ที่มา go6tv
วันที่ 27 ตุลาคม 2556 (go6TV) - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว https://www.facebook.com/thaksinofficial โดยมีข้อความดังนี้
Turn My Exile to Learning Period (3)
หายไปหลายวันครับ
เพราะ
หลังจากกลับจากเกาหลีก็ไปแวะสิงคโปร์
ขณะที่อยู่สิงคโปร์ก็มีเพื่อนที่เป็นเจ้าของท่าเรือที่ใหญ่มากของมาเลเซีย
เป็นคู่แข่งโดยตรงกับท่าเรือสิงคโปร์
มาเชิญผมไปเยี่ยมดูกิจการของเขาเพื่อขอคำแนะนำในการขยายกิจการ
เขาได้รับสัมปทานที่ดินผืนใหญ่ติดทะเลจากรัฐบาลดร.มหาเธร์เมื่อปี 1994
และมาเจอวิกฤติเศรษฐกิจปี 1997 พร้อมเรา (2540) ต่อมาโชคดี ได้บริษัท
MAERSK ที่เป็นบริษัทเดินเรือใหญ่อันดับหนึ่งของโลกเข้ามาถือหุ้น
เขาจึงแย่งลูกค้าจากสิงคโปร์ได้มาก
ปัจจุบัน
มีปริมาณสินค้าขึ้นลงอยู่ที่ 8 ล้าน TEU
(หน่วยนับสินค้าที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ความยาว 20 ฟุต) มากกว่าท่าเรือไทย
2 เท่า แต่ก็ยังน้อยกว่าสิงคโปร์ ปรากฎว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าผ่านไม่ได้
เป็นสินค้าที่ลง ณ ประเทศมาเลเซียอย่างเดียว ที่สิงคโปร์ก็เช่นกัน
ผมหันไปมองฝั่งสิงคโปร์เรือเข้าคิวยาวเป็นวันๆ แต่ฝั่งมาเลเซียไม่มีคิวเลย
เพราะเป็นท่าเรือที่ใหญ่มาก ปัจจุบันมีอยู่ 12 berths และกำลังจะขยายเป็น
15 berths
ที่
เล่าให้ฟังก็เพราะว่า
อยากจะบอกว่าเขากล้ามากที่กล้าชนกับสิงคโปร์ที่ผูกขาดการขนส่งทางทะเลมานาน
แต่ที่กล้าเพราะรัฐบาลมาเลเซียแบ็คเขาเต็มที่
และสถานที่ทำท่าเรือตอนนี้ก็ตรงกับตำราที่ว่า ทำเล ทำเล ทำเล (Location Location and Location นั่นเองครับ) นอกจากการเป็นท่าเรือแล้ว เขายังเป็น Free Zone
ที่มีการมาตั้งโรงงานประกอบรถยนต์บ้าง สินค้าหนักบ้าง
แล้วส่งไปขายยังประเทศอื่น รวมทั้งเขาอยากให้ทำปิโตรเคมี
ที่เก็บน้ำมันและโรงกลั่นแข่งกับสิงคโปร์เต็มที่
ความกล้าของเขาทำให้ลีกวนยูเคยนำเรื่องเขาไปพูดในสภาว่า
ท่าเรือสิงคโปร์ต้องไม่แพ้ไอ้เด็กลูกชาวนาภาคเหนือของมาเลเซียคนนี้
ผมไปเสร็จ ผมถึงบางอ้อเลยว่าทำไมความพยายามสร้างคอคอดกระหรือแม้กระทั่งไม่ขุดเป็นคลองแต่ทำเป็นเหมือนสะพานบกเชื่อม 2 ฝัง (Land Bridge) ตะวันตก(อันดามัน) มาตะวันออก(อ่าวไทย) จึงไม่เกิดซักที เพราะถ้าเกิดท่า
เรือทั้งสิงคโปร์และมาเลเซียแห้งตายทั้งคู่ เพราะสินค้าที่เป็นสินค้าผ่าน
(Transhipment) จะไม่ไปทางใต้แน่
รวมทั้งน้ำมันเพราะประหยัดการเดินทางอย่างน้อย 8 วัน
มันบอกอะไรให้รู้อย่างหนึ่งว่าประเทศไทยของเราอยู่มาอย่างไม่ค่อยจะมี
ยุทธศาสตร์ เราแก้ปัญหาวันต่อวัน เราไม่ค่อยคิดอะไรเป็น Long Term
เพราะการเมืองเราไม่พัฒนา มีการทะเลาะเบาะแว้ง รัฐบาลจะอยู่สั้น
ก็เลยไม่มีข้าราชการ องค์กรรัฐ เอกชนก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรที่เป็น Long Term
อย่างมียุทธศาสตร์ สงสัยคงต้องมีหลักสูตรหมากรุกสากลในโรงเรียนเสียแล้ว
เพราะจะสอนให้เด็กได้คิดวิธีเดินแบบมียุทธศาสตร์ มีสมาธิ และรู้เขา รู้เรา
วันนี้
เรารู้เรายังน้อย แต่รู้โลกรู้ภูมิภาคยิ่งน้อยไปอีก
เราอยู่ในโลกของการแข่งขัน ถึงแม้เราจะบอกว่าเราไม่แข่งกับใคร
เขาก็บอกว่าโลกมันเชื่อมโยงกันหมดแล้ว คน สินค้า เงินทอง ข้อมูลข่าวสาร
ความรู้ มันไม่หยุดนิ่ง มันเดินทางไปได้ทั่วโลก คุณไม่แข่งผมก็จะแข่งกับคุณ
นี่คือความจริงของโลกปัจจุบันครับ
ผม
ขอให้ระดับประเทศ ระดับองค์กรในประเทศน้อยใหญ่
ทั้งรัฐและเอกชนต้องอยู่อย่างมียุทธศาสตร์ จึงจะเอาตัวรอดในโลกใหม่ครับ
ขอให้โชคดีเป็นของคนไทยและประเทศไทยครับ
เครดิตรูป : alternatehistory.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น