กลุ่มญาติผู้สูญเสียในเหตุการณ์ 53 นำโดยนางพะเยาว์และนายพันศักดิ์
แถลงข่าวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯหลังผ่าน กมธ.
แก้ไขนิรโทษกรรมครอบคลุมทุกฝ่าย ยกเว้น 112 จี้นิรโทษประชาชนอย่างเดียว
หรือไม่ก็ให้สิทธิประกันตัว อย่าสานต่อวัฒนธรรมผู้สั่งการไม่ต้องรับผิด
21 ตุลาคม 2556 กลุ่มผู้สูญเสียในเหตุการณ์ปี 2553
จัดการแถลงข่าวเกี่ยวกับเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ
แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง
การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ในวาระการพิจารณาของ
กมธ. และมีมติแก้ไขมาตรา 3 ให้การนิรโทษครอบคลุมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ยกเว้นมาตรา 112
นางพะเยาว์ อัคฮาด ประธานกลุ่มญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมือง
พ.ศ. 2553 อ่านแถลงการณ์ว่า ตามที่คณะกมธ. มีมติแก้ไขเนื้อหาในมาตรา 3
ของร่างเดิมที่นายวรชัย เหมะ เสนอ ซึ่งจะส่งผลให้นิรโทษกรรมให้ทุกฝ่าย
ทั้งประชาชน ผู้สั่งการ ทหาร รวมถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น
หรือเป็นการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งนั้น กลุ่มญาติฯ เห็นว่า
เป็นที่ชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นกมธ.เสียงข้างมากมีเจตนาเอื้อประโยชน์
ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อแลกกับการไม่เอาผิดในการกระทำของทหาร
การแก้ไขมาตรา 3 แสดงให้สังคมเห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยฟังเสียงประชาชน
โดยเฉพาะญาติผู้เสียหาย
ขณะเดียวกัน เป็นที่น่าสังเกตว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อดีตนายกรัฐมนตรีกลับแสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการ
ยุติธรรม ซึ่งแม้จะเป็นเทคนิคทางการเมือง
แต่ก็เป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ผูกมัดทางการเมือง
แถลงการณ์ของกลุ่มญาติฯ
มีข้อเสนอต่อรัฐบาลซึ่งมีรัฐบาลเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมากว่า 1)
ต้องการให้รัฐบาลเพื่อไทยต้องฟังเสียงประชาชน
ให้ผู้กระทำผิดเข้าสู่การพิจารณาคดี 2)
รัฐบาลเพื่อไทยต้องเร่งรัดนโยบายให้นักโทษการเมืองได้รับการประกันตัว 3)
รัฐบาลเพื่อไทยต้องเร่งรัดคดีสังหารประชาชนที่ศาลมีคำสั่งกรณีการไต่สวนการ
ตายแล้วว่ามีเหตุจากเจ้าหน้าที่ทหาร
เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมล่าช้าจนเป็นเหตุให้ข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไป
4) ย้ายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
และให้พ้นจากหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีปี 2553
เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าว 5)
จัดตั้งคณะทำงานในการเร่งรัดคดีสังหารหมู่ประชาชนเพื่อให้กระบวนการยุติธรรม
รวดเร็วขึ้น
พะเยาว์กล่าวว่า เราคัดค้านการนิรโทษเหมายกเข่งของ กมธ.
เพราะเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นคนสีเสื้อใด และคงต้องบอกว่า
"คุณหยุดโกหกได้แล้ว"
อย่างคำถามเรื่องกระบวนการศาลโลกที่ผู้คนตั้งคำถามว่าเหตุใดไอซีซีไม่ลงมา
เกี่ยวข้อง การขับเคลื่อนคดีต่างๆ
ทำเหมือนขับเคลื่อนอยู่จริงแต่ความจริงก็แค่รอกระบวนการนิรโทษกรรม
ซึ่งเมื่อมีการนิรโทษเหมายกเข่ง
ก็เป็นการปิดกั้นโอกาสอันน้อยนิดในการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องในศาลอาญา
ระหว่างประเทศ
ขณะที่นายธาริตเสนอต่อสังคมตลอดว่าคดีมีความเคลื่อนไหวทั้งที่จริงๆ
รอกระบวนการนิรโทษกรรมแบบยกเข่ง
"คดีหลายคดี เช่น คดี 6 ศพ ก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว
แล้วจะนิรโทษกรรมไปทำไม เมื่อมันเข้าสู่กระบวนการแล้ว ทางที่ดี
การนิรโทษกรรม ควรนิรโทษกรรมให้ประชาชนล้วนๆ"
พะเยาว์กล่าวและว่าคนที่ต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ปี 53 ต้องมีทั้ง 2 ฝ่าย
ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ไม่เช่นนั้นแล้วจะให้พวกเราญาติปี 53
ต้องมาตามรำลึกเหมือนรุ่น 14 ตุลา 6 ตุลา และในอนาคตเกิดขึ้นมาอีกนานเท่าไร
"ถ้ากมธ. ยังดึงดันที่จะนิรโทษเหมายกเข่ง ดิฉันบอกได้เลยว่า
สภาทั้งสภาจะเป็นจำเลยของสังคม ดิฉันขอบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้
นายใหญ่อย่าเพิ่งใจร้อน อย่าเพิ่งรีบกลับบ้านใจเย็นๆ" พะเยาว์กล่าว
พันศักดิ์ ศรีเทพ กล่าวว่าน่าเสียใจที่ กมธ.ปฏิเสธว่าคดีมาตรา 112
ไม่เป็นคดีทางการเมือง ทั้งที่มันเป็นคดีทางการเมืองทั้งหมด
และยังมีสิ่งที่น่าตกใจเมื่อพบว่า เนื้อหาในการแก้ไขร่างฯนี้นั้น
มีการนำร่างนิติราษฎร์มาปรับใหม่
โดยบิดเบือนการใช้ซึ่งร่างนิติราษฎร์ระบุว่าต้องมีกระบวนการพิสูจน์ทราบความ
จริง
ที่ผ่านมาเคยร่วมเดินทางกับ
กมธ.เพื่อไปเยี่ยมนักโทษการเมืองที่เรือนจำหลักสี่ พบว่าหลายคดีมีปัญหามาก
ดังนั้น เห็นว่าต้องให้สิทธิประกันตัวออกมาก่อนระหว่างรอการนิรโทษกรรม
"เรื่องนี้ต้องใช้เวลาพูดคุยกันก่อนที่จะหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะมันจะนำไปสู่ปัญหา"พันศักดิ์กล่าว
สุนัย ผาสุก จากองค์กร Human Right Watch กล่าวว่า
การผ่านวาระสองเป็นการตอกย้ำข้อกังวลที่เราพูดมาตลอดว่า
กลัวว่าวัฒนธรรมการทำผิดโดยไม่ต้องรับผิดถูกผลิตซ้ำ
จากกระบวนการต่อรองของคู่ขัดแย้งในการเมือง สัญญาณชัดขึ้นเรื่อยๆ
การบาดเจ็บล้มตายส่วนใหญ่มาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่
ผลการไต่สวนการตายก็ชี้ไปในทิศทางนี้
แต่รัฐบาลกลับพูดแต่ต้นก่อนมีกฎหมายนิรโทษกรรมว่า ทหารจะถูกกันไว้เป็นพยาน
ในอีกด้านหนึ่งก็มีท่าทีปฏิเสธว่าผู้ชุมนุมไม่มีความรุนแรง
ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับกองกำลังติดอาวุธ และคดีที่เรียกกันว่า "ชายชุดดำ"
ก็ค่อยๆ เลือนหายไป ไม่ปรากฏชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีการนำเอาวิจัยของสถาบันพระปกเกล้ามาเป็นผลการศึกษาของ
กมธ.ปรองดอง ที่มีพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
บิดเอาเรื่องนิรโทษกรรมให้มีความหมายเท่าเทียมกับคำว่าความปรองดอง
มันจะเกิดปัญหาเหมือนในอดีตที่ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับผิด
สุนัยกล่าวด้วยว่า
ความผิดที่นำสู่การเสียชีวิตต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าฝ่ายใด
การนิรโทษกรรมจะเกิดขึ้นได้ต้องมีขั้นตอนต่างๆ
โดยต้องระบุให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น, คนกระทำผิดต้องสำนึกผิด
ออกมาขอโทษต่อสังคม, การสมานฉันท์ต้องเป็นกระบวนการหารือในวงกว้าง
ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ทำเรื่องนี้อย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง
มหาดไทยจัดเวทีแล้วก็จบไป ตัดตอนมาพูดเรื่องนิรโทษกรรมเลย
"การตลบหลังยัดไส้นี้น่าอัปยศ และโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง
ความพยายามดันร่างนี้หากจะต้องล้มไปเนื่องจากแปรญัตติเกินหลักการที่สภา
อนุมัติไว้ในวาระแรก หรือเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายจนสภาเดินหน้าไม่ได้
เท่ากับว่ามวลชนที่ติดคุกถูกใช้เป็นตัวประกันและถูกถีบทิ้งอย่างโหดเหี้ยม
ที่สุด" สุนัยกล่าวและว่า
สิ่งนี้เป็นการสร้างบรรทัดฐานที่เลวร้ายในการไม่ต้องรับผิดในประเทศไทย
ณัทพัช อัคฮาด จากกลุ่มญาติฯ แจ้งว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 24
ต.ค.นี้จะเดินขบวนไปมอบของขวัญให้ กมธ.ที่จะมีการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษฯ
โดยจะเริ่มรวมตัวกันที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยเวลา 11.00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น