ภาพโดย:นพพล อาชามาส
นายธรม (สงวนนามสกุล) พยานโจทก์ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่สามของผู้ตายขึ้นเบิกความโดยสรุปว่าขณะเกิด เหตุตนไม่ได้อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ศึกษาคริสตคัมภีร์อยู่ที่จังหวัดชลบุรี เมื่อทราบเหตุจากพี่ชายก็รีบกลับมาดูศพบิดา แต่ยังไม่สามารถนำศพบิดาออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้เนื่องจากมี กลุ่มเสื้อแดงปิดล้อมโรงพยาบาล ทั้งยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะยังมี กลุ่มคนเสื้อแดงขี่จักรยานยนต์มาวนเวียนแถวทางเข้าหมู่บ้าน ตนไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับวันเกิดเหตุ ทางครอบครัวได้มอบหมายให้พี่ชายคนรองของตนซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกบิดาดำเนิน การรับเงินเยียวยาจากรัฐบาลกรณีเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงทาง การเมืองเป็นจำนวนเงิน 7.5 ล้านบาท และได้ยื่นคำแถลงต่อศาลไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยแล้ว ส่วนตนเองนั้นไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง และไม่ได้ติดใจเรียกร้องเอาความใดๆ แต่เสียใจ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก
นายแดง ปวนมูล ตัวจำเลยเองขึ้นเบิกความต่อศาลเป็นพยานจำเลยเพียงปากเดียวโดยสรุปว่า มีอาชีพรับจ้างขับรถโดยสารสองแถวสี่ล้อแดง ในวันเกิดเหตุรับฟังวิทยุสถานีรักเชียงใหม่ 92.5 MHz ทราบ ว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง และกลุ่มทหารเสือพระราชาซึ่งเป็นกลุ่มเสื้อเหลืองเชียงใหม่ได้ระดมพลเพื่อจะ ไปปิดสนามบินเชียงใหม่ไม่ให้นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กลับเข้าสู่ประเทศ ตนจึงได้ไปรวมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่โรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซซึ่งเป็นที่ตั้ง ของสถานีวิทยุดังกล่าว และขึ้นรถของคนเสื้อแดงที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนทยอยตามกันไปเพื่อไปปิดล้อม สถานีวิทยุวิหคเรดิโอ 89 MHz ซึ่งเป็นจุดรวมพลของกลุ่มเสื้อเหลืองเชียงใหม่ เมื่อไปถึงประมาณเวลา 15.40 น. พบว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ประมาณ 50-100 คน กำลังยิงหนังสะติ๊กตอบโต้ไปมากับกลุ่มคนเสื้อเหลือง มีการขว้างปาดอกไม้ไฟ พลุ และระเบิดปิงปองจากทั้งสองฝ่ายตลอดเวลา รวมทั้งมีการใช้อาวุธปืนยิงกันทั้งสองฝ่าย
นายแดงเบิกความต่อว่า ภาพถ่ายที่เห็นว่าตนพกมีดสปาร์ต้านั้นเป็นของคนเสื้อแดงชื่อนายเจมส์ ที่นำมาฝากไว้กับตน และตนได้คืนมีดให้แก่นายเจมส์ไปก่อนหน้าที่จะเห็นคนเสื้อแดงคนหนึ่งถือปืน ลูกซอง แต่เหมือนไม่กล้ายิง ตนจึงได้เข้าไปเอาปืนมายิงเข้าไปยังกลุ่มคนเสื้อเหลืองหนึ่งนัด แล้วจึงนำปืนมาคืนเจ้าของ หลังจากนั้นไม่นานมีแกนนำบอกให้ไปที่สนามบินเพราะใกล้เวลาที่นายสมชายจะเดิน ทางมาถึง จึงได้กระโดดขึ้นรถสามล้อเครื่องของกลุ่มคนเสื้อแดงออกจากที่เกิดเหตุไป ตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ยังไม่ตก เมื่อนายสมชายมาถึง ก็ได้ตามขบวนไปดูแลความปลอดภัยบริเวณหมู่บ้านกรีนวัลเลย์ บ้านพักของนายสมชาย เนื่องจากมีข่าวว่ากลุ่มเสื้อเหลืองจะตามมาทำอันตราย แต่เมื่อไม่มีเหตุรุนแรงใดเกิดขึ้น ตนจึงกลับมาที่โรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซที่จอดรถทิ้งไว้ และขับกลับบ้าน มาทราบเรื่องว่ามีคนตายในที่เกิดเหตุจากคำบอกเล่าของเพื่อนเสื้อแดงในเช้า วันถัดมา
นายแดงเบิกความอีกว่า ตนต้องคดีพยายามฆ่าการ์ดเสื้อเหลืองจากการยิงปืนลูกซองหนึ่งนัด ซึ่งได้รับสารภาพไปแล้ว และรับโทษจำคุกอยู่ในปัจจุบัน (พิพากษา เสื้อแดงเชียงใหม่ จำคุก 5 ปี 6 เดือน จากเหตุปะทะกลุ่มพันธมิตรปี 51) เพิ่งจะมารู้จักจำเลย 5 คน (ศาลฎีกาสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยคดีเสื้อแดงเชียงใหม่ 5 ราย) ใน คดีข้อหาร่วมกันฆ่านายเศรษฐาจากเหตุการณ์เดียวกันนี้ภายหลังจากต้องโทษจำคุก ในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ด้วยกัน ก่อนหน้านี้ตนรับแจ้งข้อหาจากพนักงานสอบสวนเพียงข้อหาเดียวคือพยายามฆ่า มาทราบว่าตนตกเป็นจำเลยคดีนี้หลังจากได้ดำเนินการขอพักโทษตามระเบียบกรม ราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ทำการตรวจสอบประวัติ พบว่ามีคดีค้างอยู่จึงได้สอบถามไปทางพนักงานอัยการ จนกระทั่งถูกฟ้องเป็นคดีนี้ ซึ่งตนไม่รู้เห็นด้วย ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุในเวลาที่นายเศรษฐาถูกทำร้ายเสียชีวิตตามที่เบิก ความไปก่อนหน้า
หลังสืบพยานทั้งหมดเสร็จสิ้น ผู้พิพากษาได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 27 ธันวาคม 2556 พร้อมอธิบายต่อจำเลยและทนายความว่าที่คำพิพากษาต้องล่าช้าเนื่องจากมีคดี ต้องสะสางเป็นจำนวนมาก อีกทั้งคดีนี้จำเป็นต้องส่งให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ตรวจคำพิพากษาเสียก่อน ทนายจำเลยจึงแถลงเพิ่มเติมต่อศาลว่าโทษจำคุกในคดีเดิมของจำเลยจะสิ้นสุดใน วันที่ 10 มกราคม 2557
ในวันพิจารณาคดีนี้ มีเพียงมารดาและน้องสาวของนายแดงมาให้กำลังใจ ไม่ปรากฏว่ามีแกนนำฝ่ายเสื้อแดงหรือเสื้อเหลืองเข้ามาร่วมรับฟังแต่อย่างใด นายแดงกล่าวกับผู้รายงานข่าวว่า หวังว่าศาลจะยกฟ้องคดีนี้และหลังจากพ้นโทษออกไปจะประกอบอาชีพสุจริตสร้าง หลักฐานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ทุกวันนี้มีโอกาสได้กอดแม่เพียงแค่วันขึ้นศาลเท่านั้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น