แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

ทางออกประเทศไทย.....ทางร้ายหรือทางดี

ที่มา Thai E -News


ภาพ rungsira.blogspot.com
โดย สถิตย์ ไพเราะ 
ผมฟังรายการของว้อยทีวี ที่ศาสตราจารย์สุรชาติ บำรุงสุข ท่านได้ให้ทางออกไว้ 12 ช่องทาง
แล้วท่านก็บอกว่าเป็นทางตัน
ผมฟังแล้วก็เวียนหัว
ผมคิดว่าท่านผู้ฟังคนอื่นก็คงมีอาการเหมือนกับผม
ความจริงแล้วประเทศมีทางออกเสมอ
ไม่มีทางตัน
เพียงแต่เรายังเดากันไม่ออกว่าจะออกทางไหนเท่านั้น
ทางร้ายหรือทางดี
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเดาใจคนไม่ออก
เดาใจพลเอกประยุทธท่านไม่ได้
เดาใจท่านสุเทพท่านไม่ได้
เดาใจท่านจตุพรและท่านณัฐวุฒิก็ไม่ได้
พระสมุทรลึกล้นคณนา
สายดิ่งทิ้งมาหยั่งได้
เขาสูงอาจวัดวากำหนด
จิตมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้หยั่งถึง
ความแตกแยกของบุคคลของชาติไทยขณะนี้ก็คือ
ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าจะต้องปกครองด้วยอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยต่อไป
ฝ่ายนี้ข้าราชการที่ถือปืนหนุนอยู่ มีฝ่ายที่ถือปากกาหนุนอยู่ มีนายทุนที่ทำมาค้าขาย ได้ประโยชน์จากระบอบดังกล่าวหนุนอยู่
จึงเห็นได้ว่ามีอำนาจมากมาย
ม็อบฝ่ายนี้จะทำอะไรก็ได้
ม็อบฝ่ายนี้ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้จะทำไม่ได้
ยึดศูนย์ราชการก็ได้
ยึดกระทรวงการคลังก็ได้
ยึดทำเนียบรัฐบาลก็ได้
ขัดขวางไม่ให้มีการรับสมัครเลือกตั้งก็ได้
ทำได้สารพัด
ถ้าไม่มีอำนาจปืนจะทำอย่างนี้ได้อย่างไร
ปืนมากฏหมายเงียบ
ถ้าไม่มีอำนาจทรัพย์ของนายทุนจะมีเงินที่ไหนมาจ้างการ์ดเป็นพันๆ คนได้
ถ้าไม่มีอำนาจจากปัญญาชนของคนถือปากกาเช่นอธิการบดี 27 คนหนุนอยู่
จะดำเนินการขนาดนี้ได้อย่างไร
ส่วนฝ่ายประชาธิปไตยก็มีมวลชนคนเสื้อแดงหนุนอยู่
มีมวลชนคนที่มีเหตุมีผลหนุนอยู่
มีประชาคมระหว่างประเทศหนุนอยู่
นอกจากนั้นยังมีคนบางคน ที่จะเสียประโยชน์จากรัฐบาลที่มาจากอำนาจนอกระบอบ
ประชาธิปไตย
ว่าไปแล้วก็มีอำนาจมากมายมหาศาลเหมือนกัน จึงสามารถยันกันอยู่ได้ถึงวันนี้
แต่ดูตามเหตุผลและเหตุการณ์แล้ว ฝ่ายอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยก็คงจะรุกต่อไปอีก
โดยใช้ศาลและองค์กรอิสระเป็นเครื่องมือ
ท่านอาจารย์โกร่งก็ดูเหมือนจะเห็นในแนวทางนี้
แต่การใช้ศาลและองค์กรอิสระในการทำลายฝ่ายประชาธิปไตยนั้น ต้องเปลืองตัวมากเปลืองความน่าเชื่อถือมาก
เพราะเมื่อตั้งธงแล้วก็หาเหตุหาผลที่ดีมาสนับสนุนยาก
หาหลักกฎหมายที่ชอบธรรมมาสนับสนุนไม่ได้
เมื่อศาลถูกค้านและวิพากษ์วิจารณ์จากคนทั่วๆ ไป ผมคาดเอาเองว่า ท่านวิชา มหาคุณ คงเกิดอาการบันดาลโทษะทางวิชาการ ซึ่งอาจมีผลให้ท่านวิชา มหาคุณของผมคงจะตกอยู่ภาวะไร้ความสุขของชีวิตในช่วงนี้เป็นแน่แท้
เพราะหนังชีวิตเรื่องนี้เป็นเรื่องยาว กว่าจะสิ้นสุดยุติลงไปได้ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายของท่านนายกฯ จนบัดนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่อาจปิดบัญชีลงได้
การถูกวิพากษ์วิจารณ์จากปัญญาชนผู้มีเหตุมีผลนั้นมากมายเสียจนความน่าเชื่อถือไม่เหลืออยู่เลย
คนที่ไม่มีใครเชื่อถือ แม้จะมีอำนาจตามกฎหมาย ก็ต้องถือว่าล่มสลายไปแล้ว
ผมดูแล้วก็ร่องแร่งรวนเรเต็มที
ความเหลวไหล ความเหลวแหลกเหล่านี้ แม้จะทำลายท่านนายกฯ ลงไปได้ แต่ก็ไม่สามารถทำลายฝ่ายประชาธิปไตยลงไปได้ เพราะความชั่วไม่เคยชนะความดีได้
แม้รัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตยจะถูกทำลายลงไปได้
แต่รัฐบาลที่มาจากอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยตั้งขึ้นมาก็บริหารประเทศต่อไปไม่ได้
เพราะอะไร
ก็เพราะปัญหาของประชาชนที่รอแก้ไขอยู่ขณะนี้มีมากมายมหาศาล
ข้าวเปลือกขณะนี้ราคาเกวียนละห้าพันบาทเท่านั้น
รัฐบาลนอกระบอบประชาธิปไตยจะแก้ไขอย่างไร
สติปัญญาของคนที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ผมพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีสติปัญญาพอจะแก้ไขอะไรได้เลย
ยิ่งกว่านั้น ถ้ารัฐบาลที่ตั้งขึ้นโดยฝ่ายอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยจะต้องบริหารราชการภาย ใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็จะต้องเจอปัญหาทุกย่างก้าวที่เดินไป
เมื่อไม่มีสภาจะออกกฎหมายได้อย่างไร
เมื่อไม่มีสภาก็ต้องไปแถลงต่อศาลเจ้าพ่อหลักเมืองหรือไม่ก็ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวที่จังหวัดปัตตานี
จะใช้เงินงบประมาณก็ต้องขออนุญาต กกต.
จะย้ายข้าราชการก็ไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญห้าม
เพราะฉนั้นเข้ามาเป็นรัฐบาลเมื่อไรก็ฉิบหายเมื่อนั้น
ฉิบหายด้วยตัวของมันเอง
โดยคนอื่นไม่ต้องทำอะไร
ที่สำคัญที่สุดก็คือปัญหาทางเศรษฐกิจที่เสื่อมทรุดขนาด หนักจนอาจจะต้องเข้าห้องไอซียูเปลี่ยนชื่อเป็นคนป่วยแห่งเอเซียแทนจีนและ ฟิลิปปินส์
ส่วนปัญหาทางการเมืองนั้นฟันธงได้เลยว่าแก้ไม่ได้แน่
รัฐบาลที่มาจากอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตย
จะถูกสหบาทาจากฝ่ายประชาธิปไตยแน่นอน
จึงมีโอกาสจะจมธรณีมีมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะอุดมการณ์ประชาธิปไตยก็ดี
ผลประโยชน์ที่คนฝ่ายนี้ขาดหายไปจากที่เคยได้จากรัฐบาลประชาธิปไตย
เช่นจากโครงการรับจำนำข้าว
จะเป็นตัวกระตุ้นอย่างสำคัญที่จะทำให้เขาเหล่านั้นไม่ยอมแน่
แต่คำว่าเขาเหล่านั้นไม่ยอมแน่จะพัฒนาไปถึงขั้นไหน
ขั้นสงครามกลางเมืองหรือไม่ก็ยากที่จะคาดหรือเดา
เพราะจิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง
เพราะเหตุการณ์ที่จะพัฒนาไปถึงขั้นสงครามกลางเมือง ต้องดูสถานการณ์ต่อๆ ไปหลังจากนี้
เพราะสงครามกลางเมืองไม่ใช่เปิดปุ๊บติดปั๊บเหมือนฮิตาชิ
แต่ต้องบ่มเพาะความขัดแย้งทางอุดมการณ์ของระบอบปกครองและผลประโยชน์มาอย่างต่อเนื่องยาวนานพอสมควร
ที่มีผู้กล่าวว่าฝ่ายประชาธิปไตยไม่มีทางจะก่อความรุนแรงได้ เพราะขัดกับหลักการประชาธิปไตย ที่ต้องสันติอหิงสา
ข้อนี้ตอบได้เลยว่าไม่จริง
ในประเทศอเมริกานั้น ความขัดแย้งเรื่องอุดมการณ์ประชาธิปไตยในส่วนที่เกี่ยวกับความเสมอภาค มีมาตั้งแต่เริ่มประกาศอิสรภาพก่อตั้งประเทศ ในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช แล้วก็ขัดแย้งครุกรุ่นเรื่อยๆ มา
จนถึงสมัยรัชการที่สี่ ตรงกับสหรัฐอเมริกาที่มีประธานาธิบดีชื่อลินคอล์น เป็นประธานาธิบดีคนที่สิบหก ใช้เวลานานถึงแปดสิบปี
เมื่อประธานาธิบดีลินคอล์นชนะเลือกตั้ง
อุดมการณ์ประชาธิปไตยที่สำคัญที่สุดของท่านก็คือ ทุกคนต้องเสมอภาคกัน จะมีทาสไม่ได้
ซึ่งฝ่ายใต้ไม่ยินยอม เพราะได้ประโยชน์จากการมีทาส
ท่านประนาธิบดีลินคอล์นก็ไม่ยอม
ผลสุดท้ายฝ่ายใต้ประกาศแยกประเทศ
ท่านประธานาธิบดีลินคอล์นไม่ยอมและประกาศสงคราม
เป็นสงครามกลางเมืองที่นองเลือดที่สุดสงครามหนึ่งที่เกิดในโลกใบนี้
อย่าลืมว่าคนที่ประกาศสงครามกลางเมือง
ก็คือประธานาธิบดีลินคอล์น ซึ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
การประกาศสงครามเป็นสันติอหิงสาหรือไม่ ท่านผู้อ่านพิจารณาเอาเอง
เพราะฉนั้นจะไปพูดว่าฝ่ายประชาธิปไตยก่อความรุนแรงไม่ได้นั้น ไม่ถูกต้อง เพราะไม่เป็นความจริง
ในประเทศฝรั่งเศสนั้นการปฎิวัติประชาชนสมัยพระเจ้าหลุยส์ ที่ 16 ไม่ได้เริ่มเกิดขึ้นในสมัยของพระองค์ แต่ผลที่เกิดเริ่มมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในสมัยพระนารายณ์มหาราช
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ใช้เงินมากมายมหาศาล ที่เป็นเงินภาษีที่ขูดรีดมาจากประชาชนของพระองค์ ในการก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายล์ เพื่อเสริมสร้างพระบรมเดชานุภาพของพระองค์และใช้เงินภาษีราษฎรมากมายมหาศาล ในการทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน
ผลสุดท้ายเศรษฐกิจก็เสื่อมทรุดจนแก้ไขอะไรไม่ได้ ความทุกข์ยากของราษฎรฝรั่งเศส แผ่ซ่านไปทุกเส้นหญ้า พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เมื่อสืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาก็เป็นเด็ก พระชนมายุได้ 5 ขวบเท่านั้น
เมื่อทรงพระเจริญวัยขึ้นก็ทรงอ่อนแอ ก็ทรงพระโง่ ไม่มีสติปํญญาพอจะแก้ไขอะไรได้
ส่วนพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ก็หนักไปอีก เพราะมีพระราชินีที่ไม่ติดดิน แถมยังไปมีกิ๊กอีกด้วย
เป็นการล้มละลายทางศิลธรรมเหมือนพระราชินีของพระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซีย ที่มีกิ๊กชื่อรัสปูติน ผลสุดท้ายก็เกิดปฏิวัติโดยประชาชน ฆ่าฟันกันล้มตายจนเลือดท่วมท้องช้าง และพัฒนาต่อๆ มาจนเป็นการปกครองประชาธิปไตยในขณะนี้
ปัญหาของประเทศไทยอยู่ที่ว่า ฝ่ายประชาธิปไตยจะอดทนให้ฝ่ายอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตย ทำลายอุดมการณ์ประชาธิปไตยได้อีกนานแค่ไหนเท่านั้น
ที่จุดไหนจึงยอมต่อไปไม่ได้
ไม่มีใครคาดเดาได้
จุดอดทนอดกลั้นของฝ่ายประชาธิปไตยก็ไม่เท่ากัน
ของท่านจตุพรก็จุดหนึ่ง
ของท่านณัฐวุฒิก็จุดหนึ่ง
ของท่านธิดาก็จุดหนึ่ง
ของท่านวีระกานต์ก็จุดหนึ่ง ไม่ใช่จุดเดียวกันกับของคนอื่น
ถ้าเป็นจุดเดียวกันกับของคนอื่น ท่านวีระกานต์คงไม่กระโดดลงรถไฟที่สถานีบางซื่อ ไม่ยอมนั่งต่อให้ถึงหัวลำโพงเมื่อปีพ.ศ. 2553
เพียงแต่คาดการณ์ได้ว่า หากเกิดสงครามกลางเมือง ความเสียหายจะเกิดขึ้นอย่างมหาศาล และจะกระทบถึงคนทุกคนที่อยู่ในประเทศนี้
สงครามกลางเมืองเมื่อเกิดขึ้นแล้วหยุดไม่ได้
เลิกไม่ได้ จนกว่าจะแพ้หรือชนะกันไปข้างหนึ่ง
ตัวอย่างที่เห็นได้ใกล้ตัวเราก็คือสงครามกลางเมืองที่สามจังหวัดภาคใต้
ถ้าสงครามกลางเมืองย้ายจากสามจังหวัดภาคใต้ไปอยู่ที่อีสาน ล้านนา
สาธุชนพยากรณ์ผลเอาเองก็แล้วกันครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น