูกทำให้ราบลงมาเสมอกัน
พื้นที่อันขรุขระถูกถางเป็นทางราบ ทางคดเคี้ยวถูกทำให้เป็นเส้นตรง
เมื่อนั้นเสียงแซ่ซ้องแห่งพระเป็นเจ้าจะถูกเปล่งขึ้น
และผองเราจะเห็นเวลานั้น
นี่เป็นความหวังของเรา นี่เป็นศรัทธาของเราซึ่งข้าพเจ้าจะนำกลับไปทางใต้
ด้วยศรัทธานี้เราจะสกัดหุบเขาแห่งความหดหู่ ออกเป็นศิลาแห่งความหวัง
ด้วยศรัทธานี้เราจะเปลี่ยนเสียงเสียดหูแห่งความบาดหมางในชาติเรา ให้เป็นเสียงเพลงอันแสนหวานแห่งภราดรภาพ
ด้วยศรัทธานี้เราจะสกัดหุบเขาแห่งความหดหู่ ออกเป็นศิลาแห่งความหวัง
ด้วยศรัทธานี้เราจะเปลี่ยนเสียงเสียดหูแห่งความบาดหมางในชาติเรา ให้เป็นเสียงเพลงอันแสนหวานแห่งภราดรภาพ
ด้วยศรัทธานี้เราจะสามารถทำงานร่วม
กัน สวดมนต์ด้วยกัน ต่อสู้ร่วมกัน ถูกจองจำร่วมกัน
หยัดยืนเพื่อเสรีภาพร่วมกัน
เพราะเรารู้ว่าเราจะมีเสรีภาพไม่วันใดก็วันหนึ่ง
วันนี้ก็คือวันที่ว่า,
นี่เป็นวันที่บุตรแห่งพระผู้เป็นเจ้าจะขับขานด้วยความหมายใหม่กับบทเพลงที่
ว่า “ประเทศของข้าฯ ข้าฯขอขับขานบทเพลงแห่งเสรีภาพอันแสนหวานแด่ท่าน
ดินแดนที่บรรพบุรุษของข้าฯฝังร่าง ดินแดนแห่งความภาคภูมิใจของผู้แสวงบุญ
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานจากทุกขุนเขา”
และหากอเมริกาจะเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ สิ่งเหล่านี้ต้องเป็นจริง
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากยอดเขาอันไพศาลแห่งนิวแฮมเชียร์
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากภูเขาที่ทรงพลังแห่งนิวยอร์ค
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากที่ราบสูงอัลเลเกนิสแห่งเพนซิลวาเนีย
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากขุนเขาร็อคกี้ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะแห่งโคโลราโด
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากเนินเขาอันคดเคี้ยวแห่งแคลิฟอร์เนีย
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากยอดเขาอันไพศาลแห่งนิวแฮมเชียร์
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากภูเขาที่ทรงพลังแห่งนิวยอร์ค
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากที่ราบสูงอัลเลเกนิสแห่งเพนซิลวาเนีย
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากขุนเขาร็อคกี้ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะแห่งโคโลราโด
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากเนินเขาอันคดเคี้ยวแห่งแคลิฟอร์เนีย
ไม่ใช่เพียงเท่านี้
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากภูเขาสโตนแห่งจอร์เจีย
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากภูเขาลุคเอ๊าท์แห่งเทนเนสซี
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากทุกด้าน และทุกเนินเขาและทุกเนินดินทุกแห่งในมิสซิสซิปปี้
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากภูเขาลุคเอ๊าท์แห่งเทนเนสซี
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวานไปจากทุกด้าน และทุกเนินเขาและทุกเนินดินทุกแห่งในมิสซิสซิปปี้
ขอให้เสรีภาพจงก้องกังวาน
และเมื่อสิ่งนี้บังเกิดขึ้น เมื่อเราบันดาลให้เสรีภาพดังกังวาน –
เมื่อเราให้เสรีภาพก้องกังวานจากทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน จากทุกรัฐ ทุกเมือง
เราอาจจะเร่งวันเวลาที่บุตรของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งคนดำคนขาว ทั้งพวกยิว
คนศาสนาอื่น ทั้งแคธอลิคทั้งโปรเตสแตนท์
จะสามารถจับมือกันและขับขานบทเพลงเป็นถ้อยคำจากบทสวดในทางจิตวิญญาณอันเก่า
แก่ของพวกนิโกรได้ว่า
“เสรีภาพในที่สุด เสรีภาพในที่สุด ขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธานุภาพ พวกเราจะมีเสรีภาพในที่สุด”
..............
..............
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (อังกฤษ: Martin Luther King, Jr.; 15 มกราคม พ.ศ. 2472 - 4 เมษายน พ.ศ. 2511) เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง และหมอสอนศาสนานิกายแบปติส เกิดที่นครแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เป็นบุตรชายของพระแบปติส ได้รับการศึกษาจากวิทยาลัยมอร์เฮาส์ แอตแลนตา จากวิทยาลัยการศาสนาโครเซอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย และจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ต่อมาได้กลายเป็นผู้นำขบวนการเรียกร้องสิทธิเสมอภาคของชาวผิวดำ โดยใช้นโยบาย และแนวทางต่อต้านที่ใช้ความนุ่มนวลตามแนวทางของมหาตมะ คานธี และจากทักษะการพูดต่อสาธารณะที่เป็นที่เลื่องลือ คิงได้เป็นผู้นำในการคว่ำบาตรไม่ยอมรับการแบ่งแยกคนผิวดำที่ไม่ให้โดยสารรถประจำทางร่วมกับคนผิวขาว ที่เมืองมอนต์โกเมอรี รัฐแอละแบมา และจัดประชุมผู้นำศาสนาคริสเตียนตอนใต้ ในระหว่างนี้เขาถูกจับขังคุกหลายครั้ง
ในปี พ.ศ. 2506 คิงเป็นผู้นำในการเดินขบวนอย่างสันติที่อนุสาวรีย์ลิงคอล์นในวอชิงตัน ดี.ซี. โดย
มีผู้เข้าร่วมเดินมากถึง 200,000 คน
ในการประชุมครั้งนี้เองที่คิงได้แสดงสุนทรพจน์ที่มีชื่อเสียงคือ
"ข้าพเจ้ามีความฝัน" (I Have a Dream) ในโอกาสนี้เขายังได้ประกาศว่า
อเมริกาจะปราศจากความลำเอียงและไม่มีอคติต่อคนผิวสีในปี พ.ศ. 2507
ในปี พ.ศ. 2507 มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ได้รับรางวัลสันติภาพเคเนดี (Kendy Peace Prize) รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ความ
สำเร็จสูงสุดของเขาได้แก่การท้าทายอำนาจของกฎหมายแบ่งแยกผิวในภาคใต้ของ
สหรัฐฯ หลังจากปี พ.ศ. 2508 เป็นต้นไป มาร์ติน ลูเธอร์
คิงได้หันความสนใจไปเน้นการรณรงค์ให้มีการปรับปรุงสภาพสังคมของคนผิวดำ
และคนยากจนในภาคเหนือของประเทศซึ่งพบว่าง่ายกว่า นอกจากนี้
คิงได้รณรงค์ต่อต้านการทำสงครามเวียดนาม และจะจัดการชุมนุมใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อีกครั้งหนึ่ง
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ถูกลอบยิงถึงแก่ชีวิตที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี โดยเจมส์ เอิร์ล เรย์ ชาวผิวขาว ซึ่งต่อมาถูกจับกุมได้ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษและถูกศาลพิพากษาจำคุก 99 ปี
หลังจากที่เขาถูกลอบสังหารในปี พ.ศ. 2511 เขาได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านเพื่อความยุติธรรมทางเชื้อชาติจวบจนทุกวันนี้
วันที่ 15 มกราคม
ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ได้รับการประกาศให้เป็น
"วันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง" อันเป็นวันนักขัตฤกษ์ระดับชาติของสหรัฐอเมริกา
และได้รับทยอยการยอมรับจากรัฐต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับนับตั้งแต่ พ.ศ.
2529 เป็นต้นมา
คิงมีชื่อเสียงในเรื่องการพูดต่อ
สาธารณชน สุนทรพจน์ "I Have a Dream" ที่เขากล่าวในการเดินขบวนปี พ.ศ. 2506
ได้รับการยกย่องอย่างสูง ว่าทรงพลังและเป็นแบบอย่างของการพูดในที่สาธารณะ
ที่มา:วิกิพีเดีย
ที่มา:วิกิพีเดีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น