23 ตุลาคม, 2013 - 12:52 | โดย yukti mukdawijitra
คงมีใครเคยอธิบายเรื่องนี้ไปแล้ วอย่างเป็นระบบและมีการอ้างอิงอ ย่างเป็นวิชาการอย่างที่สุด แต่ผมก็ยังอยากเขียนเรื่องนี้อย ่างย่นย่อในวันนี้อีกอยู่ดี
ความเชื่อที่ว่าระบบทาสในสังคมไ ทยเป็นระบบที่แทบจะไม่มีอยู่จริ ง หรือที่มีก็เป็นเพียงส่วนน้อย เฉพาะบางคนที่ขายลูก ขายตัวเองเพราะติดหนี้สิน และหากมีทาส ทาสในสังคมไทยก็ไม่ได้รุนแรงเลว ร้ายแบบในยุโรป อเมริกานั้น หากยังสอนอยู่อีกก็น่าสงสัยมากว่ากำลังเพ้อฝันถึงสั งคมทาสราวกับว่ามันเป็นสังคมยูโ ทเปียหรืออย่างไร
แคทเธอรีน บาววี่ (Katheirne A. Bowie) เคยเขียนบทความรวบรวมเอกสารที่ก ล่าวถึงสยาม แสดงข้อมูลมากมายถึงความป่าเถื่ อนของระบบทาสในสยาม (ไทยภาคกลาง) และโยนก (ไทยภาคเหนือ) ทาสที่เป็นกำลังสำคัญก่อนการนำเ ช้าชาวจีนมาเป็นแรงงานสำคัญ (ต่อการขยายตัวของทุนนิยมภายใต้ การกระจุกตัวของผลประโยชน์เศรษฐ กิจในมือชนชั้นนำสยาม) คือทาสจากเชลยสงคราม (war captive)
ทาสเหล่านี้เป็นกลุ่มชาติพันธ์ุ ที่มีอำนาจด้อยกว่าจากลาว เวียดนาม พม่า พวกเขาล้วนถูกกวาดต้อนมาเป็นแรง งานให้ราชสำนักสยามและราชสำนักเ ชียงใหม่ ทุกวันนี้ชุมชนรายรอบกรุงเทพและ เชียงใหม่จึงเต็มไปด้วยกลุ่มชาต ิพันธ์ุต่างๆ ที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นแรงงานปลูก ข้าว ไม่ต้องคิดถึงว่าพวกเขาจะบาดเจ็ บล้มตายระหว่างการเดินทางไปมากน ้อยแค่ไหน แต่ในระหว่างการทำงานเพื่อเสียภ าษี หลายต่อหลายปีพวกเขาต้องอดอยาก เพราะถูกเก็บภาษีเป็นผลผลิตมากเ กินกว่าที่เขาจะเก็บไว้กินเอง
ฉะนั้นใครที่ใฝ่ฝันว่าชีวิตของช ุมชนในอดีตน่าพิสมัยกว่ายุคปัจจ ุบันน่ะ ช่วยอ่านประวัติศาสตร์แบบนี้เสี ยบ้างนะครับ นอกเสียจากว่าพวกคุณจะเป็นเจ้าน าย
ภาพดังกล่าวยิ่งสะท้อนว่าการเลิ กทาสของ ร.5 คือสิ่งที่ดีงามเป็นพระมหากรุณา ธิคุณอย่างนั้นหรือ เปล่าเลย เพราะการเลิกทาสมีขึ้นพร้อมๆ กันกับการสร้างรัฐรวมศูนย์ที่เร าเรียกกันว่า "สมบูรณาญาสิทธิราช" กล่าวอีกอย่างหนึ่ง นี่คือการที่ชนชั้นนำสยามลิดรอน อำนาจของรัฐและเจ้าครองนครต่างๆ ในท้องถิ่น ให้มาขึ้นกับสยามอย่างเบ็ดเสร็จ สมบูรณ์นั่นเอง
กระบวนการนี้ทำให้เจ้าครองนครท้ องถิ่นไม่สามารถสืบทอดอำนาจตามส ายตระกูลเดิมของตนได้อีกต่อไป พูดอีกอย่างหนึ่งคือ นี่คือการที่สยามทำให้นครเล็กน้ อยรายรอบสยามไปจนจรดขอบเขตของบร ิทิช
อินเดีย (รวมพม่า) ในฝั่งตะวันตก และอินโดจีนในฝั่งตะวันออก
กลายเป็นอาณานิคมของตนเอง สยามไม่ตกเป็นเมืองขึ้นก็จริง
แต่สยามทำให้นครรัฐเล็กๆ กลายเป็นเมืองขึ้นของตนเอง
กระบวนการนี้ไม่ได้ราบเรียบ มีการต่อต้านมากมาย ทั้งจากเจ้าครองนคร (เช่น
กบฏเมืองแพร่) และจากประชาชน (บรรดาผีบุญ)
การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวอะไรกับ การเลิกทาส เกี่ยวตรงที่ว่า ทาสเป็นกำลังสำคัญของ ซุ้ม-กลุ่ม-ก๊กของ "นาย" ต่างๆ ทาสและไพร่จะต้องมีสังกัดขึ้นต่ อนายอย่างชัดเจน อยู่ใต้อำนาจของหัวหน้ากลุ่มก๊ก ต่างๆ อย่างแน่นิ่ง ไม่สามารถเคลื่อนกายย้ายถิ่นได้ ง่ายๆ เนื่องจากจะกลายเป็นการเคลื่อนก ำลังพล หรือไม่ก็กลายเป็นการเสียทั้งฐา นการผลิตและฐานกำลังในการปกป้อง ตนเองของหัวหน้ากลุ่มก๊ก
อ.อคิน รพีพัฒน์เขียนให้ภาพระบบนี้เอาไ ว้นานแล้วว่า นี่เป็นระบบอุปถัมภ์แบบพิรามิด ในระบบเช่นนี้ ผู้ใดที่ขึ้นเป็นกษัตริย์ได้ ก็เนื่องมาจากเป็นผู้ที่มีไพร่- ทาสในสังกัดเป็นจำนวนมากที่สุด ในสมัยใดที่มีกษัตริย์สององค์ ก็เนื่องจากทั้งสองกษัตริย์นั้น มีไพร่-ทาสจำนวนไล่เลี่ยกัน ขอย้ำว่า นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นการมีกำลังคนในสังกัดมาก น้อยเท่าใด
การเลิกทาสที่เกิดพร้อมๆ กับการลิดรอนอำนาจเจ้านครท้องถิ ่นต่างๆ ทำลายอำนาจการผูกขาดกำลังคนของร ัฐท้องถิ่นลง ทำลายอำนาจที่จะมาท้าทายอำนาจกษ ัตริย์ลง การเลิกทาสจึงเปลี่ยนไพร่-ทาสที ่มีสังกัดมูลนายที่อาจมีอำนาจท้ าทายกษัตริย์ ให้กลายเป็นพลเมืองที่ขึ้นกับกษ ัตริย์แต่เพียงผู้เดียว พลเมืองเหล่านี้กลายเป็นแรงงานท ี่เคลื่อนย้ายถิ่นได้ สามารถดูดมากเป็นกำลังแรงงานทำก ารผลิตใต้อำนาจทางการผลิตของชนช ั้นนำสยามที่กระจุกตัวอยู่ในกรุ งเทพได้
คำอธิบายการเลิกทาสในตำราเรียนเ ป็นนิยายที่อาศัยฉากอดีต ที่เขียนเพื่ออำพรางการยักย้ายถ ่ายเทอำนาจ การจัดสรรอำนาจรัฐแบบใหม่ ปิดบังการรวบอำนาจเพื่อสร้างรัฐ อาณานิคมขนาดย่อมไว้ใต้ภาพความก ารุณ
ความเชื่อที่ว่าระบบทาสในสังคมไ
แคทเธอรีน บาววี่ (Katheirne A. Bowie) เคยเขียนบทความรวบรวมเอกสารที่ก
ทาสเหล่านี้เป็นกลุ่มชาติพันธ์ุ
ฉะนั้นใครที่ใฝ่ฝันว่าชีวิตของช
ภาพดังกล่าวยิ่งสะท้อนว่าการเลิ
กระบวนการนี้ทำให้เจ้าครองนครท้
การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวอะไรกับ
อ.อคิน รพีพัฒน์เขียนให้ภาพระบบนี้เอาไ
การเลิกทาสที่เกิดพร้อมๆ กับการลิดรอนอำนาจเจ้านครท้องถิ
คำอธิบายการเลิกทาสในตำราเรียนเ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น