ที่มา มติชน
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์
เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายเจริญ จรรย์โกมล
รองประธานสภา คนที่ 1 และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภา คนที่ 2
แถลงถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีที่มา
ส.ว.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ว่า
ยังยืนยันหลักการเดิมว่า
ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไว้พิจารณา
เพราะสมาชิกรัฐสภาใช้อำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 291
เป็นอำนาจโดยตรงที่จะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้
และไม่มีกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ มาตราใด
ที่รองรับอำนาจที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาแต่อย่างใด
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า
ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านนั้น
ที่ประชุมฝ่ายกฎหมายมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า
ฝ่ายค้านต้องยื่นสำเนาคำร้องถอดถอนแนบญัตติด้วย ซึ่งในอดีตสมัยพรรคเพื่อไทย
(พท.) เป็นฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี 3 ครั้ง ก็ได้แนบเอกสารสำเนาคำร้องถอดถอนพร้อมญัตติทุกครั้ง
จากนั้น 2 ครั้ง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล พท.
แต่ไม่มีการยื่นเอกสารดังกล่าว และล่าสุดปี 2555
มีการทวงถามสำเนาก่อนเข้าสู่การพิจารณา ท้ายที่สุด ปชป.ส่งสำเนาให้
เพราะหากไม่มีสำเนา ประธานการประชุมไม่สามารถควบคุมการประชุมได้
และไม่รู้ว่าจะอภิปรายอยู่ในกรอบ หรือในประเด็นหรือไม่
ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติต้องแนบสำเนาด้วย ไม่เช่นนั้นถือว่าญัตติไม่สมบูรณ์
"จะมอบให้ฝ่ายเลขาธิการสภาทำหนังสือทวงถามไปยัง ปชป.
ให้ยื่นสำเนาไม่เกินวันที่ 21 พฤศจิกายน เวลา 16.30 น.
ก็จะทำให้บรรจุระเบียบวาระได้ทันที
แต่หากเกินเวลาดังกล่าวจะส่งผลกระทบว่าจะสามารถพิจารณาญัตติไม่ไว้วางใจได้
ทันสมัยนี้หรือไม่ เพราะวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ จะปิดสมัยสมัยการประชุม"
นายสมศักดิ์กล่าว
เมื่อถามว่า เป็นการยื้อเพื่อเปิดทางให้นายกฯยุบสภาได้หรือไม่
นายสมศักดิ์ตอบว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมาย ไม่มีแทคติคอะไร
อีกทั้งนายกฯก็ยืนยันว่าไม่มีการยุบสภา หาก
ปชป.ยืนยันจะไม่ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าว ก็ต้องพิจารณาอีกครั้ง
แต่ตนจะวินิจฉัยโดยยึดสถานการณ์ปัจจุบันเป็นหลัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น