ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
ภาพ VOICE TV
ศาล อุทธรณ์พิพากษากลับจำคุก 3 ปี "สนธิ ลิ้มทองกุล ข้อหาหมิ่นสถาบัน นำคำพูด"ดา ตอร์ปิโด" ปราศรัยซ้ำบนเวทีพันธมิตรฯ ปี 51 ลดโทษเหลือ 2 ปี
เมื่อวันที่ 1 ต.ค.
ที่ห้องพิจารณาคดี 814 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10
เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล
อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลย
ในคดีหมิ่นเบื้องสูงหมายเลขดำที่ 2066/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา
10 เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล
แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นจำเลย
ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์
พระราชินี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 8
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
กรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ค.
2551 จำเลยนี้ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตย บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์
ด้วยการกระจายเสียงเครื่องขยายเสียง ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังจำนวนหลายคน
มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และทางอินเตอร์เน็ต
โดยผ่านทางเว็ปไซด์ของเอเอสทีวีให้ประชาชนทั้งคนไทยและต่างชาติได้รับชมและ
รับฟังทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ มีข้อความซึ่งจำเลยนำเอาคำปราศรัยของ
น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล ที่พูดบนเวทีปราศรัยที่ท้องท้องสนามหลวง
อันเป็นการพูดที่มีถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ
แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์มาพูดซ้ำ อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
เหตุเกิดที่แขวง-เขต ดุสิต กทม. ขอให้ลงโทษตามรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า
คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีเจตนาดูหมิ่นใส่ร้ายอาฆาต
สถาบันหรือไม่ เห็นว่า
ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยโต้แย้งกันในศาลล่างฟังได้ว่า
จำเลยนำคำพูดของน.ส.ดารณี หรือ ดา ตอร์ปิโด พูดพาดพิงสถาบัน
มาพูดที่เวทีพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นการนำคำพูดมาหมิ่นประมาทซ้ำ
ที่จำเลยอ้างว่าไม่เจตนา
แต่เอาคำพูดมาพูดซ้ำก็เพื่อให้เห็นถึงการดำเนินคดีกับน.ส.ดารณี หรือ ดา
ตอร์ปิโด ศาลอุทธรณ์เห็นว่า
จำเลยไม่มีความจำเป็นต้องเอาเนื้อหามาถ่ายทอดพูดซ้ำในที่สาธารณะ
เพราะคนไทยบางส่วนไม่ทราบว่า น.ส.ดารณี หรือ ดา ตอร์ปิโด พูดอย่างไร
ก็มาทราบจากการที่จำเลยพูด ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์
ส่งผลกระทบต่อสถาบัน อันเป็นการกระทำที่ไม่ระวังระวังอย่างเพียงพอ
การกระทำเป็นการครบองค์ประกอบความผิดแล้ว จึงเป็นความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ
ตาม ป.อาญามาตรา112 ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1ใน 3
คงจำคุก 2
ปี ทั้งนี้ทนายความได้นำหลักทรัพย์ดำเนินการยื่นขอประกันตัวต่อศาลต่อไป
ขณะที่ASTV ผู้จัดการรายงานว่า หลัง ฟังคำพิพากษา นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความได้นำหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพของบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด(มหาชน) วงเงิน 3 แสนบาท ยื่นขอประกันตัวต่อศาลต่อไป ซึ่งต่อมานายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความได้เพิ่มหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ เป็นวงเงิน 5 แสนบาทต่อศาล ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาแล้วให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในศาลฏีกาต่อไป
ขณะที่นายสนธิ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังได้ประกันตัวว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ซึ่งตนยอมรับว่า นำคำพูดของ น.ศ.ดารณีมาปราศรัยบนเวทีจริง แต่นำมาพูดเพียงบางส่วน เจตนาก็เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับน.ส.ดารณี โดยก่อนหน้านั้นน.ส.ดารณีได้พูดปราศรัยหมิ่นเบื้องสูง ที่เวทีท้องสนามหลวงหลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจนิ่งเฉยไม่ดำเนินการอะไร และคดีนี้พยานโจทก์ก็ให้การขัดแย้งกัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคน ยังเห็นว่าการปราศรัยของตนไม่มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูง อย่างไรก็คดีนี้เป็นคดีความมั่นคง ซึ่งศาลชั้นต้นเห็นว่าจะต้องพิจารณาถึงเจตนาอย่างละเอียดรอบคอบ ขณะที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเพียงว่าตนนำคำพูดมาปราศรัยซ้ำ จึงพิพากษาจำคุก 3 ปี แต่ลดโทษเหลือ 2 ปี โดยศาลไม่ได้มองว่าตนมีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ อย่างไรก็ตามคดีนี้คงต้องสู้กันต่อในศาลฎีกา
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาวันที่ 26 ก.ย. 2555 สรุปใจความได้ว่า ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายแล้วเห็นว่า การพูดของจำเลยสืบเนื่องมาจากการที่ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล พูดบนเวทีปราศรัย ที่ท้องสนามหลวง เป็นการพูดโดยถอดข้อความบางตอนมาสรุปให้ประชาชนฟัง โดยจำเลยเห็นว่าคำพูดของ น.ส.ดารณี เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และพระราชินี จึงเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร.ขณะนั้น ให้ดำเนินคดีกับน.ส.ดารณี จึงเห็นได้ว่าการที่จำเลยสรุปคำพูดของน.ส.ดารณีเมื่อฟังโดยรวมแล้วเป็นการ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาที่จะเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับน.ส.ดารณี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการขยายคำพูดของน.ส.ดารณีอันมีเจตนาโดยตรงเพื่อ หมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และพระราชินี การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ให้พิพากษายกฟ้อง
ขณะที่ASTV ผู้จัดการรายงานว่า หลัง ฟังคำพิพากษา นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความได้นำหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพของบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด(มหาชน) วงเงิน 3 แสนบาท ยื่นขอประกันตัวต่อศาลต่อไป ซึ่งต่อมานายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความได้เพิ่มหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ เป็นวงเงิน 5 แสนบาทต่อศาล ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาแล้วให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในศาลฏีกาต่อไป
ขณะที่นายสนธิ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังได้ประกันตัวว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ซึ่งตนยอมรับว่า นำคำพูดของ น.ศ.ดารณีมาปราศรัยบนเวทีจริง แต่นำมาพูดเพียงบางส่วน เจตนาก็เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับน.ส.ดารณี โดยก่อนหน้านั้นน.ส.ดารณีได้พูดปราศรัยหมิ่นเบื้องสูง ที่เวทีท้องสนามหลวงหลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจนิ่งเฉยไม่ดำเนินการอะไร และคดีนี้พยานโจทก์ก็ให้การขัดแย้งกัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคน ยังเห็นว่าการปราศรัยของตนไม่มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูง อย่างไรก็คดีนี้เป็นคดีความมั่นคง ซึ่งศาลชั้นต้นเห็นว่าจะต้องพิจารณาถึงเจตนาอย่างละเอียดรอบคอบ ขณะที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเพียงว่าตนนำคำพูดมาปราศรัยซ้ำ จึงพิพากษาจำคุก 3 ปี แต่ลดโทษเหลือ 2 ปี โดยศาลไม่ได้มองว่าตนมีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ อย่างไรก็ตามคดีนี้คงต้องสู้กันต่อในศาลฎีกา
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาวันที่ 26 ก.ย. 2555 สรุปใจความได้ว่า ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายแล้วเห็นว่า การพูดของจำเลยสืบเนื่องมาจากการที่ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล พูดบนเวทีปราศรัย ที่ท้องสนามหลวง เป็นการพูดโดยถอดข้อความบางตอนมาสรุปให้ประชาชนฟัง โดยจำเลยเห็นว่าคำพูดของ น.ส.ดารณี เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และพระราชินี จึงเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร.ขณะนั้น ให้ดำเนินคดีกับน.ส.ดารณี จึงเห็นได้ว่าการที่จำเลยสรุปคำพูดของน.ส.ดารณีเมื่อฟังโดยรวมแล้วเป็นการ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาที่จะเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับน.ส.ดารณี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการขยายคำพูดของน.ส.ดารณีอันมีเจตนาโดยตรงเพื่อ หมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และพระราชินี การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ให้พิพากษายกฟ้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น