ที่มา Voice TV21
Mobile Payments หรือ
การชำระเงินผ่านทางสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต เป็นเทคโนโลยี
ที่เริ่มใช้ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2011 และมีบทบาทในไทยมากขึ้น
ช่วงปีที่ผ่านมา
ด้วยคุณสมบัติเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ ให้เป็นกระเป๋าสตางค์
ผ่านแอพพลิเคชั่น ใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการได้ ทุกที่ เหมือนบัตรเครดิต
แต่ไม่ต้องพกบัตรหลายใบ ไม่ต้องพกบัตรสะสมแต้ม
และไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคารให้ยุ่งยาก
นอกจากนี้ ยังมีระบบรักษาความปลอดภัย พร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง
Apple Pay Samsung Pay เข้ามาช่วยเพิ่มความอุ่นใจ ตอบโจทย์ Lifestyle
คนยุคใหม่ เทรนด์ Mobile Payments
จึงเป็นอีกหนึ่งกระแสที่น่าจับตามองของปีนี้
ที่จริงแล้ว Mobile Payments ไม่ได้มีใช้ แค่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
แต่ในประเทศเคนย่า เริ่มใช้ระบบนี้ ในชื่อ M-PESA หรือ Mobile Pesa
ที่มาจากภาษาสวาฮีลี แปลว่า เงิน มาตั้งแต่ปี 2007 แล้ว
แต่ผ่านโทรศัพท์มือถือ ที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟน โดยเป็นการใช้
เกี่ยวกับการซื้อ-ขาย แทนการจ่ายด้วยเหรียญ
เพื่อแก้ปัญหาการเก็บและการนับเหรียญ และลดต้นทุนการผลิตเหรียญ
และแก้ปัญหาประชากรส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงการบริการธนาคารได้
ชาวเคนย่า กว่าครึ่งประเทศ ใช้ M-PESA เป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน
ทั้งซื้อของกินของใช้ จ่ายค่าเทอม ไปจนถึงจองตั๋วเครื่องบิน
เฉลี่ยต่อเดือนมียอดการทำธุรกรรม มากถึง 21 ล้านครั้ง
นอกจาก เคนย่าแล้ว ในปารากวัย ปากีสถาน หรือ ประเทศแถบลาตินอเมริกา
ก็มีผู้ใช้งาน Mobile Payments เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สอดคล้องกับตัวเลขจาก
GSMA ที่เปิดเผยว่า ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานระบบนี้ทั่วโลก ถึง 103
ล้านแอคเคาท์ โดยเมื่อปีที่แล้ว มีผู้สมัครเข้ามาใช้งานเพิ่ม 30
ล้านแอคเคาท์ ขณะที่ปีนี้ มีผู้สมัครใช้งานเพิ่มขึ้นอีก 60 ล้านแอคเคาท์
ขณะที่ ตอนนี้ มีผู้ให้บริการ 261 ราย ใน 89 ประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น