แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562

09 - คำชี้ชวนวิงวอน mp3

ที่มา Downmerng Ar


คำชี้ชวนวิงวอน
ภิกษุทั้งหลาย โยคกรรม อันเธอพึงกระทำ เพื่อให้รู้ว่า
“นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดทุกข์ นี้ความดับสนิทแห่งทุกข์
นี้ทางให้ถึงความดับสนิทแห่งทุกข์”

นิพพาน เราได้แสดงแล้ว,
ทางให้ถึงนิพพาน เราก็ได้แสดงแล้ว แก่เธอทั้งหลาย.
กิจใด ที่ศาสดาผู้เอ็นดู แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล
โดยอาศัยความเอ็นดูแล้ว จะพึงทำแก่สาวกทั้งหลาย,
กิจนั้น เราได้กระทำแล้วแก่พวกเธอ.

นั่น โคนไม้; นั่น เรือนว่าง.
พวกเธอจงเพียรเผากิเลส, อย่าได้ประมาท,
อย่าเป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย.
นี่แหละ วาจาเครื่องพร่ำสอนของเรา แก่เธอทั้งหลาย.
มหาวาร. สํ. ๑๑/๔๑๓/๑๖๕๔.
สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๔

การสาธยายธรรม
ที่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น

...ภิกษุทั้งหลาย ! ข้ออื่นยังมีอีก :
พระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารี
ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครู รูปใดรูปหนึ่ง
ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ; และเธอนั้น
ก็มิได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดาร
ตามที่เธอได้ฟังมา ได้เล่าเรียนมา
แต่เธอ กระทำการท่องบ่นซึ่งธรรม โดยพิสดาร
ตามที่ตนฟังมา เล่าเรียนมา อยู่.
เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ
รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้น
ตามที่เธอ ทำการท่องบ่นซึ่งธรรม โดยพิสดาร
ตามที่ได้ฟังมา เล่าเรียนมาอย่างไร
เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ
รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม,
ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น;
เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด;
เมื่อใจปีติ กายย่อมรำงับ;
ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข;
เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น.

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้คือ ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่สาม,
ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท
มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่,
จิตที่ยังไม่หลุดพ้น ย่อมหลุดพ้น
อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบ ย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ
หรือว่าเธอย่อมบรรลุตามลำดับ
ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า
ที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ.
ปญฺจก. อํ. ๒๒/๒๓/๒๖.

อานนท์! บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ทุศีล, เป็นผู้มีศีล, เป็นผู้มีราคะกล้า, เป็นผู้มักโกรธ, เป็นผู้ฟุ้งซ่าน
และไม่รู้ชัด ซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติอันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ
แห่งความเป็นผู้ทุศีล, เป็นผู้มีศีล,
เป็นผู้มีราคะกล้า, เป็นผู้มักโกรธ, เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ของเขาตามความเป็นจริง
บุคคลนั้น ไม่กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ไม่แทงตลอดแม้ด้วยความเห็น ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย
เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ
ย่อมถึงความเสื่อม ไม่ถึงความเจริญ...

อานนท์! ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ทุศีล, เป็นผู้มีศีล, เป็นผู้มีราคะกล้า, เป็นผู้มักโกรธ, เป็นผู้ฟุ้งซ่าน
แต่รู้ชัด ซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติอันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ
แห่งความเป็นผู้ทุศีล, เป็นผู้มีศีล,
เป็นผู้มีราคะกล้า, เป็นผู้มักโกรธ, เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ของเขาตามความเป็นจริง
บุคคลนั้น กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยความเห็น ย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย
เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม
ย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม ...

เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้
ใครเล่าจะพึงรู้เหตุนั้นได้ นอกจากตถาคต

อานนท์!  เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลาย
อย่าได้เป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
เพราะผู้ถือประมาณในบุคคลย่อมทำลายคุณวิเศษของตน
เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้ ... .

-บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๑๔๗/๗๕

ภิกษุทั้งหลาย!   ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน
อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ

ธรรมเหล่านั้น เป็นธรรมอันภิกษุนั้นฟังเนืองๆ
คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดี ด้วยความเห็น
เธอมีสติหลงลืม เมื่อกระทำกาละ
ย่อมเข้าถึงเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง

บทแห่งธรรมทั้งหลาย ย่อมปรากฏแก่เธอ ผู้มีความสุขในภพนั้น

สติบังเกิดขึ้นช้า
แต่สัตว์นั้น ย่อมเป็นผู้บรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน... .

-บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๕๑/๑๙๑.


09 - คำชี้ชวนวิงวอน mp3



09 - คำชี้ชวนวิงวอน mp3 พุทธวจน ฉบับ ๑๐ สาธยายธรรม วัดนาป่าพง ฟัง และ DOWNLOAD (MP3) http://watnapp.com/audio/view_categor...



สำหรับผู้ประสงค์การสาธยายธรรม (สชฺฌาย) คำที่ตรัสจากพระโอษฐ์ ของตถาคตนั้นเป็นสิ่งที่สมควรต่อการสาธยายได้ทั้งหมด แต่บท ที่พระองค์สาธยายด้วยพระองค์เองเมื่ออยู่วิเวกหลีกเร้นผู้เดียวนั้นคือ อิทัปปัจจยตาและปฏิจจสมุปบาท

อิทัปปัจจยตาและปฏิจจสมุปบาท
-บาลี นิทาน. สํ. ๑๖/๘๕/๑๕๙.

ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมกระทำไว้ในใจ
โดยแยบคายเป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว ดังนี้ว่า
เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี
เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.
เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี
เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ
เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย
เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
เพราะมีอุปาทานปัจจัย จึงมีภพ
เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
เพราะมีชาติ เป็นปัจจัย
ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะ โทมนัสอุปายาสะทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.
เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว จึงมีความดับแห่งสังขาร
เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ
เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป
เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ
เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ
เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา
เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา
เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน
เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ
เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ
เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะ โทมนัสอุปายาสะทั้งหลาย จึงดับสิ้น
ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้

ขอนอบน้อมแด่
ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
พระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า


ประตูนครแห่งความไม่ตาย
ตถาคตเปิดโล่งไว้แล้ว
เพื่อสัตว์ทั้งหลายเข้าถึงถิ่นอันเกษม.
กระแสแห่งมารผู้มีบาป
ตถาคตปิดกั้นเสียแล้ว กำจัดเสียแล้ว ทำให้หมดพิษสงแล้ว.
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มากมูนด้วยปราโมทย์
ปรารถนาธรรมอันเกษมจากโยคะเถิด.
- บาลี ม. ม. ๑๓/๔๖๔/๕๑๑

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2562

08 - การเจริญเมตตา mp3

ที่มา Downmerng Ar

การเจริญเมตตา
(หรือการเจริญพรหมวิหาร )
เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักตั้งมั่น ดำรงอยู่ด้วยดีในภายใน และอกุศลธรรมอันเป็นบาป ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้ เมื่อใด จิตของเธอ เป็นจิตตั้งมั่น ดำรงอยู่ด้วยดีแล้วในภายใน และอกุศลธรรมอันเป็นบาปที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ครอบงำจิตได้ เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญ กระทำให้มากซึ่ง เมตตาเจโตวิมุตติ, กรุณาเจโตวิมุตติ, มุทิตาเจโตวิมุตติ, อุเบกขาเจโตวิมุตติ ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว

เมื่อเธอพิจารณาเห็นตนบริสุทธิ์ พ้นแล้วจาก อกุศลธรรมอันเป็นบาปที่เกิดขึ้น ปราโมทย์ก็เกิด เมื่อเธอเกิดปราโมทย์แล้ว ปีติก็เกิด เมื่อเธอมีใจ ประกอบด้วยปีติแล้ว กายก็สงบรำงับ ผู้มีกายสงบรำงับ ย่อมเสวยสุข จิตของผู้มีสุขย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิ

เธอมีจิตประกอบด้วยเมตตา แผ่ไปสู่ทิศที่ ๑ อยู่ แผ่ไปสู่ทิศที่ ๒ ก็อย่างนั้น แผ่ไปสู่ทิศที่ ๓ ก็อย่างนั้น แผ่ไปสู่ทิศที่ ๔ ก็อย่างนั้น และเธอมีจิตประกอบด้วย เมตตา อันกว้างขวาง เป็นส่วนใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท แผ่ไปทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวาง ทั่วทุกทาง เสมอหน้ากันตลอดโลกทั้งปวงที่มีอยู่

มีจิตประกอบด้วยกรุณา แผ่ไปสู่ทิศที่ ๑ อยู่ แผ่ไปสู่ทิศที่ ๒ ก็อย่างนั้น แผ่ไปสู่ทิศที่ ๓ ก็อย่างนั้น แผ่ไปสู่ทิศที่ ๔ ก็อย่างนั้น และเธอมีจิตประกอบด้วย กรุณา อันกว้างขวาง เป็นส่วนใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท แผ่ไปทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวาง ทั่วทุกทาง เสมอหน้ากันตลอดโลกทั้งปวงที่มีอยู่ มีจิตประกอบด้วยมุทิตา แผ่ไปสู่ทิศที่ ๑ อยู่ แผ่ไปสู่ทิศที่ ๒ ก็อย่างนั้น แผ่ไปสู่ทิศที่ ๓ ก็อย่างนั้น แผ่ไปสู่ทิศที่ ๔ ก็อย่างนั้น และเธอมีจิตประกอบด้วย มุทิตา อันกว้างขวาง เป็นส่วนใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท แผ่ไปทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำเบื้องขวาง ทั่วทุกทาง เสมอหน้ากันตลอดโลกทั้งปวงที่มีอยู่

มีจิตประกอบด้วยอุเบกขา แผ่ไปสู่ทิศที่ ๑ อยู่ แผ่ไปสู่ทิศที่ ๒ ก็อย่างนั้น แผ่ไปสู่ทิศที่ ๓ ก็อย่างนั้น แผ่ไปสู่ทิศที่ ๔ ก็อย่างนั้น และเธอมีจิตประกอบด้วย อุเบกขา อันกว้างขวาง เป็นส่วนใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท แผ่ไปทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวาง ทั่วทุกทาง เสมอหน้ากันตลอดโลกทั้งปวงที่มีอยู่

สระโบกขรณี มีน้ำใสจืด เย็น สะอาด มีท่าอันดี น่ารื่นรมย์ ถ้าบุรุษมาแต่ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ และจากที่ไหนๆ อันความร้อนแผดเผา เร่าร้อน ลำบาก กระหาย อยากดื่มน้ำ เขามาถึง สระโบกขรณีนั้นแล้ว ก็บรรเทาความอยากดื่มน้ำ และ ความกระวนกระวายเพราะความร้อนเสียได้ แม้ฉันใด เธอมาถึงธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว เจริญเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาอย่างนั้น ย่อมได้ความสงบจิต ณ ภายใน ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เรากล่าวว่าเป็นผู้ปฏิบัติ ข้อปฏิบัติอันดียิ่ง

เปรียบเหมือนคนเป่าสังข์ผู้มีกำลัง ย่อมเป่าสังข์ ให้ได้ยินได้ทั้งสี่ทิศโดยไม่ยากฉันใด ในเมตตาเจโตวิมุตติ (กรุณาเจโตวิมุตติ..., มุทิตาเจโตวิมุตติ..., อุเบกขาเจโตวิมุตติ...,) ที่เจริญแล้วอย่างนี้ กรรมชนิดที่ทำอย่างมี ขีดจำกัดย่อมไม่มีเหลืออยู่ ไม่ตั้งอยู่ในนั้น ก็ฉันนั้น

เมื่อใดเธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีแล้ว เมื่อนั้นเธอจักเดินไปในทางใดๆ ก็จักเดินเป็นสุข ในทางนั้นๆ ยืนอยู่ในที่ใดๆ ก็จักยืนเป็นสุขในที่นั้นๆ นั่งอยู่ในที่ใดๆ ก็จักนั่งเป็นสุขในที่นั้นๆ นอนอยู่ที่ใดๆ ก็จักนอนเป็นสุขในที่นั้นๆ

เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ อันบุคคลเสพมาแต่แรก ทำให้เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ที่เทียมดีแล้ว ทำให้เป็นที่ตั้ง ประพฤติสั่งสมเนืองๆ ปรารภสม่ำเสมอดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๑ อย่าง คือ
หลับเป็นสุข ๑
ตื่นเป็นสุข ๑
ไม่ฝันร้าย ๑
เป็นที่รักของพวกมนุษย์ ๑
เป็นที่รักของพวกอมนุษย์ ๑
เทพยดารักษา ๑
ไฟก็ดี ยาพิษก็ดี ศัสตราก็ดีไม่ต้องบุคคลนั้น ๑
จิตตั้งมั่นได้รวดเร็ว ๑
สีหน้าผุดผ่อง ๑
ไม่หลงทำกาละ ๑
เมื่อยังไม่บรรลุคุณวิเศษที่ยิ่งขึ้นไป
ย่อมเกิดในพรหมโลก ๑

เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ อันบุคคลเสพมาแต่แรก ทำให้เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ที่เทียมดีแล้ว ทำให้เป็นที่ตั้ง ประพฤติสั่งสมเนืองๆ ปรารภสม่ำเสมอดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๑ อย่างนี้แล
สตฺตก. อํ. ๒๓/๓๐๘/๑๖๐.
มู. ม. ๑๒/๕๑๘/๔๘๒.
เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๗๖/๒๒๒.
สี. ที. ๙/๓๑๐/๓๘๓-๔.

08 - การเจริญเมตตา mp3



08 - การเจริญเมตตา mp3 พุทธวจน ฉบับ ๑๐ สาธยายธรรม วัดนาป่าพง ฟัง และ DOWNLOAD (MP3) http://watnapp.com/audio/view_categor...



วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2562

07 - ธรรมวินัยคือศาสดา พึ่งตนพึ่งธรรม ปัจฉิมวาจา mp3

ที่มา Downmerng Ar

บทสวด ธรรมวินัยคือศาสดา
สิยา โข ปะนานันทะ ตุม๎หากัง
อานนท์ ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า
เอวะมัสสะ อะตีตะสัตถุกัง ปาวะจะนัง
นัตถิ โน สัตถาติ
ธรรมวินัยของพวกเรา
มีพระศาสดา ล่วงลับไปแล้ว
พวกเราไม่มีพระศาสดา ดังนี้
นะ โข ปะเนตัง อานันทะ เอวัง ทัฏฐัพพัง
อานนท์ ข้อนี้ พวกเธออย่าคิดดังนั้น
โย โว อานันทะ มะยา ธัมโม จะ วินะโย
จะ เทสิโต ปัญญัตโต
อานนท์ ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว
บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย
โส โว มะมัจจะเยนะ สัตถา
ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย
โดยกาลล่วงไปแห่งเรา
มหา. ที. ๑๐/๑๗๘/๑๔๑.

บทสวด พึ่งตนพึ่งธรรม
เย หิ เกจิ อานันทะ เอตะระหิ วา
มะมัจจะเย วา
อานนท์ ในกาลบัดนี้ก็ดี
ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดี ใครก็ตาม
อัตตะทีปา วิหะริสสันติ อัตตะสะระณา
อะนัญญะสะระณา
จักต้องมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ
ธัมมะทีปา ธัมมะสะระณา
อะนัญญะสะระณา
มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่
ตะมะตัคเคเมเต อานันทะ ภิกขุ
ภะวิสสันติ เย เกจิ สิกขากามาติ
อานนท์ ภิกษุพวกใด เป็นผู้ใคร่ในสิกขา
ภิกษุพวกนั้น จักเป็นผู้อยู่ในสถานะอันเลิศที่สุดแล
มหา. ที. ๑๐/๑๑๙/๙๓

บทสวด ปัจฉิมวาจา
หันทะ ทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว
ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนเธอทั้งหลายว่า
วะยะธัมมา สังขารา
สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ
เธอทั้งหลาย จงถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด...

มหา. ที. ๑๐/๑๘๐/๑๔๓..

07 - ธรรมวินัยคือศาสดา พึ่งตนพึ่งธรรม ปัจฉิมวาจา mp3



07 - ธรรมวินัยคือศาสดา พึ่งตนพึ่งธรรม ปัจฉิมวาจา mp3 พุทธวจน ฉบับ ๑๐ สาธยายธรรม วัดนาป่าพง ฟัง และ DOWNLOAD (MP3) http://watnapp.com/audio/view_categor...



วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2562

06 - บทสวด เพื่อผู้เจ็บไข้ ที่สุดแห่งทุกข์ อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ ก่อนนอน mp3

ที่มา Downmerng Ar

บทสวด เพื่อผู้เจ็บไข้
 ยังกัญจิ ภิกขะเว ทุพพะลัง คิลานะกัง
ปัญจะ ธัมมา นะ วิชะหันติ
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าธรรมห้าประการ
ไม่เว้นห่างไปเสีย จากคนเจ็บไข้
ทุพพลภาพคนใด
ตัสเสตัง ปาฏิกังขัง นะจิรัสเสวะ
ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาผู้นั้นพึงหวังได้
ต่อการไม่นานเทียว คือ
อาสะวานัง ขะยา อะนาสะวัง เจโตวิมุตติง
ปัญญาวิมุตติง
เขาจักกระทำให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติ
ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้
ทิฏเฐวะ ธัมเม สะยัง อภิญญา สัจฉิกัต๎วา
อุปะสัมปัชชะ วิหะริสสะติ
เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้
เข้าถึงแล้ว แลอยู่ต่อกาลไม่นานเทียว
กะตะเม ปัญจะ อิธะ ภิกขะเว ภิกขุ
ธรรมห้าประการนั้นเป็นอย่างไรเล่า
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
อะสุภานุปัสสี กาเย วิหะระติ
เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่งามในกาย
อาหาเร ปฏิกกูละสัญญี
เป็นผู้มีปกติสำคัญว่า ปฏิกูลในอาหาร
สัพพะโลเก อะนะภิระตะสัญญี
เป็นผู้มีปกติสำคัญว่า ไม่น่ายินดี
ในโลกทั้งปวง
สัพพะสังขาเรสุ อะนิจจานุปัสสี
เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยง
ในสังขารทั้งหลาย
มะระณะสัญญา โข ปะนัสสะ อัชฌัตตัง
สุปัฏฐิตา โหติ
มีสติอันตนเข้าไปตั้งไว้ดีแล้วในกาย
แล้วเห็นการเกิดดับภายใน
ยังกัญจิ ภิกขะเว ทุพพะลัง คิลานะกัง
อิเม ปัญจะ ธัมมา นะ วิชะหันติ
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมห้าประการ
ไม่เว้นห่างไปเสียจากคนเจ็บไข้
ทุพพลภาพคนใด
ตัสเสตัง ปาฏิกังขัง นะจิรัสเสวะ
ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาผู้นั้นพึงหวังได้
ต่อกาลไม่นานเทียว คือ
อาสะวานัง ขะยา อะนาสะวัง เจโตวิมุตติง
ปัญญาวิมุตติง
เขาจักกระทำให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติ
ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้
ทิฏเฐวะ ธัมเม สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัต๎วา
อุปะสัมปัชชะ วิหะริสสะตีติ
เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้
เข้าถึงแล้ว แลอยู่
ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๖๐/๑๒๑


บทสวด ที่สุดแห่งทุกข์
 เอต๎ถะ จะ เต มาลุงก๎ยะปุตตะ
ทิฏฐะสุตะมุตะวิญญาตัพเพสุ ธัมเมสุ
มาลุงก๎ยะบุตร ในบรรดาสิ่งที่ท่านได้เห็น
ได้ฟัง ได้รู้สึก ได้รู้แจ้งเหล่านั้น
ทิฏเฐ ทิฏฐะมัตตัง ภะวิสสะติ
ในสิ่งที่ท่านเห็นแล้ว
จักเป็นแต่เพียงสักว่าเห็น
สุเต สุตะมัตตัง ภะวิสสะติ
ในสิ่งที่ท่านฟังแล้ว
จักเป็นแต่เพียงสักว่าได้ยิน
มุเต มุตะมัตตัง ภะวิสสะติ
ในสิ่งที่ท่านรู้สึกแล้ว
จักเป็นแต่เพียงสักว่ารู้สึก
วิญญาเต วิญญาตะมัตตัง ภะวิสสะติ
ในสิ่งที่ท่านรู้แจ้งแล้ว
ก็จักเป็นแต่เพียงสักว่ารู้แจ้ง
ยะโต โข เต มาลุงก๎ยะปุตตะ
ทิฏฐะสุตะมุตะวิญญาตัพเพสุ ธัมเมสุ
มาลุงก๎ยะบุตร เมื่อใดแล
ในบรรดาธรรมเหล่านั้น
ทิฏเฐ ทิฏฐะมัตตัง ภะวิสสะติ
เมื่อสิ่งที่เห็นแล้ว สักว่าเห็น
สุเต สุตะมัตตัง ภะวิสสะติ
สิ่งที่ฟังแล้ว สักว่าได้ยิน
มุเต มุตะมัตตัง ภะวิสสะติ
สิ่งที่รู้สึกแล้ว สักว่ารู้สึก
วิญญาเต วิญญาตะมัตตัง ภะวิสสะติ
สิ่งที่รู้แจ้งแล้ว สักว่ารู้แจ้ง ดังนี้แล้ว
ตะโต ต๎วัง มาลุงก๎ยะปุตตะ นะ เตนะ
มาลุงก๎ยะบุตร เมื่อนั้น ตัวตนย่อมไม่มี
เพราะเหตุนั้น
ยะโต ต๎วัง มาลุงก๎ยะปุตตะ นะ เตนะ
ตะโต ต๎วัง มาลุงก๎ยะปุตตะ นะ ตัตถะ
มาลุงก๎ยะบุตร เมื่อใดตัวตนไม่มี
เพราะเหตุนั้น เมื่อนั้นตัวท่านก็ไม่มีในที่นั้นๆ
ยะโต ต๎วัง มาลุงก๎ยะปุตตะ นะ ตัตถะ
มาลุงก๎ยะบุตร เมื่อใดตัวท่านไม่มีในที่นั้นๆ
ตะโต มาลุงก๎ยะปุตตะ เนวิธะ
นะ หุรัง นะ อุภะยะมันตะเรนะ
เมื่อนั้นตัวท่านก็ไม่มีในโลกนี้
ไม่มีในโลกอื่น ไม่มีในระหว่างแห่งโลกทั้งสอง
เอเสวันโต ทุกขัสสาติ
นั่นแหละ คือ ที่สุดแห่งความทุกข์ ดังนี้
สฬา. สํ. ๑๘/๙๑/๑๓๓.


บทสวด อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ

กะถัญจะ อานันทะ อะริยัสสะ วินะเย
อะนุตตะรา อินท๎ริยะภาวะนา โหติ
อานนท์ อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ
ในอริยวินัย เป็นอย่างไรเล่า
อิธานันทะ ภิกขุโน จักขุนา รูปัง ทิส๎วา
อุปปัชชะติ มะนาปัง
อานนท์ ภิกษุในกรณีนี้ เพราะเห็นรูปด้วยตา
อารมณ์อันเป็นที่ชอบใจก็เกิดขึ้น
อุปปัชชะติ อะมะนาปัง
ไม่เป็นที่ชอบใจ ก็เกิดขึ้น
อุปปัชชะติ มะนาปามะนาปัง
เป็นที่ชอบใจและไม่เป็นที่ชอบใจ ก็เกิดขึ้น
โส เอวัง ปะชานาติ อุปปันนัง โข
เม อิทัง มะนาปัง
ภิกษุนั้นรู้ชัดอย่างนี้ว่า
อารมณ์อันเป็นที่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้วแก่เรานี้
อุปปันนัง อะมะนาปัง
ไม่เป็นที่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว
อุปปันนัง มะนาปามะนาปัง
เป็นที่ชอบใจและไม่เป็นที่ชอบใจ
ที่เกิดขึ้นแล้ว
ตัญจะ โข สังขะตัง โอฬาริกัง
ปะฏิจจะ สะมุปปันนัง
เป็นสิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่ง เป็นของหยาบๆ
เป็นสิ่งที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น
เอตัง สันตัง เอตัง ปะณีตัง
แต่มีสิ่งโน้นซึ่งรำงับและประณีต
ยะทิทัง อุเปกขาติ
กล่าวคือ อุเบกขา ดังนี้
ตัสสะ ตัง อุปปันนัง มะนาปัง
เมื่อรู้ชัดอย่างนี้ อารมณ์อันเป็นที่ชอบใจ
ที่เกิดขึ้นแล้ว
อุปปันนัง อะมะนาปัง
ไม่เป็นที่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว
อุปปันนัง มะนาปามะนาปัง
เป็นที่ชอบใจและไม่เป็นที่ชอบใจ
ที่เกิดขึ้นแล้ว
นิรุชฌะติ อุเปกขา สัณฐาติ
นั้นย่อมดับไป ส่วนอุเบกขายังคงดำรงอยู่
เสยยะถาปิ อานันทะ จักขุมา ปุริโส
อุมมิเลต๎วา วา นิมมิเลยยะ นิมมิเลต๎วา
วา อุมมิเลยยะ เอวะเมวะ โข อานันทะ
ยัสสะกัสสะจิ เอวัง สีฆัง เอวัง ตุวะฏัง
เอวัง อัปปะกะสิเรนะ อุปปันนัง มะนาปัง
อุปปันนัง อะมะนาปัง อุปปันนัง มะนาปามะนาปัง
นิรุชฌะติ อุเปกขา สัณฐาติ
อานนท์ อารมณ์อันเป็นที่ชอบใจ ไม่เป็นที่
ชอบใจ เป็นที่ชอบใจและไม่เป็นที่ชอบใจ
อันบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น ย่อมดับไปเร็ว
เหมือนการกระพริบตาของคน ส่วนอุเบกขา
ยังคงดำรงอยู่
อะยัง วุจจะตานันทะ อริยัสสะ วินะเย
อะนุตตะรา อินท ๎ริยะภาวะนา
จักขุวิญเญยเยสุ รูเปสุ
อานนท์ นี้แล เราเรียกว่า อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ
ในอริยวินัย ในกรณีแห่งรูป ที่รู้แจ้งด้วยจักษุ
(ผู้สวดพึงพิจารณาอนุโลมตามในกรณีแห่งอินทรีย์ คือ โสตะ, ฆานะ, ชิวหา, กายะ และมโน)
อุปริ. ม. ๑๔/๕๔๑/๘๕๖


บทสวด ก่อนนอน
สะยานัสสะ เจปิ ภิกขะเว ภิกขุโน
ชาคะรัสสะ
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุนอนตื่นอยู่
อุปปัชชะติ กามะวิตักโก วา
พ๎ยาปาทะวิตักโก วา วิหิงสาวิตักโก วา
ถ้ามีกามวิตก พยาบาทวิตก
หรือวิหิงสาวิตกเกิดขึ้น
ตัญจะ ภิกขุ นาธิวาเสติ ปะชะหะติ
วิโนเทติ พ๎ยันตีกะโรติ
และภิกษุนั้นก็ไม่รับเอาวิตกเหล่านั้นไว้
อะนะภาวัง คะเมติ
แต่สละทิ้งไป ถ่ายถอนออก
ทำให้สิ้นสุดลงไปจนไม่มีเหลือ
สะยาโนปิ ภิกขะเว ภิกขุ ชาคะโร เอวังภูโต
อาตาปี โอตตัปปี สะตะตัง สะมิตัง
อารัทธะวิริโย ปะหิตัตโตติ วุจจะตีติ
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เป็นอย่างนี้
แม้กำลังนอนตื่นอยู่ ก็เรียกว่า
เป็นผู้ปรารภความเพียร
รู้สึกกลัว (ต่อบาปอกุศล)
อุทิศตนในการเผากิเลสอยู่เนืองนิตย์
ตัสสะ เจ อานันทะ ภิกขุโน อิมินา
วิหาเรนะ วิหะระโต
อานนท์ ถ้าเมื่อภิกษุนั้นอยู่ด้วยวิหารธรรมนี้
สะยะนายะ จิตตัง นะมะติ
จิตน้อมไปเพื่อการนอน
โส สะยะติ เอวัง มัง สะยันตัง
นาภิชฌาโทมะนัสสา ปาปะกา อะกุสะลา
ธัมมา อันวาสสะวิสสันตีติ
ภิกษุนั้นก็นอนด้วยการตั้งจิตว่า
อกุศลธรรมอันเป็นบาปทั้งหลาย
คือ อภิชฌาและโทมนัส
จักไม่ไหลไปตามเราผู้นอนอยู่
ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้
อิติหะ ตัตถะ สัมปะชาโน โหติ
ในกรณีอย่างนี้ ภิกษุนั้นชื่อว่า
เป็นผู้มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
ในกรณีแห่งการนอนนั้น
จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๘/๑๑.
อุปริ. ม. ๑๔/๒๓๘/๒๔๘


06 - บทสวด เพื่อผู้เจ็บไข้ ที่สุดแห่งทุกข์ อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ ก่อนนอน mp3



06 - บทสวด เพื่อผู้เจ็บไข้ ที่สุดแห่งทุกข์ อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ ก่อนนอน mp3 พุทธวจน ฉบับ ๑๐ สาธยายธรรม วัดนาป่าพง ฟัง และ DOWNLOAD (MP3) http://watnapp.com/audio/view_categor...