ผู้ เขียนขอออกตัวก่อนว่า มิปรารถนาพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอยด้วยเหตุผลคือไม่ต้องการล้างผิดให้ กับ”ฆาตกร” แต่จากการเป็นคนนอกที่เฝ้ามองและเฝ้าเชียร์ขบวนการเสื้อแดงอยู่ห่างๆและ เอาใจช่วยเสมอรวมทั้งเป็นคนหนึ่งที่เลือกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งที่ผ่าน มา จะดีจะชั่วด้วยเหตุผลเดียวคือ ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร เป็นเหตุผลเดียวที่ยังคงเลือกเพื่อไทยแม้จะกล้ำกลืนฝืนทนกับพฤติกรรมห่วยๆ ทัศนะแย่ๆของบุคลากรทั้งหลายทั้งแหล่ที่ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองที่ไม่ ค่อยจะได้เรื่อง หรือหลงทิศผิดทางกันก็บ่อย
ผู้เขียนถือว่า การเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับพรรคการเมือง ทักษิณ และคนจำนวนมากมีจุดร่วมเดียวกันคือต้านอำนาจนอกระบบและผลพวงของการรัฐประหาร และคิดแทนใครหลายๆคนที่ออกไปสู้รบ บาดเจ็บ ล้มตาย รวมทั้งถูกจับกุมคุมขังว่าเขาและเธอเหล่านั้นมีจุดร่วมทางความคิดเช่นเดียว กัน และเป็นการตาย บาดเจ็บ เพื่อให้เกิดรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อให้เกิดอำนาจรัฐที่เราบอกใครต่อใครในเวลานั้นได้เต็มปากเต็มคำว่า เป็นรัฐบาลที่เราเลือกมากับมือและได้รับชัยชนะท่วมท้นให้เป็นรัฐบาล ถึงขนาดพูดกันว่าเลือกกี่ครั้งกี่ครั้งก็ยังได้เป็นรัฐบาล
หลังได้ เป็นรัฐบาลแล้ว การเดินทางของคนเสื้อแดงกับรัฐบาลต่างประนีประนอมและประคองซึ่งกันและกันบาง ครั้งทุลักทุเล บางคราวพูดไม่ออก ประชาชนจำนวนมากรู้และเข้าใจ อำนาจโครงสร้างส่วนบนของสังคมไทย เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง แต่มีกฎหมายคอยปิดกั้น และไล่ล่ากลุ่มคนที่เห็นต่าง ความเป็นรัฐบาลในโครงสร้างเก่า จึงเลือกที่จะไม่แตะบ่วงที่รัดคอผู้คน อาจเพราะกลัวว่าบ่วงจะมารัดคอตัวเอง
มาจนถึงเวลานี้ มี พรบ.นิรโทษกรรม”สุดซอย”เกิดขึ้น ด้วยความเป็นกองเชียร์ดีเด่นมาตลอดจึงแอบคิดเอาว่า เฮ้ยสงสัยจะโยนหินถามทาง หยั่งกระแสเช็คเรตติ้งหรือเปล่านะ แหย่แล้วค่อยถอย ซึ่งเป็นทริคที่ใช้มาตลอด สู้ๆ ถอยๆ ถอยๆ สู้ๆ แต่ล่วงเลยมาจนวันนี้ที่รัฐสภากำลังอภิปรายพรบ.กันอย่างดุเดือด ผู้เขียนหวั่นๆว่าสงสัยงานนี้คนอยู่แดนไกลสั่งลุยเองซะล่ะมั้ง จนอดรู้สึกหดหู่ใจแทนพี่น้องเสื้อแดงจำนวนหนึ่งที่เป็นกาลิเลโอเดินทางไปไกล แล้ว ที่ว่าคนอยู่แดนไกลและบรรดาพลพรรคเลือกที่จะแลกเลือดเนื้อของเสื้อแดง เกี๊ยเซี๊ยะกับอำนาจนอกระบบเพื่อที่จะให้เรื่องแล้วๆกันไป และตัวเองจะได้กลับบ้าน ถ้าเหตุการณ์จะจบลงแบบนั้น ในฐานะกองเชียร์ดีเด่นเสื้อแดง จึงอยากแสดงความห่วงใยและฝากการแลกเปลี่ยนต่อไปดังนี้
ปรากฎการณ์”สุดซอย”สำหรับผู้เขียนสะท้อนให้เห็นว่า
1.โครงสร้างการเมืองไทยมันไม่เปลี่ยนแปลงไป
เท่าไหร่นัก รัฐบาลที่ว่าเราคิดว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนจำนวนกว่า 15
ล้านเสียงที่เลือกเข้าไปพูดให้ถึงที่สุด
ก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะเป็นผู้นำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจในแง่ของ
การขยายพื้นที่สิทธิ เสรีภาพทางความคิด การแสดงออกทางการเมือง การเห็นต่าง
รวมทั้งไม่สามารถปกป้องผู้คนที่ออกมาต่อสู้เพื่อให้พวกตนได้เป็นรัฐบาลได้
2.เมื่อ โครงสร้างการเมือง และอำนาจทางการเมืองไม่เปลี่ยน ปรากฏการณ์สุดซอยจึงเกิดขึ้นและเป็นผลลัพธ์ของการตกลงกันทางอำนาจของชนชั้น นำ สู้กันแล้วเมื่อไม่มีฝ่ายใดชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เรื่องที่จะเอาผิดกันก็ให้จบๆเรื่องกันไป ผู้เขียนคิดว่า เราอาจจะได้เห็นใครบางคนกลับบ้านและกลับมาอย่างเป็นผู้เรียบร้อยนั่ง พับเพียบหมอบกราบกันเลยทีเดียวเชียว
3.ผู้เขียนคิดว่า คงมีหลายคนที่รู้สึกว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาของเรามันสูญเปล่า ขมขื่น ผิดหวัง ผู้เขียนอยากให้กำลังใจว่ามันไม่ได้สูญเปล่าเลย การต่อสู้ที่ผ่านมามีคุณูปการมากในสังคมไทย เรามีกาลิเลโอมากขึ้น และเกิดการตระหนักว่าศักดิ์ศรีของคนจน คนชนบท คนหาเช้ากินค่ำมันมีค่าและทัดเทียมกับพวกผู้ลากมากดี คนชั้นกลางที่รังเกียจนักการเมือง และมีคุณปการอื่นๆอีกมากมายที่เรารู้และนึกถึงได้เองในใจ เช่นเดียวกันกับเรา”รู้”และจดจำได้ว่าใครคือ”ฆาตกร”
ท้ายสุด
ผู้เขียนไม่ได้โน้มเอียงไปในทางที่เอาปรากฏการณ์นี้มาก่นด่านักการเมือง
แต่อยากให้ตระหนักและระมัดระวังในการต้องสัมพันธ์กับบุคคลากรเหล่านั้น
คำว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร
เป็นคำพูดที่จริงเสมอในแวดวงคนที่ทำงานและคุ้นเคยกับ”นักการเมือง”
ผู้เขียนยังคงยืนยันว่า
ถึงแม้นักการเมืองแบบไทยๆจะเป็นสปีชี่ส์พิเศษที่พลิกไปพลิกมาได้ตามความ
ผันแปรของอำนาจ และการอยู่รอด
แต่เราก็ยังต้องยืนยันในการมีอยู่ของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง
ที่เราสามารถก่นด่า วิจารณ์ รวมทั้งเลือกได้ ถอดถอนได้
และเมื่อตระหนักถึง”ความแสบ”ของพวกเขาเหล่านั้นในปรากฏการณ์สุดซอยครั้งนี้
พึงระลึกด้วยว่า อำนาจนอกระบบ “แสบกว่า”หลายต่อหลายเท่านัก2.เมื่อ โครงสร้างการเมือง และอำนาจทางการเมืองไม่เปลี่ยน ปรากฏการณ์สุดซอยจึงเกิดขึ้นและเป็นผลลัพธ์ของการตกลงกันทางอำนาจของชนชั้น นำ สู้กันแล้วเมื่อไม่มีฝ่ายใดชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เรื่องที่จะเอาผิดกันก็ให้จบๆเรื่องกันไป ผู้เขียนคิดว่า เราอาจจะได้เห็นใครบางคนกลับบ้านและกลับมาอย่างเป็นผู้เรียบร้อยนั่ง พับเพียบหมอบกราบกันเลยทีเดียวเชียว
3.ผู้เขียนคิดว่า คงมีหลายคนที่รู้สึกว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาของเรามันสูญเปล่า ขมขื่น ผิดหวัง ผู้เขียนอยากให้กำลังใจว่ามันไม่ได้สูญเปล่าเลย การต่อสู้ที่ผ่านมามีคุณูปการมากในสังคมไทย เรามีกาลิเลโอมากขึ้น และเกิดการตระหนักว่าศักดิ์ศรีของคนจน คนชนบท คนหาเช้ากินค่ำมันมีค่าและทัดเทียมกับพวกผู้ลากมากดี คนชั้นกลางที่รังเกียจนักการเมือง และมีคุณปการอื่นๆอีกมากมายที่เรารู้และนึกถึงได้เองในใจ เช่นเดียวกันกับเรา”รู้”และจดจำได้ว่าใครคือ”ฆาตกร”
ไม่ ว่า”สุดซอย”จะนำมาซึ่งการ”สุดทาง”ของทักษิณ เพื่อไทย และเสื้อแดง หรือไม่ก็ตาม ผู้เขียนขอเสนออย่างอ่อนน้อมต่อพี่น้องเสื้อแดงว่า ใช้เวลานี้มาทบทวนและจัดวางความสัมพันธ์ และกำหนดการเคลื่อนไหวไปข้างหน้าในเชิงให้บทเรียนต่อกันและกันบ้างจะดี ไหม และท้ายที่สุดอีกครั้ง ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อญาติของผู้เสียชีวิต ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ผลของการต่อสู้ได้ถูกจารึกไว้ในการรับรู้ของผู้คนแล้ว การถูกเอามาฉวยใช้เกิดจากความสามานย์ของคนที่ใจหยาบช้าเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น