One-night Stand
ผมได้ยินวัยรุ่นพูดกันบ่อยๆที่ส่อไปในทางเพศ
แต่ไม่เคยรู้คำแปลและความหมายแท้จริง
เพิ่งจะรู้ว่าหมายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
หรือความสัมพันธ์ชั่วคราว จากข้อเขียนในหนังสือชื่อ
คู่รัก เมืองใหญ่ และความเร้าใจ Urban “One-night Stand” ของ ยรรยง บุญ-หลง (สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2557 หน้า 51-61)
ที่ผมอ่านอย่างเร้าใจ แล้วอยากให้ใครหลายๆ คนอ่าน จะคัดตอนสำคัญมา ดังนี้
“ตั้งแต่ช่วงยุค 1960 เป็นต้นมา
ประเทศไทยได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมาจากหลักคิดของปรัชญา ‘One-night Stand’
ไม่ว่าจะเป็นระบบการคมนาคม ไฟฟ้า ประปา หรือที่อยู่อาศัย
ประเทศไทยได้ชูธุรกิจการ ‘ท่องเที่ยว’
เป็นธุรกิจแม่บทในการพัฒนาประเทศ ซึ่งฟังดูเผินๆ
ก็ไม่แปลกอะไรสำหรับประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามจำนวนมาก-ไม่ต่าง
อะไรกับยุโรป
แต่หากมองลึกลงไปแล้วเราจะเห็นว่าประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป
นั้นได้พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญๆไปพร้อมกับการพัฒนาอุตสาหกรรม
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รวมทั้งการพัฒนาปรัชญาศิลปะแขนงต่างๆ อย่างมากมาย
ระบบโครงสร้างพื้นฐานของยุโรปได้เสร็จสิ้นลงเป็นเวลานาน
แล้ว ก่อนที่ประเทศเหล่านี้จะกลายเป็น ‘เมืองท่องเที่ยว’
อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
ระบบคมนาคมแบบรางของยุโรปไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองการท่องเที่ยว
แต่มันได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจระหว่างประเทศต่างๆในยุโรป
แต่สำหรับประเทศไทยนั้น ระบบโครงสร้างพื้นฐานได้ถูกพัฒนาขึ้นมาใช้เพื่อปรนเปรอธุรกิจการท่องเที่ยวในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา
ประเทศไทยในช่วงสงครามเย็น (ปี ค.ศ. 1950-1960)
เป็นจุดยุทธศาสตร์และฐานทัพ One-night Stand
ขนาดใหญ่ที่เร้าใจที่สุดสำหรับทหารอเมริกัน
ก่อนที่พวกเขาจะต้องออกไปรบที่อินโดจีนใน ‘สงครามเวียดนาม’ (หลายท่านที่ไป
ก็ไม่ได้กลับมาประเทศไทยอีก)
ดังนั้น
ระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานที่ผุดกำเนิดขึ้นมารองรับทหารกองหน้าเหล่า
นี้ จะต้องเป็นธุรกิจแบบ ‘เสร็จครั้งเดียว’ ไม่มีเยื่อใย
ใครจะกลับมาโวยวายล่ะครับ
ว่าถูกแท็กซี่คิดค่าโดยสารแพงกว่าปกติถึง 5 เท่า หรือถูกหญิงร้าย ‘ยืม’
กระเป๋าสตางค์ไปกลางดึกก่อนที่เขาจะขึ้นเครื่องบินทิ้งระเบิด
ใครจะกลับมาโวยวายเรื่องระบบรถเมล์หรือระบบรถไฟล่ะครับ
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กลับชอบเสียด้วยซ้ำที่ได้เห็นของแปลกๆ
สักครั้งหนึ่งในชีวิต
‘นั่นพิพิธภัณฑ์รถไฟใช่ไหม’ นักท่องเที่ยวชาวจีนกล่าว
‘ผมอยากไปดูจังครับ...’
และหลังจากที่ผมได้บอกเพื่อนชาวจีนรายนี้ไปว่ามันไม่ใช่
พิพิธภัณฑ์รถไฟ แต่เป็นสถานีรถไฟที่ยังใช้การได้อยู่ มีชื่อว่า ‘หัวลำโพง’
เขาก็ดีใจจนแทบขาดสติ
‘ผมจะรีบไปจองตั๋วรถไฟเลย!
ที่เมืองจีนไม่มีรถแบบนี้แล้ว...ไม่มีอีกแล้ว’
เขาวิ่งฝ่าคิวแท็กซี่เข้าไปในสถานีอย่างรวดเร็ว
ทำให้หมาหลายตัวที่กำลังนอนอยู่บนชานชาลาแตกตื่นไปด้วย
‘ฝรั่งมาเที่ยวครั้งเดียวก็ไปแล้ว’ เสี่ยใหญ่หัวเราะ ‘เขาชอบมันดิบๆ แบบนี้แหละ’
นี่แหละครับคือเกม One-night Stand ที่ ‘ผู้ใหญ่’ ของเราคุ้นเคย (และการกระทำกันบ่อยครั้งกว่าวัยรุ่นยุคนี้เสียอีก)
ในยุคเดียวกันกับที่ประเทศไทยสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานมา
เพื่อรองรับการท่องเที่ยว (ยุค 1960)
สิงคโปร์ก็กำลังฟื้นฟูคลองน้ำเน่าของเขา ฟื้นฟูสลัม (เกือบ
70%ของบ้านในสิงคโปร์มีลักษณะที่เรียกได้ว่า ‘สลัม’)
ให้กลายเป็นอาคารที่สะอาด ตั้งอยู่ใกล้แหล่งโรงงาน โรงเรียน
และระบบขนส่งมวลชน มีการให้ประชาชนถือหุ้นในระบบรถเมล์
เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของให้แก่ชาวบ้าน
‘ผมต้องการให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางของธุรกิจในเอเชีย’
นายลีกวนยู นายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์กล่าวไว้ในหนังสือของเขา ‘From
Third World to First’
‘ผมต้องวางระบบโครงสร้างพื้นฐานไว้ให้ดี เพื่อดึงดูดการลงทุนมาลงที่นี่ ผมต้องการให้บริษัทระดับโลกมาตั้งสาขาใหญ่ที่นี่’ ”
ผมอ่านแล้วเพิ่งรู้ว่าสังคมไทย One-night Stand
เป็นแบบนี้เอง ของดีมีอยู่ในไทยถึงฉิบหายวายวอด
ด้วยหวังรวยเฉพาะหน้าของไทยเองนั่นแหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น