เมืองโดเนตสค์ และเมืองคาร์คิฟ
สองเมืองใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของยูเครน
ได้ประกาศเอกราชและไม่ยอมรับอำนาจจากรัฐบาลกลางของยูเครนแล้ว
พร้อมเตรียมทำประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครนในเร็วๆนี้
กลุ่มผู้ประท้วงชาวยูเครนซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนรัสเซียในเมืองคาร์คิฟ
ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน
ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยูเครน
หลังจากที่พวกเขาพยายามบุกยึดเข้าไปในสถานที่ของทางราชการ โดยมีรายงานว่า
ผู้ประท้วงได้ใช้ระเบิดขวดขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่
พร้อมกับจุดไฟบริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานหลายแห่ง
เพื่อให้ควันไฟช่วยอำพรางพวกเขาจากตำรวจ ขณะที่
ตำรวจก็พยายามกดดันให้กลุ่มผู้ประท้วง ออกจากสถานที่ดังกล่าว แต่ไม่เป็นผล
จนท้ายที่สุด ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่ง
สามารถบุกยึดสถานที่ราชการหลายแห่งในเมืองคาร์คิฟเอาไว้ได้
หลังจากนั้น แกนนำการประท้วงก็ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า ต่อจากนี้
เมืองคาร์คิฟจะไม่ขอรับอำนาจจากทางการยูเครนอีกต่อไป
เนื่องจากคาร์คิฟมีฐานะเป็นรัฐเอกราช และมีชื่อเต็มว่า
"สาธารณรัฐประชาชนแห่งคาร์คิฟ" ท่ามกลางกลุ่มผู้ประท้วงอีกเป็นจำนวนมาก
ที่โห่ร้องแสดงความดีใจอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองคาร์คิฟนั้น
ไม่ต่างอะไรกับที่เกิดขึ้นในเมืองโดเนตสค์ เมื่อช่วงค่ำของวานนี้
ตามเวลาในประเทศไทย โดยชาวยูเครนฝ่ายสนับสนุนรัสเซียในเมืองโดเนตสค์
ได้ทำการประท้วงต่อต้านรัฐบาลยูเครน
พร้อมกับเข้าบุกยึดสถานที่ราชการหลายแห่ง
บางแห่งมีการนำธงชาติรัสเซียไปผูกเอาไว้
เพื่อแสดงให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ของการไม่ยอมรับอำนาจจากรัฐบาลกลางยูเครน
หลังจากนั้น ก็มีการประกาศตัวเป็นเอกราช และกำหนดให้เมืองโดเนตสค์ เป็น
"สาธารณรัฐประชาชนแห่งโดเนตสค์"
โดยแกนนำของการประท้วงในเมืองโดเนตสค์นั้น ได้ประกาศให้วันที่ 11
พฤษภาคมนี้ เป็นวันทำประชามติ แยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครน
ส่วนที่ในเมืองคาร์คิฟนั้น ก็มีการประกาศในลักษณะเช่นเดียวกัน
แต่ยังไม่ได้ระบุว่า การทำประชามติ จะเกิดขึ้นในวันใด
ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ในเมืองลูฮานสค์ ประชาชนจำนวนมาก
ได้เข้าบุกยึดสถานที่ราชการเช่นเดียวกัน
โดยยูเครนได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปปราบปราม และควบคุมฝูงชน
แต่ยังไม่มีรายงานการประกาศตัวเป็นเอกราชจากยูเครนแต่อย่างใด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้รักษาการประธานาธิบดี
และนายกรัฐมนตรีของยูเครน ต้องยกเลิกกำหนดการทั้งหมด
รวมถึงการเดินทางเยือนต่างประเทศ เพื่อจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น
พร้อมกับเรียกประชุมด่วน บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทั้งหมด
ทางด้านของนายโอเล็กซานเดอร์ เทอร์ชีนอฟ รักษาการประธานาธิบดียูเครน
ก็ออกแถงการณ์กล่าวโทษรัสเซีย
ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายเมืองใหญ่ทางฝั่งตะวัน
ออกของยูเครน พร้อมกับชี้ว่า รัสเซียพยายามที่จะตัดแขนตัดขายูเครน
ด้วยการค่อยๆกลืนเมืองที่อยู่ติดกับพรมแดนของตนไปเรื่อยๆ
หลังจากที่รัสเซียได้ผนวกรวมไครเมีย เป็นส่วนหนึ่งของประเทศตนไปแล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ ท่ามกลางความกังขา และเสียงต่อต้านจากชาติยุโรปและสหรัฐฯ
ขณะที่ นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ
ก็ได้โทรศัพท์สายตรงถึงนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย
เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับตำหนิว่า
รัสเซียไม่ยอมทำตามคำมั่นที่ได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ ว่าจะไม่กระทำการอันใด
ที่เข้าข่ายการรุกรานอำนาจอธิปไตยของยูเครน นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯ
ก็ยังเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการหารือด่วน ระหว่างสหรัฐฯ รัสเซีย ยูเครน
และสหภาพยุโรป โดยคาดว่า การหารือดังกล่าว จะจัดขึ้นภายใน 10 วันนี้
8 เมษายน 2557 เวลา 07:38 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น