แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2562

05 - อานาปานสติ mp3

ที่มา Downmerng Ar

ภิกษุทั้งหลาย! ถ้าภิกษุ
เจริญอานาปานสติ
แม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือ
ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน
ทำตามคำสอนของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท
ไม่ฉันบิณฑบาต ของชาวแว่นแคว้นเปล่า
ก็จะป่วยการกล่าวไปไย
ถึงผู้กระทำให้มาก ซึ่งอานาปานสตินั้นเล่า.

-บาลี เอก. อํ. ๒๐/๕๔/๒๒๔

ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว...
ผลอานิสงส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ ประการ เป็นสิ่งที่หวังได้
คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือว่าถ้ายังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จักเป็น อนาคามี.

-บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๙๗/๑๓๑๓

ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุเหล่าใดยังเป็นเสขะ
ยังไม่ลุถึงธรรมที่ต้องประสงค์แห่งใจ
ปรารถนาอยู่ซึ่งโยคเขมธรรมอันไม่มีอะไรยิ่งกว่า;
ภิกษุเหล่านั้น เมื่อเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
ซึ่งอานาปานสติสมาธิ
ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย.

ส่วนภิกษุทั้งหลายเหล่าใด เป็นอรหันต์ สิ้นอาสวะแล้ว
มีพรหมจรรย์อยู่จบแล้ว เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้โดยชอบ
ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
ซึ่งอานาปานสติสมาธิ
ย่อมเป็นสุขวิหารในปัจจุบันด้วย
เพื่อความสมบูรณ์แห่งสติสัมปชัญญะด้วย... .

-บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๑๓/๑๓๖๖-๖๗

ภิกษุทั้งหลาย!
อานาปานสติสมาธินี้แล
เป็นธรรมอันเอก
ซึ่งเมื่อบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
ย่อมทำสติปัฏฐานทั้ง ๔ ให้บริบูรณ์

สติปัฏฐานทั้ง ๔
อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
ย่อมทำโพชฌงค์ทั้ง ๗ ให้บริบูรณ์

โพชฌงค์ทั้ง ๗
อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์ได้.

-บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๒๔/๑๔๐๓.

อานาปานสติ กายคตาสติ

ภิกษุทั้งหลาย!  เราย่อมกล่าวลมหายใจเข้าและลมหายใจออก
ว่าเป็นกายอันหนึ่งๆ ในบรรดากายทั้งหลาย...

ภิกษุนั้นย่อมชื่อว่า เป็นผู้ตามเห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ.
ภิกษุทั้งหลาย! ชนเหล่าใดไม่บริโภคกายคตาสติ
ชนเหล่านั้นชื่อว่า ย่อมไม่บริโภคอมตะ.

ภิกษุทั้งหลาย!  ชนเหล่าใดบริโภคกายคตาสติ
ชนเหล่านั้นชื่อว่าย่อมบริโภคอมตะ.

ภิกษุทั้งหลาย! กายคตาสติอันชนเหล่าใดไม่ส้องเสพแล้ว
อมตะชื่อว่า อันชนเหล่านั้นไม่ส้องเสพแล้ว.
ภิกษุทั้งหลาย! กายคตาสติอันชนเหล่าใดส้องเสพแล้ว
อมตะชื่อว่า อันชนเหล่านั้นส้องเสพแล้ว.
ภิกษุทั้งหลาย! ชนเหล่าใดประมาทกายคตาสติ
ชนเหล่านั้นชื่อว่า ประมาทอมตะ.
ภิกษุทั้งหลาย! ชนเหล่าใดไม่ประมาทกายคตาสติ
ชนเหล่านั้นชื่อว่า ไม่ประมาทอมตะ... .


-บาลี อุปริ. ม. ๑๔/๑๙๕/๒๘๙. , 
-บาลี เอก. อํ. ๒๐/๕๙/๒๓๕-๒๓๙




05 - อานาปานสติ mp3 พุทธวจน ฉบับ ๑๐ สาธยายธรรม วัดนาป่าพง ฟัง และ DOWNLOAD (MP3) http://watnapp.com/audio/view_categor...

บทสวด อานาปานสติ

กะถัง ภาวิตา จะ ภิกขะเว อานาปานะสะติ

ภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ
อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร

กะถัง พะหุลีกะตา จัตตาโร
สะติปัฏฐาเน ปะริปูเรนติ

ทำให้มากแล้วอย่างไร
จึงทำสติปัฏฐานทั้งสี่ให้บริบูรณ์ได้

(หมวดกายานุปัสสนา)
ยัส๎มิง สะมะเย ภิกขะเว ภิกขุ ทีฆัง วา
อัสสะสันโต ทีฆัง อัสสะสามีติ ปะชานาติ

ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุ
เมื่อหายใจเข้ายาว
ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว

ทีฆัง วา ปัสสะสันโต ทีฆัง ปัสสะสามีติ
ปะชานาติ

เมื่อหายใจออกยาว
ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว

รัสสัง วา อัสสะสันโต รัสสัง อัสสะสามีติ
ปะชานาติ

เมื่อหายใจเข้าสั้น
ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น

รัสสัง วา ปัสสะสันโต รัสสัง ปัสสะสามีติ
ปะชานาติ

เมื่อหายใจออกสั้น
ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น

สัพพะกายะปะฏิสังเวที อัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง
หายใจเข้า

สัพพะกายะปะฏิสังเวที ปัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง
หายใจออก

ปัสสัมภะยัง กายะสังขารัง อัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับ
หายใจเข้า

ปัสสัมภะยัง กายะสังขารัง ปัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับ
หายใจออก

กาเย กายานุปัสสี ภิกขะเว ตัสมิง
สะมะเย ภิกขุ วิหะระติ

ภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้น ภิกษุนั้นชื่อว่า
เป็นผู้เห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ

อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา วิเนยยะ
โลเก อะภิชฌาโทมะนัสสัง

มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ
นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้

กาเยสุ กายัญญะตะราหัง ภิกขะเว
เอตัง วะทามิ ยะทิทัง อัสสาสะปัสสาสัง

ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าว ลมหายใจเข้า
และลมหายใจออก ว่าเป็นกายอันหนึ่ง ๆ
ในกายทั้งหลาย

ตัส๎มาติหะ ภิกขะเว กาเย กายานุปัสสี
ตัส๎มิง สะมะเย ภิกขุ วิหะระติ อาตาปี
สัมปะชาโน สะติมา วิเนยยะ โลเก
อะภิชฌาโทมะนัสสัง

ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้
ภิกษุนั้นย่อมชื่อว่า เป็นผู้เห็นกายในกาย
อยู่เป็นประจำมีความเพียรเผากิเลส
มีสัมปชัญญะ มีสติ นำอภิชฌาและโทมนัส
ในโลกออกเสียได้ ในสมัยนั้น

(หมวดเวทนานุปัสสนา)
ยัส๎มิง สะมะเย ภิกขะเว ภิกขุ
ปีติปะฏิสังเวที อัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุย่อมทำการ
ฝึกหัดศึกษาว่า เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ
หายใจเข้า

ปีติปะฏิสังเวที ปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจออก

สุขะปะฏิสังเวที อัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า เราเป็นผู้รู้พร้อม
เฉพาะซึ่งสุข หายใจเข้า

สุขะปะฏิสังเวที ปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจออก

จิตตะสังขาระปะฏิสังเวที อัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร
หายใจเข้า

จิตตะสังขาระปะฏิสังเวที ปัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร
หายใจออก

ปัสสัมภะยัง จิตตะสังขารัง อัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้ทำจิตตสังขารให้รำงับ หายใจเข้า

ปัสสัมภะยัง จิตตะสังขารัง ปัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้ทำจิตตสังขารให้รำงับอยู่ หายใจออก

เวทะนาสุ เวทะนานุปัสสี ภิกขะเว ตัส๎มิง
สะมะเย ภิกขุ วิหะระติ

ภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่า เป็นผู้เห็น
เวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่เป็นประจำ

อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา วิเนยยะ
โลเก อะภิชฌาโทมะนัสสัง

มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ
นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้

เวทะนาสุ เวทะนาญญะตะราหัง ภิกขะเว
เอตัง วะทามิ ยะทิทัง อัสสาสะปัสสาสานัง
สาธุกัง มะนะสิการัง

ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าว
การทำในใจเป็นอย่างดีต่อลมหายใจเข้า
และลมหายใจออกว่าเป็นเวทนาอันหนึ่ง ๆ
ในเวทนาทั้งหลาย

ตัส๎มาติหะ ภิกขะเว เวทะนาสุ เวทะนานุปัสสี
ตัส๎มิง สะมะเย ภิกขุ วิหะระติ อาตาปี
สัมปะชาโน สะติมา วิเนยยะ โลเก
อะภิชฌาโทมะนัสสัง

ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้
ภิกษุนั้นย่อมชื่อว่า เป็นผู้เห็นเวทนา
ในเวทนาทั้งหลายอยู่เป็นประจำ
มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ
นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้
ในสมัยนั้น

(หมวดจิตตานุปัสสนา)

ยัส๎มิง สะมะเย ภิกขะเว ภิกขุ
จิตตะปะฏิสังเวที อัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุย่อมทำการ
ฝึกหัดศึกษาว่าเราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต
หายใจเข้า

จิตตะปะฏิสังเวที ปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต
หายใจออก

อะภิปปะโมทะยัง จิตตัง อัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่ง
หายใจเข้า

อะภิปปะโมทะยัง จิตตัง ปัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่ง
หายใจออก

สะมาทะหัง จิตตัง อัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้ทำจิตให้ตั้งมั่น
หายใจเข้า

สะมาทะหัง จิตตัง ปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้ทำจิตให้ตั้งมั่น
หายใจออก

วิโมจะยัง จิตตัง อัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้ทำจิตให้ปล่อยอยู่
หายใจเข้า

วิโมจะยัง จิตตัง ปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้ทำจิตให้ปล่อยอยู่
หายใจออก

จิตเต จิตตานุปัสสี ภิกขะเว ตัสมิง
สะมะเย ภิกขุ วิหะระติ

ภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่า
เป็นผู้เห็นจิตในจิตอยู่เป็นประจำ

อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา วิเนยยะ
โลเก อะภิชฌาโทมะนัสสัง

มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ
นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้

นาหัง ภิกขะเว มุฏฐะสะติสสะ
อะสัมปะชานัสสะ อานาปานะสะติ
วะทามิ

ภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าวอานาปานสติว่า
เป็นสิ่งที่มีได้ แก่บุคคลผู้มีสติอันลืมหลงแล้ว
ไม่มีสัมปชัญญะ

ตัส๎มาติหะ ภิกขะเว จิตเต จิตตานุปัสสี
ตัส๎มิง สะมะเย ภิกขุ วิหะระติ อาตาปี
สัมปะชาโน สะติมา วิเนยยะ โลเก
อะภิชฌาโทมะนัสสัง

ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้
ภิกษุนั้นย่อมชื่อว่า
เป็นผู้เห็นจิตในจิตอยู่เป็นประจำ
มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ
นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้
ในสมัยนั้น

( หมวดธัมมานุปัสสนา )

ยัส๎มิง สะมะเย ภิกขะเว ภิกขุ
อะนิจจานุปัสสี อัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด
ภิกษุย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้เห็นซึ่งความไม่เที่ยงอยู่เป็นประจำ
หายใจเข้า

อะนิจจานุปัสสี ปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้เห็นซึ่งความไม่เที่ยงอยู่เป็นประจำ
หายใจออก

วิราคานุปัสสี อัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้เห็นซึ่งความจางคลายอยู่เป็นประจำ
หายใจเข้า

วิราคานุปัสสี ปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้เห็นซึ่งความจางคลาย
อยู่เป็นประจำหายใจออก

นิโรธานุปัสสี อัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้เห็นซึ่งความดับไม่เหลือ
อยู่เป็นประจำหายใจเข้า

นิโรธานุปัสสี ปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้เห็นซึ่งความดับไม่เหลือ
อยู่เป็นประจำหายใจออก

ปะฏินิสสัคคานุปัสสี อัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้เห็นซึ่งความสลัดคืนอยู่เป็นประจำ
หายใจเข้า

ปะฏินิสสัคคานุปัสสี ปัสสะสิสสามีติ
สิกขะติ

ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า
เราเป็นผู้เห็นซึ่งความสลัดคืน
อยู่เป็นประจำหายใจออก

ธัมเมสุ ธัมมานุปัสสี ภิกขะเว ตัส๎มิง
สะมะเย ภิกขุ วิหะระติ

ภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้น ภิกษุชื่อวา่
เป็นผู้เห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย
อยู่เป็นประจำ

อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา วิเนยยะ
โลเก อะภิชฌาโทมะนัสสัง

มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ
นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้

โส ยันตัง อะภิชฌาโทมะนัสสานัง
ปะหานัง ปัญญายะ ทิส๎วา สาธุกัง
อัชฌุเปกขิตา โหติ

ภิกษุนั้น เป็นผู้เข้าไป
เพ่งเฉพาะเป็นอย่างดีแล้ว เพราะเธอเหน็
การละอภิชฌาและโทมนัสทั้งหลาย
ของเธอนั้นด้วยปัญญา

ตัส๎มาติหะ ภิกขะเว ธัมเมสุ ธัมมานุปัสสี
ตัส๎มิง สะมะเย ภิกขุ วิหะระติ อาตาปี
สัมปะชาโน สะติมา วิเนยยะ โลเก
อะภิชฌาโทมะนัสสัง

ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้
ภิกษุนั้นย่อมชื่อว่า เป็นผู้เห็นธรรม
ในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจำ
มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ
นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้

เอวัง ภาวิตา โข ภิกขะเว อานาปานะสะติ

ภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ
อันบุคคลเจริญแล้วอย่างนี้

เอวัง พะหุลีกะตา จัตตาโร สะติปัฏฐาเน
ปะริปูเรนติ

ทำให้มากแล้วอย่างนี้แล
ชื่อว่า ย่อมทำสติปัฏฐานทั้งสี่ให้บริบูรณ์ได้

เอวัง ภาวิตายะ โข ราหุละ
อานาปานะสะติยา เอวัง พะหุลีกะตายะ

ราหุล เมื่อบุคคลเจริญกระทำให้มาก
ซึ่งอานาปานสติอย่างนี้แล้ว

เยปิ เต จะริมะกา อัสสาสะปัสสาสา

ลมหายใจเข้าและลมหายใจออก
อันจะมีเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อจะดับจิตนั้น

เตปิ วิทิตาวะ นิรุชฌันติ โน อะวิทิตาติ

จะเป็นสิ่งที่เขารู้แจ้งแล้วดับไป
หาใช่เป็นสิ่งที่เขาไม่รู้แจ้งไม่ ดังนี้

อุปริ. ม. ๑๔/๑๙๕/๒๘๙.
ม. ม. ๑๓/๑๔๒/๖๘๙.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น