ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
เป็น
ความคืบหน้าไปอีกขั้น
และเป็นเสมือนสัญญาณความเป็นธรรมสำหรับญาติมิตรของผู้สูญเสียในเหตุการณ์ 99
ศพ เมื่ออัยการมีคำสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ
เทือกสุบรรณ
ในข้อหาร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
อัน
เนื่องจากการที่ศอฉ.มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน
ในปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ชุมนุม ในระหว่างเมษายน-พฤษภาคม 2553
โดยเป็นการใช้อาวุธเกินกว่าความจำเป็น เป็นเหตุให้ประชาชนตายและบาดเจ็บจำนวนมาก
นี่เท่ากับเป็นการสั่งฟ้องในสำนวนคดีอาญา เป็นการนำคดี 99 ศพขึ้นพิจารณาในศาลแล้ว!
หลัง
จากก่อนหน้านี้ดีเอสไอ ได้เริ่มต้นรวบรวมพยานหลักฐาน
ทำเป็นสำนวนไต่สวนชันสูตรศพผู้เสียชีวิต ทีละราย
จนกระทั่งศาลได้มีคำสั่งผลไต่สวนชันสูตรศพดังกล่าวว่าเสียชีวิตด้วยการกระทำ
ของเจ้าหน้าที่ศอฉ. จำนวน 14 รายแล้ว
จากนั้นเมื่อส่งสำนวนกลับมายัง
พนักงานสอบสวน จึงได้รวบรวมเป็นสำนวนคดีอาญา ตั้งเป็นข้อหาร่วมกัน
ก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล
ก่อนนำสำนวนเสนอต่ออัยการเพื่อพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลหรือไม่
ในที่สุดอัยการก็มีคำสั่งเรียบร้อยแล้ว
นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ จะต้องขึ้นสู่ศาลในฐานะจำเลยคดีประวัติศาสตร์
เป็นคดีที่ถูกกล่าวหาว่าออกคำสั่งจนเป็นเหตุให้ประชาชนผู้ชุมนุมทางการเมืองเสียชีวิตมากที่สุดในทุกเหตุการณ์ ในไทย
99 ศพ บาดเจ็บกว่า 2 พัน
แม้บุคคลทั้ง 2 จะอ้างมาตลอดว่า ผู้ชุมนุมใช้อาวุธ มีชายชุดดำ
แต่คำกล่าวอ้าง มีคลิปและภาพที่ไม่อาจยืนยันได้ชัดเจน!!
อีกทั้งยังไม่มีศพใดเลยในหมู่ผู้เสียชีวิต ที่มีอาวุธปืนอยู่ในมือ ไม่มีชายชุดดำ
แต่ในสำนวนการไต่สวนมีชัดเแล้ว 14 รายที่ระบุ ได้ว่า ตายด้วยปืนเจ้าหน้าที่ศอฉ.
ในจำนวนนี้มี 6 ศพวัดปทุมฯด้วย!
ทุกอย่างเป็นขั้นตอนตามกระบวนการกฎหมายและเป็นไปตามพยานหลักฐาน
กระบวนการในสภาจะเกิดพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เหมาเข่งได้หรือไม่ ยังสรุปไม่ได้
แต่กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไปถึงขั้น นำคดี 99 ศพขึ้นศาลแล้ว
ความจริงนับวันยิ่งกระจ่างชัด ด้วยกระบวนการกฎหมาย
คนตายถูกปืนเจ้าหน้าที่โดยมีพยานหลักฐาน ไม่ใช่แค่วาทกรรมโทษชายชุดดำ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น