updated: 22 ต.ค. 2556 เวลา 12:30:32 น.
กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีในพรรคเพื่อไทยที่ฝุ่นตลบก่อนหน้านี้ ต้องถอยร่นไปถึงเดือนธันวาคมถึงจะมีการเขย่าโผกันอีกคำรบ
เพราะก่อนหน้านี้ ที่ "วิเชษฐ์ เกษมทองศรี" รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ "สรวงศ์ เทียนทอง"รมช.สาธารณสุข 2 รัฐมนตรีใต้เสื้อคลุมพรรคเพื่อไทย มีข่าวว่าจ่อถูกปรับพ้นตำแหน่ง รมต.
เพราะเสียงลือในพรรค เล่าถึงทั้ง 2 คนว่า ไม่สามารถเอาตัวรอดจากกรณีที่ไม่ได้แจ้งเรื่องการถือหุ้นในบริษัทเอกชนเกิน 5% ให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทราบภายใน 30 วันนับจากวันเข้ารับตำแหน่ง จึงส่อว่าผิดตาม พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543
แต่เนื่องจาก ป.ป.ช.มีสิทธิ์แค่ "ชี้มูล" ความผิด มิได้มีอำนาจ "ถอดถอน" ป.ป.ช.จึงทำได้เพียงส่งเรื่องของ "วิเชษฐ์" ไปยังองค์กรที่มีอำนาจอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้ขาดในครั้งที่หนึ่ง ก่อนส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญลงดาบถอดถอนในขั้นตอนสุดท้าย
เมื่อสำนวนของ "วิเชษฐ์" ไปสู่มือ กกต.ก็ไม่ได้ฟันทันที เพราะต้องนำสำนวนเข้ากระบวนการตรวจสอบของ กกต.ต้องผ่านทั้งสำนักงานกฎหมายและคดี ผ่านมือคณะอนุกรรมการสอบสวนของ กกต. กว่าแฟ้มของ "วิเชษฐ์" จะถูกนำเข้าสู่ที่ประชุม 5 เสือ กกต.ชี้ขาด ก็ปาไปอย่างต่ำ 45-60 วัน กว่าจะส่งต่อไปถึงศาลรัฐธรรมนูญและมีการตัดสินต้องใช้เวลาอีกนานหลายสิบวัน
ขณะที่สำนวนของ "สรวงศ์" ยังคงเป็นสำนวนค้าง ที่รอการหาข้อมูล ป.ป.ช. ยังไม่มีบทสรุปว่าจะฟันเมื่อใด
ดังนั้น กระแสข่าวการปรับ ครม. เพื่อให้ 2 รัฐมนตรีที่มีชนักติดหลังพ้นจากตำแหน่ง จึงถูกพับไปก่อน
อย่างน้อยต้องรอให้ผ่านพ้นวันที่ 2 ธันวาคม อันเป็นวันที่บุคคลจากบ้านเลขที่ 109 จะพ้นการถูกแบนทางการเมืองเสียก่อน ขวดโหลที่บรรจุรายชื่อคนที่มีสิทธิ์เลื่อนชั้นเป็นเสนาบดีจะถูกเขย่าอีกครั้ง
โดยเฉพาะการกลับมาของกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนทั้ง 37 คนหลังจากถูกเพิกถอนไป 5 ปี
คนระดับ "บิ๊ก" ที่ถูกแบนเพราะพิษคำวินิจฉัยยุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนั้น แต่ยังเป็นกำลังหลักช่วยงานอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยหลายคน และคนเหล่านี้ก็มีสิทธิ์ได้รับตำแหน่งสำคัญเช่นเดียวกัน
อาทิ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี วันนี้เขานั่งเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย มีอำนาจสั่งการ กำหนดลมหายใจ ส.ส.ในพรรค
แต่เขาปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งใด ๆ ทางการเมือง ไม่คิดเป็นนายกฯสำรอง หาก "ยิ่งลักษณ์" ประสบอุบัติเหตุทางการเมือง ขอเพียงช่วยงานอยู่เบื้องหลัง
เขายินดีรับเงินเดือน 30,000 บาท ในฐานะข้าราชการบำนาญ "สมชาย" บอกว่า เขามีความสุข แต่...การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน
"ชูศักดิ์ ศิรินิล" อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในยุคสมชาย วันนี้ "ชูศักดิ์" เป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหอกยามที่พรรคฝ่ามรสุมตุลาการภิวัตน์ เป็นหนึ่งในทีมยุทธศาสตร์พรรค เป็นแกนหลักในการวางแผนขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ก็อาจมีชื่อกลับมาเสริมกำลังทีมกฎหมายอีกครั้ง
"นพดล ปัทมะ" อดีต รมว.ต่างประเทศ ทนายส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี เขาเป็นหัวโต๊ะในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ประชาสัมพันธ์ วางแผน พี.อาร์. จัดทีมโทรโข่งต่าง ๆ ให้กับพรรคเพื่อไทย และจัดวาระการเมืองให้ทีมโฆษกรัฐบาล
ด้านพรรคชาติไทยพัฒนา ที่คุม 2 กระทรวงหลัก มีเสนาบดีที่เป็นแถว 2 ทั้ง "ยุคล ลิ้มแหลมทอง" รมว.เกษตรฯ หรือ
"สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์" รมว.การท่องเที่ยวฯ ทั้งคู่เป็นอดีตข้าราชการที่อยู่ใต้ร่มเงาของ "บรรหาร ศิลปอาชา" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา
แต่หลังจากวันที่ 2 ธันวาคม โควตาเก้าอี้รัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคอาจเปลี่ยนมือ แม้ "มังกรบรรหาร" จะตัดสินใจว่าพอกับการเมืองหน้าฉาก ขอเป็นผู้คุมเกมอยู่เบื้องหลังตามเดิม แต่ยังมี 2 คนสำคัญที่เปรียบเป็นมือซ้ายและมือขวาอย่าง "สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล"-"นิกร จำนง" ก็จะกลับคืนสู่ลู่วิ่งอีกครั้ง
การปรับ ครม.ในเดือนธันวาคม อาจมีชื่อ 1 ใน 2 คน หวนคืนสู่ตำแหน่ง
ขณะที่กลุ่มมัชฌิมาธิปไตยของ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย มีด้วยกัน 7 เสียง ที่แตกตัวออกจากพรรคภูมิใจไทย ซีกของ "เนวิน ชิดชอบ"
คนที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และมีโอกาสจะคัมแบ็กกลับมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีมีเพียง "อนงค์วรรณ เทพสุทิน" ภรรยาของนายสมศักดิ์ กลุ่มมัชฌิมาฯอาจมีส่วนเคลื่อนไหวให้พรรคเพื่อไทยปรับ ครม.
และอาจเห็นคนใดคนหนึ่งได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล
ยิ่งลักษณ์ ตอบแทนเสียงโหวต 7 เสียงของกลุ่มมัชฌิมาฯ ที่คอยยกมือสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในสภาทุกครั้ง
เป็นความเคลื่อนไหว 2 พรรค 1 กลุ่ม ที่ติดบ่วง 109 และกำลังได้รับสิทธิ์ทางการเมืองคืนในวันที่ 2 ธันวาคมนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น