ที่มา
ประชาไท
28 มี.ค.2557 เวลา 19.00 น.บริเวณริมทางเท้าหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาฯ
กลุ่มนักศึกษาจัดกิจกรรม ‘สาดแสงส่องศาล ..
ส่องความอยุติธรรมให้โลกได้เห็น’ เพื่อรำลึก 1 ปีการคุมขังนายเอกชัย
ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี 4 เดือน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
112 จากกรณีที่เขาขายซีดีสารคดีการเมืองของสำนักข่าวเอบีซี
ประเทศออสเตรเลีย
ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศไทยและบทบาทสถาบัน
กษัตริย์
อ่านข่าวเกี่ยวกับคดีของเอกชัย
กิจกรรมครั้งนี้ จัดโดย กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อปร
ะชาธิปไตย(LLTD), กลุ่มกราฟเสรีเพื่อประชาธิปไตย(มศว), กลุ่ม ศิลปากรเสรีเพื่อประชาธิปไตย (ชมคลิป ส่วนหนึ่งของการแสดงจากกลุ่มบีฟลอร์ด้านล่าง)






กิจกรรมครั้งนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมประมาณ 30 คน
โดยมีการอ่านบทกวีเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมและมาตรา 112 ,
การกล่าวแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับคดีมาตรา 112 โดยนายธันย์ฐวุฒิ
อดีตผู้ต้องขังในคดีนี้, ลูกสาวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บก.นิตยาสาร Voice of
Taksin ผู้ถูกคุมขังด้วยมาตรานี้ และผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีการสัมภาษณ์พ่อนายเอกชัย วัย 84
ปีถึงความรู้สึกและความลำบากหลังจากลูกชายอยู่ในเรือนจำ
ต่อด้วยการแสดงละครปีศาจตราชู และ พลาดิศัย โดย B-floor theatre
และปิดท้ายด้วยการฉายแสง spotlight ไปยังอาคารศาลอาญาเพื่อเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในการต่อต้านการใช้มาตรา 112 และรำลึกวาระครบ 1 ปีการพิพากษานายเอกชัย
ตัวแทนจากลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย อ่านแถลงการณ์สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ โดยระบุว่า
“ผู้พยายามแสดงความคิดเห็นโดยหวังให้สังคมนี้เกิดวุฒิภาวะและมีความอดทนอดกลั้นสูงขึ้นกลับถูกมองว่าเป็นคนสุดโต่ง ทั้งที่เป็นแต่เพียงการแสดงออกโดยสุจริตอันพึงกระทำตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ขณะเดียวกันพื้นที่ในการแสดงออกทางความคิดกลับจำกัดไปตามแต่ที่รัฐต้องการ สิ่งเหล่านี้คือผลของการปิดกั้นผู้คนในสังคมด้วยมาตรา 112 ประกอบกับการสนับสนุนของชนชั้นนำและผู้มีอำนาจของรัฐ สังคมของเราจึงได้กลายเป็นสังคมที่มืดบอดทางปัญญา
กรณีของคุณเอกชัยเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผู้ตกเป็นเหยื่อมาตรา 112 ซึ่งในสังคมเสรีประชาธิปไตยนั้น การจัดการต่อเรื่องที่มีความละเอียดละอ่อนหาใช่การนำบุคคลอย่างเอกชัยไปจำคุกไม่ แต่คือการเปิดให้มีการวิพากษ์วิจารณ์โต้แย้ง เพื่อให้สังคมได้เติบโตอย่างมีวุฒิภาวะ มีสติ มีปัญญาที่จะคิดวิพากษ์สิ่งต่างๆ ได้เอง
28 มีนาคม 2557 เนื่องในครบรอบ 1 ปีวันประกาศคำพิพากษาของนายเอกชัย กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และเพื่อนนักกิจกรรม จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรม สาดแสงส่องศาล โดยฉายแสงจากไฟฟอลโลว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้สังคมได้เห็นถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นจากกระบวนการยุติธรรมที่ทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเสียเอง”
ธนู รุ่งโรจน์เรืองฉาย นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม LLTD กล่าวว่า
ปัจจุบันองค์กรตุลาการถูกตั้งคำถามจากสังคมมากขึ้นจากคำพิพากษาที่ผ่านมาๆ
ในคดีที่เกี่ยวกับมาตรา 112
แต่ท่ามกลางคำถามและคำวิจารณ์มากมายดูเหมือนศาลยังคงนิ่งเฉย
การจัดงานครั้งนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ศาลได้รับรู้ว่า
เรามีความไม่พอใจกระบวนการที่ผ่านมาและไม่อาจนิ่งเฉยได้ การพิพากษาคดี 112
คนที่ตกเป็นจำเลยต่างโดนศาลตัดสินจำคุกโดยไม่มีใครได้รับสิทธิในการประกัน
ตัวในการต่อสู้คดีเลย
เพราะศาลให้เหตุผลว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีที่กระทบกระเทือนจิตใจประชาชน
ซึ่งเหตุผลนี้ไม่มีระบุในกฎหมายแต่อย่างใด
สิ่งเหล่านี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับศาลว่าท่านตัดสินโดยใช้อคติใช่หรือไม่
ธันย์ฐวุฒิ หรือหนุ่ม เรดนนท์ กล่าวว่า
รู้สึกดีใจที่คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับมาตรา 112
เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ
ไม่ว่าฝ่ายไหนสีไหนควรให้ความสำคัญในการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว
เพราะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแม้เป็นการแสดงความ
เห็นโดยสุจริตใจก็ตาม
ไม่ว่าจะยืนอยู่ฝั่งไหนก็อาจได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้ได้ ทุกๆ
กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคดี 112 ก็ไปร่วมโดยตลอดไม่เคยพลาด
“ผมเคยเป็นอดีตนักโทษการเมืองในคดีนี้
เคยถูกขังจำคุกและเข้าใจความรู้สึกภายในนั้นเป็นอย่างดี
แม้ผมได้รับการอภัยโทษออกมาจากคุก
แต่ผมก็ยังไม่รู้สึกถึงเสรีภาพอย่างแท้จริง
ทุกวันนี้ผมยังคิดที่จะต่อสู้ในประเด็นนี้ต่อไปจนถึงวันที่นักโทษคดี 112
คนสุดท้ายได้เป็นอิสระ” ธันย์ฐวุฒิกล่าว
ผู้ร่วมงานคนหนึ่ง กล่าวว่า
“รู้สึกดีใจที่คนรุ่นใหม่สืบทอดเจตนารมณ์และให้ความสำคัญกับประเด็นนี้
ป้าคิดว่า ถ้าป้าตายไปก็คงตายตาหลับ
คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันรู้เรื่องเกี่ยวกับประเด็นนี้เยอะ
และในยุคเทคโนโลยีที่ทันสมัย
คนรุ่นใหม่ได้ใช้ช่องทางนี้ในการเคลื่อนไหวซึ่งต่างจากยุคของป้าที่ไม่มี
อะไรเลย ดีใจที่คนรักความยุติธรรมมาร่วมกันในค่ำคืนนี้”
ขอขอบคุณภาพจาก ยิ่งชีพ อัชฌานนท์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น