ศิวพร อ่องศรี
ผ่าน ไปแล้วสำหรับการจัดงาน "This is My Future 2013 : 9 สุดยอดคลังสมองประเทศไทย เตรียมคนไทยไปเวทีโลก" จัดโดยมูลนิธิไทยคม เพื่อเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยตรงกับมืออาชีพจาก 9 สาขาวิชาชีพชั้นนำของเมืองไทย ให้ความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มของอาชีพที่เป็นที่ต้องการของไทยและตลาดโลก เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจด้านการเรียนและอาชีพแก่เยาวชน
เริ่ม ต้นที่ พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองประธานกรรมการมูลนิธิไทยคม และผอ.ใหญ่ โรงเรียนดรุณสิกขาลัย บอกว่า การศึกษาทางเลือกเป็นแนวทางที่สำคัญในต่างประเทศ เพราะนอกจากมีการศึกษาในห้องเรียนแล้วยังต้องแบ่งเวลาประมาณร้อยละ 40 เพื่อส่งเสริมการศึกษาทางเลือกที่ทำให้ผู้เรียนได้ค้นพบตนเอง การจัดการศึกษาจะต้องเปิดรับความร่วมมือจากภาคเอกชนด้วย เพื่อผลิตคนที่ตรงความต้องการตลาดงานอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกันก็ต้อง อาศัยความร่วมมือจากครอบครัวในการรับผิดชอบเลี้ยงดูเยาวชน เพราะปัจจุบันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การศึกษาก็ต้องเปลี่ยน เด็กต้องสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง รู้จักเรียนรู้กันเป็นกลุ่มหรือเป็นทีมจนเกิดเป็นนิสัยใฝ่เรียนรู้ไปตลอด ชีวิต
ขณะที่ อนันต์ อัศวโภคิน ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แนะนำว่า อยากให้พ่อแม่เริ่มฝึกนิสัยให้เยาวชนตั้งแต่ที่บ้าน ผ่าน 5 ห้องในบ้าน คือ 1.ห้องนอน ฝึกทำใจให้ว่าง คือ การฝึกสวดมนต์และนั่งสมาธิก่อนนอน การล้างใจที่เจออะไรมาทั้งวันให้สะอาดเพื่อจะนอนหลับได้อย่างเต็มที่ เมื่อตื่นนอนก็ตื่นเป็นเวลา คือ มีวินัยในการตื่น ฝึกให้รู้จักการตรงต่อเวลา 2.ห้องน้ำ เป็นการฝึกให้ประหยัดน้ำ ฝึกความเกรงใจ และรักษาเวลาในการเข้าห้องน้ำ และฝึกให้ล้างห้องน้ำให้เป็น เราจะต้องล้างห้องน้ำให้เป็น ซึ่งเป็นการฝึกทำให้ไม่ดูถูกคน เพราะงานที่สกปรกอย่างไรเราก็ทำได้ ทำให้เป็นคนไม่เลือกงานและไม่ดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่า
3.ห้องอาหาร ฝึกให้มีการแบ่งปันและรู้จักเสียสละให้กับผู้ที่มีอาวุโสมากกว่า และรับประทานหมดจานเป็นการฝึกให้รู้จักมีมารยาท 4.ห้องแต่งตัว คือการฝึกให้รู้จักแต่งตัวให้พอประมาณตามกำลังทรัพย์ และ 5.ห้องทำงาน เป็นการฝึกจัดลำดับความสำคัญอะไรก่อนอะไรหลัง ทั้ง 5 ห้อง เป็นการฝึกให้รักษาความสะอาด ฝึกให้มีระเบียบวินัย ฝึกให้เราตรงต่อเวลา ฝึกให้เราเป็นคนสุภาพ และฝึกสมาธิและฝึกใจเราให้สะอาด
ส่วนมุมมองของ ประธานกรรมการบริหารธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย แนะนำว่า ธุรกิจการเงินเป็นอาชีพที่ตื่นเต้น ต้องตื่นตัวตลอดเวลา มีนิสัยขวนขวายหาความรู้ รู้จักทำงานเป็นทีม และเยาวชนต้องรู้จักศึกษาก้าวให้ทันเทคโนโลยี ใฝ่เรียนรู้ และต้องรู้จักจัดการแยกแยะข้อมูลข่าวสารจำนวนมากว่าสิ่งใดสำคัญมากน้อยเพียง ใด
สมประสงค์ บุญยะชัย ประธานคณะกรรมการบริหารกลุ่มอินทัช พูดถึงธุรกิจโทรคมนาคมว่า ต้องอาศัยนวัตกรรมทางความคิด ในการพัฒนาบริการใหม่ๆ ให้แตกต่าง จึงจำเป็นต้องเปิดตัวเองให้กว้าง และพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
สำหรับกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด อย่าง ทศ จิราธิวัฒน์ บอกว่า ทุกวันนี้ธุรกิจค้าปลีกมีการเปลี่ยน แปลงที่รวดเร็วมาก เมื่อทำวันนี้ก็สามารถเห็นผลได้ในวันนี้ เป็นงานที่ต้องมีความคล่องแคล่วว่องไว ต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้เปรียบเทียบว่า น้ำหากมีความนิ่งไม่หมุนเวียนและถ่ายเทก็อาจจะกลายเป็นน้ำเน่า ซึ่งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะต้องมีการขยายวงออกไปได้กว้างขวาง ขอให้มีความตั้งใจที่ดี รู้จักปรับตัวเอง จากร้านกาแฟเล็กๆ ในอนาคตก็อาจขยายกิจการไปกว้างขวางได้
ด้านผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ศิตชัย จีระธัญญาสกุล กล่าวถึงการทำงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า ต้องมีความเกี่ยวข้องกับการเรียนหลายสาขา ตั้งแต่วิศวกรรมศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ บัญชี การตลาด การขาย เป็นต้น ดังนั้นจะต้องมีทักษะภาษาอังกฤษดี คล่องตัวในการทำงาน และทำงานเป็นทีมได้
พญ.พักตร์ พิไล ทวีสิน ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงาม และผู้บริหาร เอส เมดิคอล คลินิก แนะนำเด็กและเยาวชนว่า ต้องรู้จักขวนขวายหาความรู้ และถามตัวเองให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ แต่ต้องถามว่าทำไมและอย่างไรด้วย อีกทั้งควรใช้เวลาว่างในการดู ฟัง และอ่าน พร้อมทำความเข้าใจและประมวลวิธีคิด ที่สำคัญทุกคนต้องกล้าคิดและค้นหาคำตอบ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญญา
ส่วน ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ มองว่า เด็กเป็นอนาคตของประเทศ เพราะในวันข้างหน้า จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้มีความเจริญก้าวหน้า สิ่งสำคัญที่เด็กๆ จะต้องจำไว้ คือ ต้องมีความกตัญญู รู้จักตอบแทนบุญคุณ และรู้จักเสียสละ
"ปัจจุบันนี้โลกมีการเปลี่ยน แปลงตลอดเวลา หากคนไทยไม่ขยันที่จะติดตามข่าวสาร ก็จะเป็นประเทศที่ล้าหลัง ดังนั้น เราควรที่จะปรับตัวให้ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ ที่สำคัญ คือ มีวิกฤตก็ย่อมมีโอกาส และโอกาสมาพร้อมกับวิกฤตเสมอ ขอให้หมั่นศึกษาข้อมูลความเคลื่อนไหวของโลกให้มากขึ้น เพื่อตั้งรับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทันที"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น