มทภ.2. เรียกถก ผู้ว่าฯ อีสาน 11 จังหวัด
รับมือสถานการณ์ความรุนแรงการเมือง ยันไม่จับตาพื้นที่ใดเป็นพิเศษ
ปัดนำเรื่อง นปช.แยกแผ่นดินหารือ ด้านเกษตรกรชาวนาอีสาน
คนยื่นสารจี้ตรวจสอบ นปช.แบ่งแยกประเทศไทย พร้อมมอบดอกไม้ฝากให้กำลัง
ผบ.ทบ.
เนชั่นรายงาน
27 ก.พ.2557 พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย
อินไซด์ไทยแลนด์ ทางสปริงนิวส์ ถึงกรณี ผบ.ทบ.ย้ำให้ผู้ว่าฯ
จับตาม็อบทุกกลุ่ม ซึ่งถือเป็นการกระชับอำนาจ ว่า เนื่องจากแต่ละภาค
แต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัดแตกต่างกัน ผบ.ทบ.จึงอยากให้ผู้ว่าฯช่วยสอดส่อง
และทำความเข้าใจ เพราะผู้ว่าฯ รู้อยู่แล้วว่ากลไกภาครัฐ เอกชน
ในพื้นที่มีความเห็นอย่างไร จึงอยากให้ผู้ว่าฯ วิเคราะห์
และประเมินสถานการณ์ ว่าเห็นร่วมกันอย่างไร และให้รายงานมายัง ผอ.รมน.ภาค
1-4 ในทุกวัน เพื่อรายงานต่อไปยัง ผบ.ทบ.
"รองผอ.รมน.สามารถดำเนิน การได้อยู่แล้ว และเอกสารทุกอย่างให้รายงาน ผอ.รมน. ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติประจำตามอำนาจกฎหมายอยู่แล้ว โดยพื้นที่ ผอ.รมน.ภาค 3 จะมีการเรียกจังหวัดในภาคเหนือเพื่อทำความเข้าใจกัน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเริ่มมีแผ่นป้ายขอแยกประเทศแล้ว และบนเวทีมีการพูดจากันเลยเถิดไป" โฆษก กอ.รมน. กล่าว
ส่วนกำลังพล หน่วยซีลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับม็อบ และอารักขาแกนนำม็อบนั้น พ.อ.บรรพต กล่าวว่า ทราบเมื่อวานว่าเพิ่งจับกุม และอยู่ระหว่างสอบสวน เป็นกำลังพลอยู่ในหน่วยราชการจริง และใช้เวลานอกราชการรับจ้างเป็นการ์ด ซึ่งทุกหน่วยก็มี ไม่เฉพาะหน่วยซีลที่ใช้เวลานอกราชการไปทำงาน ส่วนคดีพกพาอาวุธ ทำร่างกาย จะเป็นคดีปกติไม่มีการยกเว้นใดๆ และไม่เฉพาะกรณีม็อบเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ก็มี เช่น มาเฟียพัทยา ที่ใช้บัตร กอ.รมน.ไปทำงานไซด์ไลน์ แต่ไม่ได้รับราชการแล้ว
พ.อ.บรรพต กล่าวถึงกรณีส่วนชายชุดดำด้วยว่า ยังไม่อาจชี้ไปได้ว่าเป็นกำลังพล เพราะทุกคนก็แต่งชุดดำ ใส่หมวกปิดบังใบหน้าและระยะหลังก็มีการใส่ถุงป๊อปคอร์น เชื่อว่ากลุ่มที่มาเป็นหน่วย เป็นกองกำลังไม่มี แต่เป็นเรื่องรายบุคคล เพราะในพื้นที่ประเทศของเราหากทำอย่างนั้นจะยุ่งยาก แม้แต่การรวมตัวกันเป็นทีมงานก็จะเกิดเบาะแสให้จับกุม ดังนั้น เป็นเรื่องของรายบุคคลมากกว่า และคงไม่มีใครคิดจะทำเพราะยุ่งยาก มีปัญหาทุกอย่าง เช่น ในพื้นที่ตะวันออกมีปัญหากลุ่มผู้มีอิทธิพลมานานแล้ว และกลุ่มผู้มีอิทธิพลจะมีซุ้มมือปืน ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมรับรู้มานานแล้ว ตนมองว่าเป็นเรื่องแบบนี้ของซุ้มที่ทำตามค่าจ้าง มากกว่าเป็นเรื่องกองกำลัง ซึ่ง รมว.มหาดไทย โดยตำแหน่งก็เป็นกรรมการใน กอ.รมน.ด้วย ไม่ใช่ กอ.รมน.มีอำนาจ กอ.รมน.มีหน้าที่เพียงบูรณาการงานเท่านั้น
"รองผอ.รมน.สามารถดำเนิน การได้อยู่แล้ว และเอกสารทุกอย่างให้รายงาน ผอ.รมน. ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติประจำตามอำนาจกฎหมายอยู่แล้ว โดยพื้นที่ ผอ.รมน.ภาค 3 จะมีการเรียกจังหวัดในภาคเหนือเพื่อทำความเข้าใจกัน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเริ่มมีแผ่นป้ายขอแยกประเทศแล้ว และบนเวทีมีการพูดจากันเลยเถิดไป" โฆษก กอ.รมน. กล่าว
ส่วนกำลังพล หน่วยซีลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับม็อบ และอารักขาแกนนำม็อบนั้น พ.อ.บรรพต กล่าวว่า ทราบเมื่อวานว่าเพิ่งจับกุม และอยู่ระหว่างสอบสวน เป็นกำลังพลอยู่ในหน่วยราชการจริง และใช้เวลานอกราชการรับจ้างเป็นการ์ด ซึ่งทุกหน่วยก็มี ไม่เฉพาะหน่วยซีลที่ใช้เวลานอกราชการไปทำงาน ส่วนคดีพกพาอาวุธ ทำร่างกาย จะเป็นคดีปกติไม่มีการยกเว้นใดๆ และไม่เฉพาะกรณีม็อบเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ก็มี เช่น มาเฟียพัทยา ที่ใช้บัตร กอ.รมน.ไปทำงานไซด์ไลน์ แต่ไม่ได้รับราชการแล้ว
พ.อ.บรรพต กล่าวถึงกรณีส่วนชายชุดดำด้วยว่า ยังไม่อาจชี้ไปได้ว่าเป็นกำลังพล เพราะทุกคนก็แต่งชุดดำ ใส่หมวกปิดบังใบหน้าและระยะหลังก็มีการใส่ถุงป๊อปคอร์น เชื่อว่ากลุ่มที่มาเป็นหน่วย เป็นกองกำลังไม่มี แต่เป็นเรื่องรายบุคคล เพราะในพื้นที่ประเทศของเราหากทำอย่างนั้นจะยุ่งยาก แม้แต่การรวมตัวกันเป็นทีมงานก็จะเกิดเบาะแสให้จับกุม ดังนั้น เป็นเรื่องของรายบุคคลมากกว่า และคงไม่มีใครคิดจะทำเพราะยุ่งยาก มีปัญหาทุกอย่าง เช่น ในพื้นที่ตะวันออกมีปัญหากลุ่มผู้มีอิทธิพลมานานแล้ว และกลุ่มผู้มีอิทธิพลจะมีซุ้มมือปืน ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมรับรู้มานานแล้ว ตนมองว่าเป็นเรื่องแบบนี้ของซุ้มที่ทำตามค่าจ้าง มากกว่าเป็นเรื่องกองกำลัง ซึ่ง รมว.มหาดไทย โดยตำแหน่งก็เป็นกรรมการใน กอ.รมน.ด้วย ไม่ใช่ กอ.รมน.มีอำนาจ กอ.รมน.มีหน้าที่เพียงบูรณาการงานเท่านั้น
มทภ.2 เรียกถก ผู้ว่าฯ อีสาน 11 จังหวัด รับมือสถานการณ์ความรุนแรงการเมือง
ข่าวสดรายงาน
เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2557 ว่า พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2
ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.ภาคที่ 2 )
ได้เรียกผู้ว่าราชการาจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ได้แก่ กาฬสินธุ์,
ขอนแก่น, นครพนม,มหาสารคาม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, สกลนคร, หนองคาย,
หนองบัวลำภู, อุดรธานี และ จ.เลย ในฐานะ
ผอ.กอรมน.จังหวัดประชุมหารือร่วมกันที่ จ.ขอนแก่น
ตามนโยบายและคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะรอง
ผอ.รมน.ที่มีคำสั่งให้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยกันติดตามสอดส่องการยุยง
ปลุกปั่นให้คนในสังคมเพิ่มความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย
บางครั้งเลยเถิดพาดพิงสถาบัน
เพราะยิ่งจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามขยายขอบเขตออกไปเป็นวงกว้าง
อันเป็นการเพิ่มปัญหาใหม่ขึ้นมาทับซ้อนกับปัญหาทางการเมืองที่มีอยู่แล้ว
โดยแต่ละจังหวัดขอให้พยายามทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน
ให้ยึดมั่นตามกรอบของกฎหมายเป็นหลัก
และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
รวมทั้งบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่เข้าทำการป้องกัน ป้องปราม
ระงับ ยับยั้ง ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยไม่ละเว้น
“การหารือในครั้งนี้
ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นอย่างดี
ที่จะลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับประชาชน
โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น
กรณีมีการใช้อาวุธสงครามมาก่อเหตุความวุ่นวาย
อย่างไรก็ตามการพูดคุยกันครั้งนี้ ไม่ได้เชิญตัวแทนของกลุ่ม กปปส. หรือ
กลุ่ม นปช. ในพื้นที่อีสานตอนบนมาร่วมหารือ
ผมไม่ต้องการให้เกิดการใช้กำลังรุนแรงต่อสู้กัน
โดยไม่ได้จับตาพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นกรณีพิเศษ
แต่ขอให้มั่นใจว่าทำให้เกิดความเรียบร้อยในทุกจังหวัด นอกจากนี้
ในที่ประชุมไม่ได้มีการหยิบหยกหรือพูดคุยกัน กรณี นปช.ประกาศ
แบ่งแยกประเทศในการชุมนุมใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 ก.พ.)”
แหล่งข่าวกองทัพภาคที่ 2 กล่าว
ชาวนาอีสานจี้ มทภ.2 สอบ นปช.แบ่งแยกประเทศไทย
ด้านไทยรัฐออนไลน์
รายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น.วันนี้ 27 ก.พ.57 ที่ค่ายสุรนารี
กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา ได้มีกลุ่มเกษตรชาวนาภาคอีสาน นำโดยนายนคร
ศรีวิพัฒน์ เลขาธิการสมัชชาเกษตรกรรายย่อย เดินทางไปยื่นหนังสือถึง
พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 โดยมี พ.อ.ชินกาจ รัตนจิตติ
รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 เป็นตัวแทนรับหนังสือ พร้อมมอบดอกกุหลาบ
ทั้งนี้แกนนำเกษตรกรชาวนาภาคอีสาน ได้อ่านสารมีใจความว่า
เกษตรชาวนารายย่อยแห่งประเทศไทยนัดหมายประชุมใหญ่สามัยประจำปี
เป็นการจัดอย่างสันติ เพื่อหารือถึงปัญหาที่มีอยู่หลายเรื่อง
เดิมจะจัดประชุมที่บริเวณสามแยกบ้านวัด อ.คงฯ ระหว่างวันที่ 25-26 ก.พ.
2557 แต่ปรากฏว่ามีกลุ่มอันธพาลของคนเสื้อแดงไปปักหลัก
เพื่อขัดขวางข่มขู่ไม่ให้
พี่น้องเครือข่ายสมัชชาเกษตรกรรายย่อยใช้พื้นที่ดังกล่าว
จากการขัดขวางของอันธพาลของกลุ่มคนเสื้อแดง
ทำให้พี่น้องเกษตรกรชาวนาต้องไปหาสถานที่ปลอดภัยจากการข่มขู่คุกคาม
จึงไปจัดที่ศูนย์สาธิตวิสาหกิจ ชุมชนบ้านสระตะหมก อ.โชคชัย
ถือว่าเป็นการขัดขวางเกษตรกร ซึ่งประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ไม่ปลอดภัย จาก นปช.ประกาศจะแบ่งแยกประเทศไทย ในเวทีการประชุมแกนนำ นปช.ทั่วประเทศและมีแกนนำ นปช.บางคน ได้ประกาศจะกำจัดกลุ่มคนที่ไม่เข้าข้างรัฐบาลโดยจะใช้ความรุนแรงกับประชาชน ที่เห็นต่าง และยังประกาศว่าจะปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา ผบ.ทบ.
จากสถานการณ์ดังกล่าวเครือข่ายสมัชชาเกษตรกรฯ แห่งประเทศไทย
จึงขอส่งสารถึง พล.ท.ชายชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2
ที่รับผิดชอบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
1.ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชน ที่อาจถูกข่มขู่คุกคาม
ทำอันตรายจากกลุ่มอันธพาลของคนเสื้อแดง
ดังปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปอยู่ในขณะนี้ 2.ช่วยตรวจสอบ
เฝ้าระวังกลุ่มคนที่ประกาศว่าจะแบ่งแยกประเทศไทย
เพราะเราไม่ต้องการให้แบ่งแยกประเทศ
3.พวกเราขอมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจกับท่านที่จะช่วยคุ้มครองประชาชน
ที่ถูก ข่มขู่คุกคามทำอันตราย จากการจัดกิจกรรมต่างๆ
ที่ไปขัดผลประโยชน์ของกลุ่ม นปช. และ 4.พวกเราฝากบอกไปยังท่าน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกว่า ประชาชน
ขอให้กำลังใจที่ถูกแกนนำ นปช. โคราช ที่ประกาศปลดท่าน
และประชาชนดีใจที่ท่านเข้าข้างประชาชน และปกป้องประเทศไทยมิให้ใครมาแบ่งแยก
จากนั้น กลุ่มเกษตรกรชาวนาได้เดินทางไปยังลานอนุสาวรีย์ท้าวสุร
นารี(คุณย่าโม) ร่วมกับเวที กปปส.โคราช และกราบไหว้คุณย่าโม
ก่อนเดินทางกลับไปยังที่ศูนย์สาธิตฯ ต.ละลมใหม่พัฒนา อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา
ต่อไปอย่างสงบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น