: ดูข้อผิดพลาดโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าของสหรัฐนำร่องไปหาความสำเร็จ
ในบรรดาประเทศเจริญแล้วในโลกตะวันตก
สหรัฐอเมริกาดูจะช้ากว่า (แม้ไม่อาจเรียกได้ว่าล้าหลัง) หลายชาติในยุโรปด้านการประกันสุขภาพถ้วนหน้า
อันเนื่องมาจากสนนราคาที่สูงลิบลิ่ว และค่าบริการที่เพิ่มขึ้นไปไม่หยุดยั้งจนคนจำนวนมากไม่สามารถรับได้
ความพยายามปฏิรูประบบประกันสุขภาพให้ถ้วนหน้าในสหรัฐเริ่มอย่างเอาจริงเอาจังในสมัยประธานาธิบดีบิล
คลินตัน โดยมีนางฮิลลารี่ คลินตัน สตรีหมายเลขหนึ่งขณะนั้นเป็นกำลังสำคัญในการผลักดัน
หากแต่ต้องพ่ายแพ้ตั้งแต่ร่างกฏหมายยังไม่เข้าสภา
ด้วยแรงต้านอย่างโหมหักของพรรครีพับลิกันฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ที่มี นู้ว์ท
จิงกริช ประธานสภาผู้แทนราษฎรดาวรุ่งในขณะนั้นของ ‘จีโอพี’ (Grand Old Party) เป็นหัวหอกคัดค้าน
กระทั่งมาถึงประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า เมื่อได้รับเลือกตั้งซ้ำเป็นสมัยที่สองเมื่อปลายปี
พ.ศ. ๒๕๕๕ ใช้เวลากว่า ๗ เดือนผลักดัน และผ่านร่างกฏหมายประกันสุขภาพถ้วนหน้า (ซึ่งเริ่มร่างในปี
๒๕๕๔) อันมีชื่อเป็นทางการว่า The Affordable Care Act หรือที่ฝ่ายค้านให้ฉายาจนเป็นชื่อเฉพาะเรียกกันติดปากว่า
‘Obamacare’ เป็นผลสำเร็จ เริ่มบังคับใช้
และเปิดให้ประชาชนสมัครเข้าสู่โครงการตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ศกนี้เป็นต้นมา
กระนั้นกระบวนการต่อต้านจากพรรครีพับลิกันก็ไม่ยอมลดละ
หักโหม และต่อเนื่องแม้กระทั่งมุ่งหมายปิดประตู (Shutdown) การ
ทำงานของรัฐบาลโดยไม่ยอมผ่านร่างกฏหมายอนุมัติการใช้งบประมาณ
ด้วยข้ออ้างว่าโครงการอภิมหาโปรเจ็คที่จะใช้เงินสนับสนุนเป็นล้านล้านเหรียญ
อย่างการประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้มีแต่จะผลักภาระหนี้ท่วมหัวไปให้อนุชนรุ่น
หลัง
หากแต่
๒๐ วันหลังจากตลาดนัดขายประกัน หรือ Health Insurance Exchange ของรัฐบาลกลางเปิดรับสมัครทางอินเตอร์เน็ต
(Online) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า HealthCare.gov เว็บไซ้ท์ของรัฐบาลเพื่อการนี้เกิดปัญหาผู้เข้าไปทำการยื่นใบสมัครเป็นจำนวนมากจากผู้ที่แสดงความจำนงลงทะเบียนทั้งสิ้นเกือบครึ่งล้าน
(๔๗๖,๐๐๐ ราย) ไม่สามารถดำเนินการจนสิ้นสุดขั้นตอนได้ เพราะเว็บไซ้ท์เกิดการขัดข้องทางเทคนิคทำให้ชงักงัน
ตลาดนัดขายประกันของรัฐบาลกลางนี้เป็นส่วนอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนใน
๓๖ มลรัฐที่รัฐบาลท้องถิ่นไม่ยินยอมจัดให้มีขึ้นตามเจตนาของกฏหมาย
(รัฐบาลมลรัฐที่ยินยอมจัดตลาดประกันสุขภาพของตนเอง เช่น แคลิฟอร์เนีย วอชิงตัน
และเค็นตั๊กกี้ เป็นต้น จะได้รับงบประมาณช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง
ส่วนมลรัฐที่มีรัฐบาลท้องที่ หรือสภาแห่งรัฐเป็นพรรครีพับลิกัน
ที่ปฏิเสธไม่ยอมปฏิบัติตามก็ไม่สามารถรับงบประมาณในส่วนนี้ได้)
จำนวนผู้ที่ให้ความสนใจต่อโครงการ
และเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซ้ท์ดังกล่าวของรัฐบาลถึง ๑๗ ล้านราย
นับว่ามากมายกว่าที่ทางการคาดหมาย
แม้รัฐบาลโอบาม่าจะประเมินไว้แล้วว่าจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๗
อันเป็นกำหนดปิดรับการลงทะเบียน จะมีผู้เข้าอยู่ในโครงการประมาณ ๗ ล้านคน
แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับระบบสมัครสมาชิกออนไลน์เป็นเชื้อไฟให้ฝ่ายต่อต้านโหมกระหน่ำเพื่อคว่ำโครงการเสียกลางคัน
Marco Rubio |
วุฒิสมาชิกมาร์โก
รูบิโอ ดาวรุ่งดวงใหม่ของพรรครีพับลิกันจากมลรัฐฟลอริด้าประกาศเสนอร่างกฏหมายเพื่อยับยั้งการบังคับใช้โอบาม่าแคร์ไว้ชั่วคราวเป็นเวลา ๖ เดือน
จนกว่าสำนักงานบัญชีกลางจะให้คำรับรองว่าโครงการสามารถดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมแน่นอนแล้ว
สว.รูบิโอกล่าวโทษรัฐบาลว่า “ขาดความโปร่งใส” เนื่องจาก “ไม่สามารถให้รายละเอียดที่ชัดเจนว่าปัญหาคอมพิวเตอร์ติดขัดด้วยเหตุใด
จะแก้ไขให้เรียบร้อยได้เมื่อไรกันแน่”
เขายังกล่าวหาด้วยว่ารัฐบาลโอบาม่า “ซ่อนเร้นเรื่องที่น่าเกลียดเอาไว้”
รายงานข่าวจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์เผยว่า ปัญหาเทคนิคระบบรับสมัครสมาชิกโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าของรัฐครั้งนี้ยุ่งยาก
และกว้างขวางจนอาจต้องเขียนโปรแกรมกันใหม่ใช้เวลาหลายสัปดาห์ ไม่ใช่เพียงแก้ไขโค้ดบางอย่างภายในวันสองวันเท่านั้น
ทำให้
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันต่อไปว่า
แล้วอย่างนี้โครงการจะสามารถจัดทำบัญชีผู้เข้าร่วมได้เสร็จสรรพทันกำหนดปิด
รับสมัคร
(ภายในวันที่ ๑๕ ธันวาคมนี้เพื่อที่จะได้มีผลในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗)
และบังคับใช้บทว่าด้วยการปรับไหมลงโทษผู้เข้าข่ายแล้วไม่ยอมซื้อประกันได้
อย่างไร
นี่เป็นอีกข้ออ้างที่ สว.รูบิโอ
ต้องการให้ระงับกฏหมายสุขภาพถ้วนหน้าไว้ก่อน
ประธานาธิบดีโอบาม่าออกแถลงที่สวนกุหลาบหน้าทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ยอมรับความผิดพลาดในระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาล หากแต่แย้งว่าระบบสุขภาพถ้วนหน้ามิได้เป็นแค่การรับสมาชิกโดยคอมพิวเตอร์
ที่ข้อเสียของมันกระทบโครงการทั้งหมดจนต้องยับยั้ง
หรือยกเลิกตามที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการ ทางรัฐบาลได้ระดมผู้เชี่ยวชาญทั้งในภาครัฐ
และภาคเอกชนมาร่วมกันแก้ไขการรับสมัครออนไลน์แล้ว
ในขณะเดียวกันผู้มีความจำนงยังสามารถยื่นใบสมัครด้วยตนเองที่สำนักงานของรัฐบาลกลางในท้องที่ต่างๆ
หรือสมัครทางโทรศัพท์ได้
Kathleen Sebelius |
อย่างไรก็ดีวงการวิจารณ์กล่าวว่า
การแถลงของประธานาธิบดีแม้จะให้ความกระจ่าง
และชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงอันสำคัญได้อย่างดีเพียงใดก็ตาม
คำตอบหลายอย่างที่สาธารณะชนรอคอยจากรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข มาตอบ
(ดังรายงานของสำนักข่าวโพลิติโก้ว่า "๕ คำถามที่นางแค้ทธลีน เซบีเลียสไม่ยอมตอบ") นั้น
จะทำให้ความเชื่อถือในโครงการลดถอยลงไปจากที่เป็นอยู่
ข้อวิพากษ์ไปไกลถึงกับบอกว่า การที่นายพลลงมาแก้ต่างให้นายพันโดยไม่ชี้แจงอย่างถ้วนถี่ว่าความจริงทั้งหมดนั้นเป็นอย่างไร
ทั้งที่ความผิดพลาดของนายพันก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
เช่นนี้รังแต่จะพาทั้งกองทัพพังลงไป
และในประเด็นสำคัญถ้าหากทางการไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์ให้ทำงานอย่างรวดเร็ว
และราบรื่นได้ภายในกลางเดือนพฤศจิกายนแล้วละก็
จะทำให้ความสำเร็จที่มุ่งหวังไว้ในโครงการหดหายไปได้ด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากเป้าหมายที่จะให้โครงการสามารถยืนอยู่ได้
และส่งผลกระทบให้สนนราคาการประกันสุขภาพโดยรวมลดลงภายใน ๕ ปีข้างหน้า
อยู่ที่การมีคนหนุ่มสาวที่ยังโสดเข้าเป็นสมาชิกกันมากๆ พอสำหรับลดทอนต้นทุนบริการกับส่วนของจำนวนคนสูงอายุ
และผู้มีโรคติดตัว ซึ่งเป็นกลุ่มจะได้ประโยชน์จากโครงการเต็มที่
ในเมื่อคนหนุ่มสาวที่มักคุ้นกับเทคโนโลยี่ทันสมัยไปเจอกับระบบออนไลน์ของรัฐอันเป็นปัญหาเข้า
เกิดความเบื่อหน่ายเลิกล้มความตั้งใจเข้าร่วมโครงการกันไปเสีย
เหลือแต่พวกคนชราที่โครงการต้องรับภาระหนักเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
และค่าบริการแพงก็จะตามมา สมดังที่พรรครีพับลิกันตำหนิไว้
ด้วยเหตุที่รายละเอียดเกี่ยวกับโอบาม่าแคร์นี้แม้ในหมู่ชาวอเมริกันเองก็ยังไม่ทราบถี่ถ้วน
และตกเป็นเบี้ยจำนำของการแบ่งแยกทางการเมืองให้ได้รับข้อมูลบิดพริ้ว และสับสน
ขณะที่ Thai
E-News เป็นเว็บข่าวที่มีคนไทยในสหรัฐอเมริกาเปิดอ่านกันเป็นจำนวนมาก
ซึ่งหนีไม่พ้นความลักลั่นของข่าวสารจนทำให้ต้องการความกระจ่างในโครงการประกันสุขภาพใหม่นี้เช่นกัน
กองบรรณาธิการจึงนำเสนอบทความเกี่ยวกับโอบาม่าแคร์นี้
เพื่อที่เป็นการให้ข้อเท็จจริงทั้งแก่ผู้อ่านในสหรัฐ และในประเทศไทย
หรือที่อื่นใดซึ่งมักได้รับข่าวสารจากสื่อสายหลักที่ยังยึดมั่นแต่วิจารณญานของตนเองเป็นที่ตั้ง
หรือให้รายละเอียดความจริงไม่หมดกันอยู่ อย่างน้อยๆ ก็ใช้เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงการถกเถียงห้ำหั่นกันในปัญหาสำคัญของชาติ
ในประเทศที่พื้นฐานทางการเมืองอยู่บนความเท่าเทียม
ใช้มาตรฐานเดียวในการรับฟังซึ่งกันและกัน และยอมรับเสียงข้างมากในการตัดสิน
ทั้งนี้ไทยอีนิวส์ได้ตัดตอนเพียงบางบทจากประมวลคำแนะนำเพื่อทำความเข้าใจโอบาม่าแคร์ของสำนักข่าวโพลิติโก้
(Understanding
Obamacare :Politico's Guide to the Affordable Care Act) เขียนโดยเดวิด
เนเธอร์ มาเสนอ โดยมอบหมายให้ระยิบ เผ่ามโนเป็นผู้ถอดความจากรายงานที่รวบรวมรายละเอียด
และมุมมองต่างๆ ไว้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ และไม่เอนเอียง
บทนำ
: การพันตูกันเรื่องนี้มันเกี่ยวกับอะไร
ถ้าท่าน
ต้องการก้าวผ่านข้อถกเถียงอันอื้ออึงไปสู่ก้นบึ้งของการพันตูเรื่องกฏหมาย
ประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประธานาธิบดีโอบาม่าให้รู้แน่ชัดว่ามันเกี่ยวกับ
อะไรแน่
ท่านจะเรียนรู้ได้จากเรื่องราวของสมาชิกพรรครีพับลิกันชาวจอร์เจียสองคน
คนหนึ่งอยากขจัดโอบาม่าแคร์ทิ้งให้หมดเกลี้ยง
อีกคนบอกว่าต้องการให้โครงการนี้ยืนยงคงอยู่ต่อไป
คลิ้น
เมอร์ฟี่
เป็นนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในสะแวน่าห์ซึ่งเคยเป็นผู้ปฏิบัติงานของพรรครีพับลิกัน
เขายังเป็นคนไข้ที่หายป่วยจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
อันหมายความว่าในระบบอำนวยสุขภาพตามปกติขณะนี้
โรคติดตัวของเขาทำให้ไม่สามารถซื้อประกันสุขภาพได้ มีหนทางเดียวเท่านั้นคือต้องอาศัยกฏหมายประกันสุขภาพถ้วนหน้า
หรือที่รู้จักกันว่า โอบาม่าแคร์
เมื่อโครงการเปิดรับสมาชิกเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าในวันที่
๑ ตุลาคมนี้ เมอร์ฟี่ สามารถลงทะเบียนเข้าเป็นผู้ถือประกันสุขภาพได้
โดยที่บริษัทประกันไม่อาจปฏิเสธอย่างเคยด้วยข้ออ้างจากการที่เขามีโรคติดตัว
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเที่ยวแสดงปาฐกถาผ่านสื่อต่างๆ
ให้ความร่วมมือแก่ผู้สนับสนุนโอบาม่าแคร์ในการรณรงค์ให้กฏหมายนี้อยู่รอด
เขาเหนื่อยหน่ายกับการต้องอยู่อย่างขาดประกันสุขภาพอีกต่อไป
ทอม
ไพร้ซ์
เป็นหนึ่งในจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกันที่โหวตค้านร่างกฏหมายประกันสุขภาพครั้งแล้วครั้งเล่า
พยายามตัดงบประมาณรายจ่ายสำหรับกฏหมายนี้โดยมุ่งหมายให้มันผอมแห้งตายไปกับตา
ไพร้ซ์ไม่เพียงทำตนเป็นลูกเหล็กทะลายตึกเท่านั้น
นายแพทย์ศัลยกรรมกระดูกท่านนี้ยังเป็นผู้เขียนร่างกฏหมายประกันสุขภาพที่สมบูรณ์ฉบับเดียวของพรรครีพับลิกันคู่แข่งกับรัฐบาล
เขาเที่ยวปาฐกถาเสนอทางเลือกนี้อย่างแข็งขันเช่นกัน
ไพร้ซ์ได้ทราบเรื่องราวของเมอร์ฟี่
และแสดงความเห็นใจกับเมอร์ฟี่ด้วยคำกล่าวว่า “มันเลวร้ายเหลือเกิน....ที่ถูกปัดออกจากการประกันสุขภาพอย่างนั้น” แต่ไพร้ซ์อ้างว่าเขามีทางออกที่ดีกว่าให้แก่เมอร์ฟี่
เขาเสนอระบบประกันสุขภาพที่เปิดรับสมาชิกผ่านทางองค์กรแบบสมาคม
“ถ้าหากเราตั้งเป็นเป้าหมายไว้ว่า (คนที่มีโรคติดตัว)
มีหนทางเข้าสู่ศูนย์รวมของบริษัทประกันสุขภาพเช่นเดียวกับคนอื่นๆ นับล้านๆ ละก็
เราก็แก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องให้ (รัฐบาลกลางในกรุง) วอชิงตันเข้ามายุ่มย่ามด้วย” ไพร้ซ์อ้าง
เมอร์ฟี่ตอบว่า
“ก็ดีอยู่แหละ
แต่โอบาม่าแคร์เป็นกฏหมายแล้วนะ
ถึงเวลาที่จะต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำให้กฏหมายนี้ทำประโยชน์ได้ดีขึ้น
เพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่ามันจะยังคงอยู่ไม่หายไปไหน”
“การที่จะเลิกมันเสียเถอะ ถ้าไม่ได้ด้วยวิธีของฉันก็อย่ามีมันเสียเลยนั้น” เมอร์ฟี่บอกกับโพลิติโก้ “ก่อให้เกิดทางตัน
มันทำให้เราทุกคนต้องรับความเสียหาย ผลกระทบทั้งหลายหมายถึงเป็นตายเท่ากันเลยเชียว”
นี่เป็นข้อสรุปง่ายๆ
สำหรับเส้นแบ่งในสงครามที่สองฝ่ายเผชิญหน้ากันเมื่อโอบาม่าแคร์เริ่มถูกนำออกใช้
ส่วนหนึ่งของคนในชาติต้องการโยนทิ้งมันไปเสีย แม้ว่าในจำนวนนี้มีจำนวนหนึ่งไม่ต้องการใช้วิธีปิดประตูหยุดการทำงานของรัฐบาล
และอีกจำนวนหนึ่งไม่ต้องการให้ประเทศถังแตกเพราะหนี้สินเกินขีดจำกัด
คนเหล่านี้ชิงชังกฏหมายสุขภาพกันยิ่งนักเพราะเชื่อว่ามันเป็นความสิ้นเปลืองอย่างมหันต์
อีกฝ่ายหนึ่งที่เข้าข้างเดโมแครทก็บอกว่า พอเสียทีเถอะ เดินต่อไปกันได้แล้ว
ทว่าในขณะนี้ความจริงมีอยู่ว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศยังไม่ค่อยเข้าใจกฏหมายฉบับนี้กันดีนัก
ผลการสำรวจความเห็นประชาชนโดยสำนักพิมพ์วอชิงตันโพสต์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาพบว่า ๖๒ เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันไม่ทราบรายละเอียดพอให้สามารถทำความเข้าใจกฏหมายฉบับนี้ได้
มันเต็มไปด้วยข้อมูลล้นหลามเกินกว่าประชาชนธรรมดาจะแยกแยะแก่นของเนื้อหาต่างๆ ได้
นั่นเป็นเหตุให้โพลิติโก้จัดทำประมวลคำแนะนำสำหรับกฏหมายประกันสุขภาพขึ้นมา
พร้อมไปกับเมื่อมีการเปิดรับสมาชิกโครงการ และโอบาม่าแคร์ได้กลายเป็นความจริงมีตัวตนสำหรับคนอเมริกันนับล้านๆ
ประมวลคำแนะนำของโพลิติโก้นี้ออกแบบให้เป็นบทตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ว่ากฏหมายนี้ควรจะก่อให้เกิดผลเช่นใด
กับการที่กฏหมายนี้มีผลลัพท์เกิดขึ้นแท้จริงอย่างไร จุดมุ่งหมายตั้งไว้สองแพร่ง
คือทางหนึ่งอธิบายเนื้อหาของกฏหมาย
อีกทางหนึ่งช่วยให้ทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่แฝงอยู่ในระหว่างบรรทัดของการประโคมจุดขายของแต่ละฝ่ายได้
รัฐบาลโอบาม่ายังคงมั่นใจว่ากฏหมายฉบับนี้จะได้รับการชื่นชอบอย่างสูงเมื่อนำออกใช้อย่างเต็มพิกัดแล้ว
แต่ ณ เวลานี้มันยังลักลั่น และไม่เป็นที่นิยมนัก
ตามโพลของวอชิงตันโพสต์มีคนบอกว่าไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ถึง ๕๒ เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เพียง
๔๒ เปอร์เซ็นต์สนับสนุน
แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่คัดค้านต้องการจะยับยั้งกฏหมายนี้อย่างสุดกู่ไม่คำนึงถึงผลสะท้อนใดๆ
มีเพียง ๑ ใน ๓ ของผู้ถูกสำรวจโดยโพลของพิวเซ็นเตอร์ (Pew Research Center poll) ในเดือนกันยายนบอกว่าต้องการปิดประตูการทำงานของรัฐบาลเพื่อยับยั้งกฏหมายโอบาม่าแคร์
อันเป็นผลจากการหนุนหลังอย่างแข็งกร้าวของขบวนการทีพาร์ตี้ในพรรครีพับลิกัน แต่อีก
๕๗ เปอร์เซ็นต์กลับเห็นว่าวงการเมืองในวอชิงตันน่าจะประนีประนอมกันเสียเถอะ
นี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรกับทำเนียบขาวในการเรียกร้องความชื่นชมต่อกฏหมายฉบับนี้
สิ่งที่ท้าทายรัฐบาลโอบาม่าในช่วง ๖ เดือนของการ ‘เปิดรับลงทะเบียน’ กับอีกหลายปีต่อๆ ไป อยู่ที่การเปลี่ยนใจกลุ่มคนนับล้านๆ
ที่ไม่ชอบกฏหมายฉบับนี้ และสร้างความมั่นใจให้ปรากฏว่าองคาพยพต่างๆ
ของกฏหมายใช้ได้ผลดังมุ่งหวัง
ตลาดนัดประกันสุขภาพที่จัดตั้งขึ้นมาหมาดๆ
จักต้องดึงคนหลายประเภทเข้ามาเป็นสมาชิกอย่างได้สัดส่วนลงตัว
เงินทุนอุดหนุนไหลไปสู่กลุ่มคนที่เหมาะสม จำนวนงบประมาณที่ถูกตัดออกไป
และปริมาณการลดภาษีจะต้องพอดีค่าใช้จ่ายของโครงการ
บรรดานายจ้างควรที่จะเข้าใจระเบียบใหม่อย่างดี ไม่เสียท่าเสียทีจนกลายเป็นผลร้ายมาแทนที่ประโยชน์อันควรได้รับ
ไม่เป็น
ที่น่าสงสัยเลยว่าผู้คนยังคงต้องพยายามทำความเข้าใจว่ากฏหมายนี้จะมีผลกระทบ
ต่อตนอย่างไรเนื่องจากสิ่งที่พวกเขาได้ยินการถกเถียงโต้แย้งกันระหว่างสอง
ฝ่ายในกรุงวอชิงตัน
และในการรณรงค์ทางการเมืองทั่วประเทศซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความเห็นด้านเดียว
ท่านจะได้ยินทางหนึ่งว่าโอบาม่าแคร์เป็นดั่งสายธารแห่งชีวิตต่อคนที่ไม่เคยมีประกันสุขภาพนับล้านๆ
ใครที่ออกมาต่อต้านจัดว่าเป็นพวกใจดำ หรือไม่ก็อีกทางหนึ่งว่าเป็นกฏหมายที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าต่อนักธุรกิจ
และวงการแพทย์ทุกหัวระแหง
ทว่าความเป็นจริงก็คือ
เป็นไปได้ที่จะเห็นว่ากฏหมายประกันสุขภาพสามารถช่วยเหลือคนนับล้านๆ
ที่ต้องการความช่วยเหลือได้ กับทั้งยังสร้างความปวดหัวแก่พอค้า และพวกหมอทั่วทุกที่ได้เช่นกัน
แนวทางสร้างความเข้าใจกฏหมายฉบับนี้ไม่อาจเปลี่ยนความคิดของใครๆ
ได้ก็จริงอยู่
แต่ว่ามันอาจทำให้การโต้แย้งกันนั้นตั้งอยู่บนรากฐานของความรอบรู้ในข้อเท็จจริงยิ่งขึ้น
และไม่ต้องสยิวสยองเหมือนเช่นที่เป็นมา
เมื่อตอนต้นปีนี้เอง
นายเมอร์ฟี่เล่าว่าเขาไปหาหมอตรวจความไม่ปกติในการหายใจของเขา
หมอสั่งให้เขาเข้ารับการตรวจการสูบฉีดของเลือดในระบบเส้นเลือด
เมอร์ฟี่ไม่มีเงินพอเข้ารับการตรวจด้วยเครื่องแองจิโอแกรมเพราะเขาไม่มีประกันสุขภาพ
เขามีพอจ่ายค่าบริการแก่หมอแต่ไม่พอจ่ายค่าตรวจเลือดที่แพงมาก เขาจึงต้องตอบหมอว่าไม่สามารถทำได้แล้วเดินจากไป
แม้ว่าสุดท้ายทุกอย่างเป็นไปด้วยดีสำหรับเขา
แต่มันอาจพลิกผันเป็นฝันร้ายไปเสียก็ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่เป็นมะเร็งแล้วภาวนาไม่ให้มีโรคแทรกซ้อนร้ายแรงอย่างอื่นอีก
ประสบการณ์ของเมอร์ฟี่ทำให้เขากระตือรือล้นอย่างเต็มที่ในการถกเถียงให้กับโอบาม่าแคร์
“พวกนั้นทำเหมือนเรื่องนี้เป็นเกม เหมือนว่าไม่มีชีวิตคนเข้ามาเกี่ยวข้อง” เมอร์ฟี่กล่าว “พวกเขาต้องหันมาดูให้เห็นจะจะเสียใหม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแน่
ผมไม่ใช่ตัวเลขสถิตินะ ผมเป็นคนจริงๆ มีเนื้อมีหนัง”
การถกเถียงเรื่องโอบาม่าแคร์คงจะไม่มีทางจบได้ง่ายๆ
แต่ถ้าในการถกเถียงใดต้องการทดสอบความเป็นจริง ก็นี่แหละอันนี้ช่วยได้
บทที่
๖ : โปรดระวังถ้อยจำนรรจาโอบาม่าแคร์
ยังคงได้ยินถ้อยจำนรรจาเกี่ยวกับโอบาม่าแคร์ที่มันน่าสงสัยกันอยู่ใช่ไหม
แน่ละมันผุดขึ้นมาได้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าอะไรจะเกิดกับกฏหมายฉบับนี้ในอีกกี่ปีข้างหน้า
ท่านก็จะได้ฟังถ้อยความใหม่ๆ อีกจนได้
เพราะว่าได้มีการประกาศศึกขีดเส้นตายกันไว้แล้ว ไม่มีใครยอมวางมือผละไปแน่ๆ
เมื่อมาถึงจุดนี้มันไม่มีความหมายเสียแล้วไม่ว่าโอบาม่าแคร์จะประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น
หรือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง มันจะยังคงเป็นความสำเร็จมากพอดูสำหรับประธานาธิบดีโอบาม่า
และพรรคเดโมแครทที่ชี้ให้เห็นได้
เพราะว่าประชาชนที่ไม่เคยมีประกันสุขภาพจะได้รับหลักประกันกันถ้วนหน้า
แต่ว่าการนำกฏหมายออกใช้นี้พบกับหนทางขรุขระไม่น้อย
มีทั้งความล่าช้า และความเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองในหลายมลรัฐที่เกิดความล้มเหลว มิหนำซ้ำความล่าช้าจะยิ่งทับถมทวีคูณ
ครั้นเมื่อมันเกิดขึ้นเช่นนั้นพรรครีพับลิกัน
กับบรรดาฝักฝ่ายการเมืองสายอนุรักษ์นิยมจะกระโจนเข้าขย้ำทุกแห่งหนไม่เว้น
ตอนต่อจากนี้ไปจะเป็นแนวในการพิจารณาตัดสินถ้อยจำนรรจาจากทั้งสองฝ่ายที่ท่านจะได้ยิน
เพื่อแยกแยะชำแหระทางหนีทีไล่อันไหนเป็นไปได้อันไหนไม่น่าเป็น
แล้วสรุปว่ากฏหมายนี้จะสำฤทธิ์ผลได้อย่างไร
(บทความนี้ยังมีต่อ
โปรดติดตามบทส่งท้ายที่ลงลึกในรายละเอียดโดยคำถาม-คำตอบอีกมากมาย)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น