เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชิต
ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พท. ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญร่าง
พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวว่าถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยื่นคำขาดต่อ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมพ้นจากสภาใน
11 พฤศจิกายน ไม่เกิน 6 โมงเย็น ว่า ตนมองว่าแนวทางและข้อเสนอของนายสุเทพ
ฉ้อฉลและข่มขืนรัฐธรรมนูญ กล่าวคือการที่นายสุเทพ
เสนอแนวทางทำให้กฎหมายตายโดยให้วุฒิสภาลงมติว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้
เป็นกฎหมายการเงิน แล้วส่งเรื่องกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร
และให้ที่ประชุมร่วม ส.ส. กับคณะกรรมาธิการลงมติว่า เป็นกฎหมายการเงิน
จากนั้น เสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงนามรับรอง ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่รับรอง
กฎหมายก็ตายทันที ข้อเสนอเช่นนี้ไม่ถูกต้องทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
และเป็นข้อเสนอที่จะให้วุฒิสภา และน.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดรัฐธรรมนูญ
เพราะในชั้นเสนอร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่สภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ มิได้รับรอง
ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นร่างพ.ร.บ.ที่เกี่ยวด้วยการเงิน
ดังนั้นร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้
ไม่ต้องด้วยลักษณะที่เป็นร่างพ.ร.บ.ในอันที่จะจัดสรร หรือจ่ายเงินแผ่นดิน
หรือการโอนงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน
หรือการดำเนินการที่ผูกพันกับทรัพย์สินของรัฐ
อันจะเป็นจะเป็นร่างพ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 143
นาย
พิชิต กล่าวว่า เมื่อไม่เป็นร่างพ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ นายสุเทพ จะข่มขืนให้ร่าง พ.ร.บ.นี้ ให้เป็นร่าง
พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน เพื่อให้ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
และขัดแย้งต่อข้อเท็จจริงที่ไม่มีอยู่จริงตามร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ได้อย่างไร เป็นข้อเสนอที่จะให้วุฒิสมาชิกร่วมปิดบังอำพราง
ฉ้อฉลข้อเท็จจริงที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่เป็นร่างการเงิน
แต่กระทำให้เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน
เหมือนกับที่กำลังฉ้อฉลต่อประชาชน โดยชักชวนให้มาคัดค้านร่าง
พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่สุดท้ายก็ปรากฏความจริงแล้วว่า
เจตนาที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายสุเทพ คือ
การล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มิใช่
เจตนาที่แท้จริงในการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
นาย
พิชิต กล่าวต่อว่า นายสุเทพ ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา 3
เป็นดังนี้ “มาตรา 3
ให้บรรดาการกระทำใดๆของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง
หรือการแสดงออกทางการเมือง เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ
โดยการชุมนุม การประท้วง หรือแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ
อันเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2556 ไม่เป็นความผิดต่อไป
และให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด
และความรับผิดโดยสิ้นเชิง ” จากคำแปรญัตติของ นายสุเทพ
เมื่อพิจารณาแล้วเห็นได้ว่า ถ้อยคำแปรญัตติของนายสุเทพนั้น
เป็นคำตอบอยู่ในตัวเองว่า ขอบข่ายของข้อเสนอในการนิรโทษกรรมของนายสุเทพ
ที่ต้องการให้วุฒิสภาพิจารณามีขอบเขตในการนิรโทษกรรมอย่างไร
ซึ่งก็จะเป็นคำตอบที่จะบอกกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บุก
ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง
รวมทั้งที่บุกยึดกรมประชาสัมพันธ์จะไม่ได้รับนิรโทษกรรมจากคำแปรญัตติของ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตนมองว่า กลุ่มพันธมิตรฯ
รวมถึงประชาชนจะได้ตาสว่างจากการแปรญัตติของ นายสุเทพฯ และการที่ นายสุเทพฯ
นำเงื่อนไขของการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
มาเป็นประโยชน์ทางการเมืองเพื่อที่จะล้มรัฐบาลเท่านั้น
นี่คือธาตุแท้ของนายสุเทพฯ ที่อ้างต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
เพื่อประโยชน์ตัวเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น