https://www.youtube.com/watch?v=Fytzq9IANVY&feature=youtu.be
Published on Apr 3, 2014
ooo
"เพื่อไทย" ออกแถลงการณ์ชี้ศาลวินิจฉัยนายกฯพ้นตำแหน่งซ้ำสองไม่ได้
ที่มา เดลินิวส์
ยกคดี “อภิสิทธิ์” เทียบเคียงศาลยกคำร้องเพราะยุบสภาฯแล้ว เตือน ศาลตัดสินขัดความรู้สึกปชช.ไม่ยอมรับ
วันศุกร์ 4 เมษายน 2557 เวลา 13:33 น.
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายจารุพงศ์
เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรค นายวิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม
เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายโภคิณ พลกุล นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ และนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.เพื่อไทย
ร่วมอ่านแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยต่อกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน
ส.ว.สรรหาร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพนายกรัฐมนตรี
โดยนายโภคิน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่า
การยื่นคำร้องและการรับคำร้องไว้พิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมีนัยทางการเมือง
แอบแฝงเพื่อหวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในการตั้งนายกฯ
คนนอกหรือนายกนอกรัฐธรรมนูญ
ซึ่งพรรคเห็นว่าไม่อาจกระทำได้จึงมีความเห็นต่อกรณีดังกล่าว
ดังนี้ 1.การที่นายกฯใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี
เป็นการใช้อำนาจตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ในฐานะที่นายกฯ
เป็นผู้บังบัญชาไม่ใช่การก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งโดยที่ตนเองไม่มีอำนาจ
ตามกฎหมาย
ซึ่งอำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิลนั้นศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาไว้
ชัดเจนว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกฯ ตามกฎหมายเพียงแต่ศาลเห็นว่า
การแต่งตั้งเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบเท่านั้น
แต่ไม่ใช่การก้าวก่ายแทรกแซง
นายโภคิน กล่าวอีกว่า 2.
ตามคำร้องนอกจากได้มีคำขอให้วินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงแล้วยัง
ขอให้วินิจฉัยให้
ครม.ทั้งคณะสิ้นสุดลงและขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้มีการแต่งตั้งนายกฯคน
ใหม่ตาม มาตรา 172 และ 173 โดยอนุโลมด้วย ซึ่งเห็นได้ว่า
คำขอดังกล่าวเป็นคำขอที่นอกรัฐธรรมนูญ
ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจวินิจฉัยได้หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามคำขอ
เท่ากับศาลรัฐธรรมนูญฉีกรัฐธรรมนูญ และ กระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญเสียเอง
ไม่ต่างกับการใช้อำนาจตุลาการทำการรัฐประหาร
นายโภคิน กล่าวอีกว่า 3. เมื่อนายกฯ
และครม.พ้นจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 (2)
เพราะเหตุมีการยุบสภาฯแล้ว เพียงแต่รัฐธรรมนูญฯมาตรา 181 กำหนดให้
ครม.ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
เพื่อรอครม.ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่เท่านั้นจึงไม่มีเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญจะ
วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงซ้ำอีกได้
เพราะผลก็คือการทำให้
ครม.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งซึ่งปัจจุบันก็พ้นไปแล้วเนื่องจากการยุบสภาฯ เทียบ
กับกรณีที่มีการร้องให้วินิจฉัยความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
สิ้นสุดลง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญให้จำหน่ายคดี โดยวินิจฉัยว่า ความเป็น
ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ สิ้นสุดลงแล้ว เพราะการยุบสภาฯ
นายโภคิน กล่าวอีกว่า 4.
แม้จะมีการวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯสิ้นสุดลงย่อมไม่มีผลกระทบ
ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีคนอื่น ๆ รองนายกฯ
ย่อมปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ
ต่อไปได้ดังที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้ในคำวินิจฉัย
ที่ 12-13/2551 กรณีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี
ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า แม้ความเป็นนายกฯ ของนายสมัครฯ
จะสิ้นสุดลงเฉพาะตัว
แต่รัฐมนตรีที่เหลือย่อมต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามมาตรา 181 และ 5.
การจะนำมาตรา 172และ 173 มาใช้เพื่อให้มีการแต่งตั้งนายกฯคนใหม่โดยอนุโลม
ในขณะนี้นั้นไม่อาจทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า
นายกฯต้องเป็นส.ส.และมีกระบวนการแต่งตั้งได้ให้ความเห็นชอบโดยที่ประชุม
ส.ส.ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้การจะได้นายกฯคนใหม่จึงต้องผ่านกระบวนการ
เลือกตั้งและมีสภาผู้แทนราษฎรแล้วเท่านั้น
“ ด้วยเหตุดังที่กล่าวมาข้างต้นพรรคจึงเห็นว่า
ศาลรัฐธรรมนูญควรยึดมั่นในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและตัดสินให้เป็นไปด้วย
ความถูกต้องยุติธรรมไม่ตัดสินเพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
โดยวิถีทางนอกรัฐธรรมนูญ
เพราะหากกระทำการไปโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญและขัดต่อความรู้สึกของประชาชน
แล้วประชาชนย่อมไม่อาจยอมรับได้ ” นายโภคิน กล่าว
เมื่อถามว่า วุฒิสภาที่เหลืออยู่สามารถใช้อำนาจตามมาตรา 3
ได้หรือไม่ นายโภคิน กล่าวว่า มาตรา 3 เขียนไว้ว่า
อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนั้น พูดง่าย ๆ
คือผ่านทางรัฐสภา นายกรัฐมนตรี และศาล ก็ต้องไปดูว่า
ทางรัฐสภาใช้อย่างไรหรือทางศาลใช้อย่างไร
รัฐธรรมนูญบอกไว้หมดว่าจะต้องทำอย่างไร ดังนั้นการจะนำมาตรา 7
มาใช้ในรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้ มาตรา 7 นั้นเขียนไว้ในยุคแรก ๆ
ในธรรมนูญการปกครอง สมัยจอมพลสฤษดิ์
ธนะรัตน์และเขียนไว้ว่าสำหรับอุดช่องว่าง
ซึ่งการอุดช่องว่าศาลฎีกาตีความไว้
คือให้อุดช่องว่างโดยให้เป็นไปตามประเพณีในระบอบประชาธิปไตยนั่นคือนายกฯ
ต้องมาจากส.ส. หากบอกว่า นายกมาจากใครก็ได้แบบนี้จะไม่ขัดมาตรา 7
เสียเองหรือ
เมื่อถามต่อว่า
นักวิชาการบางกลุ่มมีความเห็นว่าอย่างไรก็เปิดรัฐสภาไม่ได้ให้ใช้วุฒิสภาที่
เหลืออยู่ดำเนินการตามมาตรา 3 ในส่วนของสภานิติบัญญัติ
แล้วเลือกนายกฯตามมาตรา 7 นายโภคิน กล่าวว่า มาตรา 3
เขาพูดหลักแต่การจะเลือกนายกฯเขามีรายละเอียดอยู่ในมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง
ถ้าเราไม่ถืออย่างนี้ก็แปลว่ามาตราอื่นไม่มีผลบังคับใช้อย่างนั้นหรือแต่
วันนี้ไม่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ไปทำให้มีเสีย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า
หากเป็นไปตามที่พรรคเพื่อไทยคาดการณ์พรรคได้มีการประชุมเพื่อหารือเตรียมการ
รับมืออย่างไรบ้าง นายโภคิน กล่าวว่าเราก็ประชุมปรึกษากันไปเรื่อย ๆ
เราพยายามบอกมาตลอด ว่า เดี๋ยวจะเป็นอย่างนี้
บางคนถึงขนาดมีการโพสว่านอนแล้วฝันอย่างนั้น อย่างนี้ก็ตรงหมด
บ้านเมืองมันไปถึงขนาดนี้ได้อย่างไรพวกเราหัวใจเจ็บช้ำหมดเพราะถูกรังแก
แล้วไม่คิดว่า
เฉพาะเพื่อไทยแต่ประชาชนทั้งหมดที่สุจริตที่อยากเห็นประเทศเดินหน้าโดยการ
เลือกตั้งบนพื้นฐานของการรับฟังประชาชนทุกคนก็เจ็บช้ำ
เมื่อถามว่า
พรรคเพื่อไทยพร้อมยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่นายโภคิน
กล่าวว่า
ยังไม่มีครั้งใดที่รัฐบาลหรือพรรคไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลแม้แต่คำ
วินิจฉัยที่เราคิดว่าไม่ถูกต้องเราก็ยอมรับ เพราะเราอยากเห็นสันติสุข
ทั้งนี้ สำหรับการเกิดสุญญากาศ
หากเกิดโดนอุบัติเหตุหรือเพราะมนุษย์สร้างให้มันเกิด ก็จะมีการสร้างแล้ว
สร้างอีก.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น