Wed, 2013-10-02 01:27
สัมภาษณ์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ หนึ่งในผู้เขียน PreahVihear: A Guide to the Thai-Cambodian Conflict and Its Solutions เมื่อ 30 ก.ย. 56 ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT)
ปก
หนังสือ PreahVihear: A Guide to the Thai-Cambodian Conflict and Its
Solutions โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ และ ภู
โสธิรักษ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ White Lotus
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย หรือ FCCT มีการเสวนาและการเปิดตัวหนังสือ PreahVihear: A Guide to the Thai-Cambodian Conflict and Its Solutions (พระวิหาร: คู่มือทำความเข้าใจความขัดแย้งไทยกัมพูชา และทางออก) ซึ่งเป็นหนังสือที่เริ่มเขียนมาตั้งแต่ปี 2553 โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยเกียวโต (CSEAS) และ ภู โสธิรักษ์ (Pou
Sothirak) อดีตเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศญี่ปุ่น
และอดีตผู้อำนวยการสถาบันกัมพูชาเพื่อสันติภาพและความร่วมมือ (CICP)
ผู้เขียนหนังสือทั้งสามได้มาร่วมเสวนาในการเปิดตัวหนังสือดังกล่าว
000
ภายหลังการเสวนา ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์
ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ว่า
หนังสือเล่มนี้ถ้าแปลเป็นไทยก็คือเป็น
"คู่มือแนะนำในการเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชา"
และเสนอทางแก้ไขปัญหาโดยในส่วนที่เป็นบทการแก้ไขปัญหานั้น ท่านทูตกัมพูชา ภู โสธิรักษ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เขียนด้วย โดยได้เสนอวิธีแก้ไขปัญหาในหลายระดับ ตั้งแต่ในระดับของทวิภาคี ซึ่งไทยและกัมพูชายังมีกลไกที่ใช้ได้อยู่ และกลไกนี้สามารถใช้เป็นเวทีให้ทั้งสองฝ่ายคุยกันในหลายๆ ระดับต่างกันไป เช่น Joint Border Committee คณะกรรมการร่วมชายแดน 2 ประเทศ หรือ General Joint Committee ที่เป็นคณะกรรมการกว้างๆ ที่ดูแลหลายๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องเขตแดน
"นี่เป็นจุดหนึ่งที่ผมเห็นว่าสามารถทำได้ โดยเฉพาะเมื่อเราคำนึงถึงบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในขณะนี้ ซึ่งเปิดกว้างมากขึ้น สองรัฐบาลคุยกันมากขึ้น มันก็อาจมีความเป็นไปได้"
"อีกจุดหนึ่ง เป็นการแก้ไขปัญหา โดยผ่านกลไกทางด้านภูมิภาค นั่นก็คือการพึ่งสมาคมอาเซียน ที่ต้องเป็นอาเซียนเพราะทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกอาเซียน และอย่างที่ผมย้ำในวันนี้คืออาเซียนมีกลไกในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศ สมาชิก เมื่อเรากลับไปดูเอกสารที่อาเซียนเคยลงนามร่วมกันตั้งแต่ก่อตั้งอาเซียนจน ถึงล่าสุดมีการใช้กฎบัตรอาเซียน ในทุกเอกสารมีการพูดถึงการแก้ไขปัญหาทวิภาคี ซึ่งถ้าสองฝ่ายร่วมใจกันและยังเห็นความสำคัญของอาเซียน ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาได้"
"อีกอันหนึ่งที่ท่านทูตกัมพูชา เสนอไว้คือ การพึ่งองค์การระหว่างประเทศ ผมเห็นว่าอาจไม่ได้ผลส่วนหนึ่ง เพราะการหันไปพึ่งองค์การระหว่างประเทศในระดับโลก มันชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของกลไกในภูมิภาคที่เรามีอยู่ คิดว่าไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม คิดว่าถึงที่สุดแล้วความเป็นไปได้อยู่ที่ทวิภาคีและในกรอบของภูมิภาคคืออา เซียน" อ.ปวินกล่าว
ต่อคำถามที่ว่า "ข้อเสนอในเรื่องการจัดการพื้นที่พิพาทร่วมกัน ในความเป็นจริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไขใด?" นั้น อ.ปวิน กล่าวว่า "ปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีเขาพระวิหารที่เลยเถิดบานปลายถึงขั้นที่เรียกว่า สงครามก็ว่าได้นี้ กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า "Set Standards" คือตั้งมาตรฐานในแง่ที่ลบมากๆ หมายความว่า ต่อไปนี้ข้อพิพาทที่มีต่อกัมพูชาโดยเฉพาะในเรื่องชายแดนต้องถูกเอามา วิเคราะห์ ถกเถียงกันในพื้นที่สาธารณะ ทำให้ "Room of Manoeuvre" หมายถึงว่า ช่องทางที่จะมีการแก้ไขปัญหา Behind the scence ลดน้อยลง หมายความว่า ปัจจัยเรื่องเกี่ยวกับความยืดหยุ่นมันลดน้อยลง เพราะว่ามันกลายเป็นประเด็นสาธารณะแล้ว ทุกฝ่ายโดยเฉพาะสาธารณชนจับตามองอย่างยิ่งว่าจะแก้ไขอย่างไร เพราะฉะนั้นผมถือว่าเป็นการเซ็ทมาตรฐานที่แย่มากๆ"
"ในความเป็นจริง ถ้าจะจัดการพื้นที่ร่วมกันนั้น อ.ปวิน เห็นว่า "เรื่องนี้ต้องกลับไปคุยกันนอกรอบอีก กลับไปคุยโดยที่ไม่เอามาพูดในสื่อมากนัก เพราะจะเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายมีการโต้เถียงต่อรองกัน ซึ่งถ้าพูดตามความเป็นจริงคงเกิดลำบาก เพราะว่าประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นที่ทุกคนรู้กันหมดแล้ว และผมไม่แน่ใจว่า เราไม่ใช่มีข้อพิพาทกับกัมพูชาเพียงแค่กรณีเขาพระวิหารอย่างเดียว เรายังมีความขัดแย้งในเรื่องเกี่ยวกับวัดต่างๆ ที่อยู่ในแนวพรมแดน ผมกังวลใจว่าถ้าหากว่าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาแบบเงียบๆ ต้องเปิดออกมาในที่สาธารณะ มันยิ่งทำให้ปัญหาต่างๆ เกิดความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น"
"ถ้าจะตอบปัญหาข้อนี้ก็คือ ในความเป็นจริงแล้วคงเป็นไปได้ลำบากที่จะกลับไปคุยกันแบบเดิม คือแบบที่มีการเจรจาหลังม่าน ผมคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก"
000
สำหรับหนังสือ PreahVihear: A Guide to the Thai-Cambodian Conflict and Its Solutions
นอกจากการเปิดตัวที่ FCCT ในกรุงเทพฯ แล้ว เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 56
ที่ผ่านมา ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ก็มีการเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ที่ สถาบันกัมพูชาเพื่อสันติภาพและความร่วมมือ (CICP) ซึ่งสถาบันดังกล่าวมีเจ้านโรดมศิริวุฒิ พระเจ้าอาของสมเด็จนโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชาองค์ปัจจุบัน เป็นประธานเช่นกันนอกจากนี้จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับตัวหนังสือเล่มนี้อีกครั้งในการเสวนาหัว ข้อ "นับถอยหลัง วันเปิดคำพิพากษา "คดีเขาพระวิหาร" ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 3 ต.ค. 56 (ดูกำหนดการ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น