บทความอยู่ใน Facebook ของ Doungchampa Spencer-Isenberg
บทความแปล: ทำไมรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี พ.ศ. 2540 ถึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับประเทศของเรา (ภาค 2)
อ้างอิง: จาก status ของอาจารย์ แม็กซ์ เฮดรูม
(หมายเหตุ: บทความแปลฉบับนี้ จะมีคุณค่ามาก ถ้าได้รับการแชร์ออกไปในการประชุมคนเสื้อแดง ในวันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 นี้ เพราะ
เห็นว่า จะมีประชาชนนับแสนคน ที่จะไปรวมตัวในงาน
ทำไมเราถึงไม่ล่าลายเซ็นต์เกี่ยวกับเรื่องนี้กัน?
เพราะการนำเอารัฐธรรมนูญปี 2540 กลับเข้ามาใช้ ในการทำประชามติ
เป็นเรื่องที่ดีมากที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบขององค์กรอิสระต่างๆ
ที่ีเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
ด้วยการใช้หลักการตามกฎหมายที่ทั่วโลกยอมรับได้
ใช้เวลาอ่านเนื้อหาและเหตุผลประกอบประมาณ 6-7 นาทีเท่านั้น
กรุณาลองนำไปคิดอีกครั้งนะคะ จำนวนคนมากขนาดนี้ เราสามารถทำเรื่องนี้ให้เป็นความจริงได้)
บทความภาค 1 โพสต์อยู่ที่นี่ค่ะ:
******************************************
ถึงเพื่อนๆ ที่เคารพทุกท่าน:
ผมมีความตื้นตันใจและขอนอบน้อมอย่างจริงใจกับเพื่อนๆ ทุกท่านที่เห็นว่า
การรณรงค์ของเราที่นำเอารัฐธรรมนูญฉบับประชาชนของปี พ.ศ. 2540
กลับเข้ามาใช้นั้น มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่งต่อการแชร์ และโดยแท้จริงแล้ว
มันเป็นการให้กำลังใจสนับสนุนต่อ เพื่อนร่วมงานรวมทั้งกับตัวผมอีกด้วย
ความคิดนี้
ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้วจากวันที่เราจดจำกันได้ดีในเดือนกันยายน พ.ศ.
2549 เมื่อโลกอินเตอร์เนทได้หยุดชะงักลงไป
และหน้าจอโทรทัศน์ก็ไม่ได้แสดงอะไรให้เห็นกัน
นอกเสียจากการโฆษณาชวนเชื่อและมีผู้ชายคนหนึ่งชื่อ พลเอกสนธิ
ออกมาพูดอยู่หน้าจอโทรทัศน์ และประกาศก้องว่า
ฝ่ายทหารผู้ร่วมงานของเขาเพิ่งจะระงับการบังคับใช้รัฐธรรมนูญที่ถูกต้องตาม
ตัวบทกฎหมายของเราลงไป
หลังจากหลายเดือนผ่านพ้นไป ผมได้เฝ้ามองด้วยความตกตะลึงที่ประชาชนชาวไทย
ได้ถูกขู่เข็ญให้ไปรับรองธรรมนูญบัญญัติที่ได้รับการอุปถัมภ์จากฝ่ายกองทัพ
ซึ่งตัวบทของมันที่สร้างขึ้นมานั้น
ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเป็นเครื่องมือต่อการก่อสร้างระบอบเผด็จการ
(Autocracy)
และฉายเงาให้กับการเมืองซึ่งหลอกให้เห็นว่าเป็นการปฎิบัติที่ถูกต้องตามตัว
บทกฎหมาย (Pseudo-Legality)
หลายปีได้ผ่านพ้นไป และสภาพที่แท้จริงได้เห็นว่า
มันเกินคำบรรยายกว่าสิ่งที่เราหวังว่าจะเห็นเรื่องที่เลวที่สุดเกิดขึ้น
และทั้งๆ
ที่มีคำขอร้องจากกลุ่มของเราเพื่อทำการจัดการต่อสู้กับปัญหาในเรื่องของการ
ก่อการรัฐประหารโดยฝ่ายตุลาการ (Judicial coups)
และองค์กรอิสระที่สร้างอำนาจบริหารซึ่งทำการประสานงานกันก็ตาม
แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนไม่คิดว่า มันเป็นเรื่องที่
“เหมาะสม” (Appropriate)
ในการที่จะนำประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นข้อแม้วางไว้บนโต๊ะสนทนา
เพื่อให้กลายเป็นเรื่องของการทำประชามติทั่วราชอาณาจักร
แทนที่จะเป็นอย่างนั้น รัฐบาลของเราก็ตกหลุมในคำมั่นสัญญาจากฝ่ายกองทัพว่า
ถ้าประเด็นเรื่องนี้ และเรื่องการปฎิรูปอื่นๆ อันสำคัญ ถูกปล่อยให้อยู่เฉยๆ
อย่างนั้น โดยไม่ได้มีใครเข้าไปแตะต้องแล้ว
ทางฝ่ายกองทัพก็จะคงวางตัวเป็นกลางให้เห็นกัน
ในวันนี้่ เมื่อเราได้เห็นการไหวตัวของฝ่ายกองทัพ เช่น
การตั้งเต้นท์บังเกอร์อยู่ทั่วกรุงเทพมหานคร, ฝ่าย กปปส และฝ่ายศาล
ต่างก็ทำงานประสานกันเป็นอย่างดีเพื่อทำให้การเลือกตั้งกลายเป็นโมฆะลงไป
รวมทั้งตัวแทนของฝ่ายตุลาการเอง ก็พยายามที่จะกล่าวโทษกับรัฐบาลทั้งชุด
เราคงสามารถเห็นกันทั้งหมดแล้วว่า
พวกเขาวางตัวเป็นกลางอย่างแท้จริงกันอย่างไร
และมันหมายถึงอะไรกับประเทศของเรา
เวลาสองปีครึ่งได้ผ่านพ้นไป และเราได้เสียเวลามามาก
ถ้าเราไม่กระทำการในช่วงเวลาอันสั้นๆ ที่มีอยู่นี้
ในการพยายามแสวงหาวิธีทำให้เกิดประชาธิปไตยขึ้นมาได้แล้ว ในไม่ช้า
เวลาที่มีอยู่ก็จะถึงจุดสิ้นสุดลงไป
ตามรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทย มาตรา 138 วรรค 4, มาตรา 139 วรรค 3 และ
มาตรา 142 วรรค 4 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (Organic Laws) **
ในฉบับปัจจุบันนั้น
รัฐบาลมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เกิดการลงประชามติทั่วประเทศ
เพื่อที่จะถามประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริงเท่านั้น
ในการปกครองของระบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของ
ประเทศไทยว่า เราควรที่จะนำเอารัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2540
กลับเข้ามาใช้ใหม่อีกหรือไม่ และมอบอำนาจที่ถูกปล้นไปนี้
กลับมาสู่ประชาชนอย่างที่เคยเป็นอยู่
สิ่งทั้งหมดที่เราต้องการ
คือการรวบรวมรายชื่อประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง เป็นจำนวน 10,000
ท่าน
และหาสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งที่จะเป็นผู้สนับสนุนเหตุผลดังที่กล่าวไว้
การปฎิรูปและความก้าวหน้าของประเทศ
ไม่ได้เริ่มมากจากคณะกรรมการหรือกลุ่มผู้นำที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
โดยกลุ่มผู้มีอำนาจทรัพย์สินเงินทองแต่อย่างใด
แต่มันเริ่มมาจากพื้นฐานอันเหมาะสม – นั่นคือจาก
รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยซึ่งทำงานอย่างได้ผลโดยประชาชนเจ้าของประเทศ
และเราก็ไม่ต้องเริ่มมันที่กระดาษเปล่าๆ
และเสี่ยงที่จะต้องอยู่ในการปกครองในระบอบที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างยาวนาน
แต่อย่างใด เนื่องจากว่า เรามีบทบัญญัติเหล่านี้อยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว
มันถึงเวลาที่เราควรจะทำบางสิ่งบางอย่างกัน
และกระทำก่อนที่ฝ่ายศาลจะทำการถอดถอนรัฐบาลของพวกเราที่มาจากการเลือกตั้ง
โดยถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย
** หมายเหตุ:
มาตรา 138 วรรค 4: การตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ดังต่อไปนี้:
(4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
มาตรา 139 วรรค 3: ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ จะเสนอได้ก็แต่โดย:
(3) ศาลรัฐธรรมนูญ, ศาลฏีกา หรือ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ซึ่งประธานศาลและประธานองค์กรนั้น
เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น
มาตรา 142 วรรค 4: การตราพระราชบัญญัติ ภายใต้บังคับมาตรา 139 ร่างพระราชบัญญัติจะเสนอได้ก็แต่โดย
(4) ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคน
เข้าเสนอกฎหมายตามมาตรา 163
(ซึ่งเป็นเรื่องของการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน)
จบบทความแปล
******************************************
ความคิดเห็นของผู้แปล:
(เชิญแชร์หรือ Tag บทความได้ตามสบาย)
บทความนี้ เป็นบทความต่อเนื่องกับที่ลงไว้เมื่อวาน เกี่ยวกับเรื่อง
การทำประชามติเพื่อนำเอารัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2540 กลับมาใช้ใหม่
บทความอยู่ในลิ้งค์นี้ค่ะ:
******************************************
หลังจากที่ อาจารย์แม็กซ์ เฮดรูม (Max Headroom) โพสต์ Status ของท่านแล้ว ดิฉันขอไปสนทนากับท่านและ อาจารย์เดวิด เสตรคฟัสส์ (David Streckfuss) เมื่อตอนเช้าของดิฉันที่นี่ จึงขอนำการสนทนาที่เพิ่มไว้ มาลงให้อ่านกัน
ดิฉันได้ตั้งคำถามกับอาจารย์แม็กซ์ และอาจารย์เดวิดว่า:
ผู้ที่ดำเนินการล่ารายชื่อเพื่อการทำประชามติเพื่อจะนำเอารัฐธรรมนูญปี 2540
กลับเข้ามาใช้นั้น ถือว่าเป็นผู้ล้มล้างการปกครองต่อรัฐธรรมนูญปี 2550
หรือไม่ เพราะดิฉันมั่นใจว่า ไม่
เนื่องจากประชาชนมีสิทธิ์ลงชื่อตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้
และนอกจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเคยลงพระปรมาภิไธยในรัฐ
ธรรมนูญฉบับปี 2540 มาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น
จะมาอ้างว่าเป็นการล้มล้างการปกครองไม่ได้แน่นอน
อาจารย์ แม็กซ์ตอบว่า กลุ่มที่เป็นผู้ก่อการรัฐประหาร
ก็แสวงหาผลประโยชน์แบบนี้แบบเหมือนกันเลยกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
(หลังการรัฐประหารปี 2549) เพื่อนำผลประโยชน์ไปเข้าข้างตนเอง
ด้วยการเรียกร้องให้มีการทำประชามติ
เพื่อที่จะกำหนดให้นำเอาร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 เข้ามาใช้ให้ได้
ดังนั้น อาจารย์แม็กซ์แชร์ความคิดเห็นโดยกล่าวว่า
ประชาชนก็สามารถใช้สิทธิ์ตามบรรทัดฐานที่เคยเกิดขึ้น
เพราะทางฝ่ายทหารเคยทำกันมาก่อนแล้ว และ การทำประชามตินั้น
ก็จะเป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องในด้านกฎหมายต่างประเทศและสนธิสัญญามากกว่า
การก่อการรัฐประหารของปี พ.ศ. 2549
และรวมไปถึงกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญอีกด้วย
******************************************
อาจารย์แม็กซ์เสริมต่อว่า
จากการตีความของท่านเกี่ยวกับฝ่ายตุลาการภิวัฒน์ที่กำลังเดินเรื่องกันอย่าง
เร่งรีบในขณะนี้คือ
ความพยายามที่จะล้มล้างระบอบการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตย
และแม้กระทั่งตัวบทกฎหมายของรัฐธรรมนูญปี 2550 เองนั้น
ฝ่ายศาลรัฐธรรมนูญก็ยังกระทำการอ้างเหตุผลนอกเหนือออกไปจากอำนาจที่มีอยู่
ตามรัฐธรรมนูญ มันเป็นข้อเท็จจริงที่ว่า พวกเขา (ศาลรัฐธรรมนูญ,
สำนักงานป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ)
ไม่ได้มีใครเข้ามาทำการควบคุมดูแลและมีความรับผิดชอบใดๆ
กับการกระทำที่พวกเขาได้ก่อไว้ ไม่สามารถถูกเรียกตัวมาขึ้นศาลยุติธรรมใดๆ
ได้ นอกเหนือไปจากศาลอาญาเท่านั้น
ตามความเป็นจริงแล้ว เราทั้งหมดก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี
ที่กลุ่มมีความคิดเห็นตรงข้ามของเราที่ทำการร่วมมืออยู่พร้อมกัน
ต่างกล่าวกันว่า การเรียกร้องของเราให้มีการทำประชามติเกิดขึ้นนั้น
เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นที่นิยมเลยในสายตาของคนบางกลุ่ม
ถ้าเราลองดูตัวอย่างของการกระทำในประเทศอียิปต์แล้ว เราจะเห็นได้ว่า
มันใช้ข้ออ้างง่ายๆ นิดเดียว เพื่อที่จะกล่าวหาใครต่อใครก็ได้
และอาจจะมีเรื่องเพียงนิดเดียวก็สามารถตัดสินว่า
พวกเขาได้กระทำความผิดไปแล้ว นั่นก็คือว่า
ทำไมมันถึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรามากที่จะต้องมีจำนวนผู้คนที่มีความเป็น
น้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Solidarity) นั่นเป็นเพราะว่า มันไม่เป็นการง่ายเลย
ที่จะเอาผู้คนจำนวน 10,000 คน ที่ทำการลงชื่อนั้น
มายัดเข้าไปอยู่ในคุกตารางต่อการกระทำในเรื่องแบบนี้
******************************************
อาจารย์เดวิด เข้ามาเสริมว่า ในความคิดเห็นของเขานั้น
อย่างแรกต้องมีการผลักดันให้การเลือกตั้งสำเร็จลุล่วงไปได้ก่อน
ถ้ามีการปฎิเสธขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า หรือ
มีการปิดกั้นคูหาอย่างซ้ำแล้วซ้ำอีก นั่นก็จะเป็นการสร้างน้ำหนักมากกว่า
ต่อการอ้างว่า ระบบที่ใช้กันอยู่กำลังพังตัวลงมา
และต้องมีการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานกันเสียใหม่ (ตัวอย่างเช่น การนำเอา
รัฐธรรมนูญปี 2540 กลับเข้ามาใช้)
******************************************
อาจารย์แม็กซ์ เสริมว่า ผมคิดว่าระบบนั้นมันเกือบจะพังทลายลงไปแล้ว
และเราก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นได้อีกต่อไป
โดยปราศจากหรือก่อนหน้าการถอดถอนรัฐบาลรักษาการ
ตามความเป็นจริงแล้ว
คณะกรรมการการเลือกตั้งพยายามที่จะยืดเยื้อเวลาการเลือกตั้งครั้งใหม่ออกไป
อย่างนานที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นเดือนๆ
นั่นเป็นการปิดประตูฝ่ายประชาธิปไตยในเรื่องนี้
นอกไปจากนั้น ยังมีคำถามใหญ่ๆ
เกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงทางการเมืองและระบบสองมาตรฐานในที่นี้:
ประชาชนจะกล่าวว่า – รัฐประหาร, ยุบพรรคการเมืองสองพรรค,
นายกรัฐมนตรีถูกถอดถอนเนื่องจากไปออกรายการทำกับข้าว และในตอนนี้
ก็เป็นเรื่อง.... อะไรก็ตามแต่
สำหรับอาจารย์แม็กซ์เอง คำถามก็คือ
มันจะสร้างความเสียหายต่อประเทศมากมายขนาดไหน
ประเทศชาติจะทนอยู่กับสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างว่า วิธีนี้อาจจะใช้ได้
ในขณะที่วิธีการที่สามารถใช้ได้อย่างแท้จริงกลับถูกปิดกั้นอยู่
และถูกขับไล่ให้พ้นไปโดยรถถัง, อาวุธปืน
และการทำผิดตัวบทกฎหมายและการใช้ความอคติอยุติธรรมเข้ามาประกอบ
******************************************
อาจารย์เดวิด เสริมว่า ความคิดเห็นของเขานั้น ขั้นตอนธรรมดาอย่างแรกที่สุด
ก็คือต้องทำให้การเลือกตั้งเสร็จสิ้นอย่างอย่างสมบูรณ์ให้ได้
ต้องมีการผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง
สามารถประกาศเหตุผลอันแสนวิปลาสให้กับทั่วโลกทั้งหมดได้ทราบกัน
มันจะเป็นการช่วยแสดงความสมเหตุสมผลให้กับทุกๆ คนได้เห็นว่า ระบบเหล่านี้
ได้ผุพังลงไปอย่างเรียบร้อย และทำไมมันถึงเวลาแล้ว
ที่จะต้องเข้าไปสู่รูปแบบการทำประชามติ ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ
******************************************
อาจารย์แม็กซ์กล่าวตอบว่า เป็นเรื่องที่แน่นอนที่สุด
ที่พวกเราจะต้องผลักดันในเรื่องให้เกิดความล่าช้าขึ้นมา
แต่ข้อคิดเห็นของอาจารย์แม็กซ์ กล่าวว่า มันน่าจะเป็นไปในรูปนี้มากกว่า:
- คุณยิ่งลักษณ์จะถูกตอกตะปูหน้าฝาโลงที่ศาลยุติธรรมโดยคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามทุจริตแห่งชาติ รวมไปถึงโดยศาลรัฐธรรมนูญภายในเวลาอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
- เมื่อเทศกาลสงกรานต์กำลังจะมาถึง ทางฝ่ายคณะกรรมการการเลือกตั้งจะทำการยืดเยื้อและสร้างความล่าช้า เพราะทราบดีว่า พวกเขาสามารถทำเรื่องนี้ได้ ด้วยการสนับสนุนจากฝ่ายศาลรัฐธรรมนูญและจากฝ่ายคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามทุจริตแห่งชาติ
- จากนั้น คุณยิ่งลักษณ์จะถูกถอดถอนออกไปพร้อมกันกับรัฐบาลรักษาการทั้งหมด และรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งนั้น จะไม่มีการนำเอาประเด็นการทำประชามติเข้ามาพิจารณาอย่างเด็ดขาด
******************************************
อาจารย์เดวิด แสดงจุดยืนว่า
เขาอยากเห็นการผลักดันให้เกิดขึ้นกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เพื่อที่พวกเขาจะได้เปิดตัวให้ทุกคนได้ทราบว่า
ทำไมพวกเขาถึงต้องทำการยืดเยื้อให้เกิดขึ้น
.
******************************************
อาจารย์แม็กซ์กล่าวว่า ดังนั้น คุณยิ่งลักษณ์ก็ไม่มีทางเลือกใดๆ
ที่จะทำเรื่องการเลือกตั้งนี้ ให้เกิดขึ้นไปตามลำดับกันเลย
ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันเป็นการผลักดันและบีบบังคับมากกว่า
ที่จะให้ทางฝ่ายคณะกรรมการการเลือกตั้งให้คำตอบอย่างเป็นทางการ
แทนที่จะทำให้การเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง
******************************************
อาจารย์แม็กซ์เสริมต่อว่า
องค์กรอิสระทุกองค์กรจะขว้างทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาขวางทางพวกเรา
เพื่อต่อต้านไม่ให้มีการทำประชามติเกิดขึ้นได้
******************************************
ดิฉันสนทนาต่อกับอาจารย์เดวิด ด้วยการตั้งคำถามว่า ถ้าเรามีรายชื่อ 10,000
คน แบบพร้อมทุกอย่างแล้ว รัฐบาลรักษาการมีอำนาจใดๆ
ต่อการจัดสร้างประชามติหรือไม่?
อาจารย์เดวิดกล่าวตอบว่า ไม่มีบทบัญญัติใดๆ
ในรัฐธรรมนูญที่ห้ามนายกรัฐมนตรีรักษาการ มิให้กระทำการในเรื่องนี้
แต่ไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะสร้างบรรทัดฐานใหม่อีกขึ้นมาหรือไม่ในการตี
ความ
มาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญกล่าวว่า
การเรียกร้องการทำประชามติสามารถเกิดขึ้นได้ "เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่า
กิจการในเรื่องใดอาจกระทบผลประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติหรือประชาชน" ส่วน
ในมาตรา 181 เพียงแต่กล่าวว่า "คณะรัฐมนตรีสามารถ
ปฎิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็น ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดดังนี้:
- ไม่ทำการแต่งตั้ง หรือ โยกย้ายข้าราชการ
- ไม่อนุมัติจ่ายงบประมาณสำรอง
- ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ ที่เป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
- ไม่ใช้ทรัพยากรหรือบุคลากรของรัฐ เพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง"
หวังว่า ท่านผู้อ่านคงจะได้รับความรู้ในเรื่องการทำประชามติ
ถึงแม้บทความจะยาวพอสมควร แต่มันเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก
ถ้าเรามีการเรียกร้องให้เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้
ดังนั้น บทความในซีรี่ย์ ภาค 2 จึงขอจบลงเพียงเท่านี้
Happy Friday ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น