ที่มา go6tv
วันที่ 23 ตุลาคม 2556 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว https://www.facebook.com/oakpanthongtae โดยมีเนื้อหาดังนี้
อ้างถึง จดหมายจาก "ควายนิพิฏฐ์" ที่เขียนถึง "ควายโอ๊ค" ครับ
สุภาพชนทั้งหลาย ที่เป็นแฟนเพจของ "พานทองแท้" จะทราบดีนะครับว่า
เฟสบุ๊คเพจนี้ "สุภาพกับคนที่สุภาพ"มาโดยตลอด และถ้าไม่จำเป็น
จะไม่พูดคำหยาบคายใดๆทั้งสิ้น
แต่จากคำขึ้นต้นที่นายนิพิฏฐ์
อินทรสมบัติ ซึ่งเคยเป็นถึง รมต.กระทรวงวัฒนธรรมฯ
ควรจะมีความสำนึกในหน้าที่ ที่เคยปฏิบัติในการดูแลวัฒนธรรมอันดีงามของไทย
แต่กลับเขียนเฟสบุ๊คโดยใช้คำว่า "ถึงโอ๊ค (เจ้าควายทรพี)"นั้น
เพื่อให้มีความเสมอภาคในสังคมออนไลน์
และให้เข้ากับยุคสมัยที่แม้แต่อดีตนายกฯ ซึ่งเคยได้รับรางวัล
"ใช้ภาษาไทยดีเด่น" จากนายนิพิฏฐ์ฯสมัยที่เป็น รมต.กระทรวงวัฒนธรรมฯ
ยังใช้คำว่า "เหี้ย กระหรี่ แรด" ได้อย่างเต็มภาคภูมิ โดยไม่มีความละอายใจ
ดังนั้น...
"การใช้คำนำหน้านามว่าควายนิพิฏฐ์ ควายโอ๊ค หรือควายอภิสิทธิ์ชนที่ไหน ก็คงจะไม่ใช่คำหยาบคายอะไร สำหรับคนพรรคฯนี้ครับ"
การที่จู่ๆ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมฯที่โลกลืม
ไม่ได้มีใครพูดจาพาดพิงถึงเลย ออกมาแกว่งปากหาเสี้ยนโดยไม่จำเป็นในครั้งนี้
คาดว่าต้องการจะตีกินเกาะกระแสในการโปรโมทเฟสบุ๊คของตัวเองครับ
เพราะการใช้คำพูดรุนแรงหยาบคายมักจะได้รับความนิยม
ในหมู่แฟนคลับของพรรคประชาธิปัตย์
ในยุคที่หัวหน้าพรรคฯนิยมพูดคำประเภท"เหี้ยๆ" อะไรทำนองนี้
แต่ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า การแหลมออกมาของนายนิพิฏฐ์ครั้งนี้
ได้ไม่คุ้มเสีย-ขาดทุนเยอะครับ
เขียนถึงโอ๊คครั้งแรกได้ไลค์ในโพสต์นั้นไปพันกว่าไลค์
(จากปกติมีประมาณโพสต์ละ2-3ร้อยไลค์) ชักได้ใจเขียนครั้งที่2เจอดีเลยครับ
บทเรียนราคาแพง ของนายนิพิฏฐ์ฯก็คือ โดนตบปากด้วยจดหมายเปิดผนึก
จากลูกหลานของอดีตนายกฯท่านหนึ่ง ที่ตัวเองพาดพิงไปถึง
จนต้องแก้เกี้ยวออกมาขอโทษด้วยการโกหกผ่านสื่อว่า "ไม่มีเจตนาที่จะกล่าวหา
หากแต่เป็นการตอบโต้ทางการเมืองกับพานทองแท้"
ต้องขอฟ้องต่อตระกูลของผู้ถูกพาดพิงครับว่า การแก้ตัวของนายนิพิฏฐ์ฯ
โดยการแอบอ้างว่าเป็นการตอบโต้ทางการเมืองกับโอ๊คนั้น
เป็นการแก้ตัวแบบหน้าด้านที่สุดครับ นายนิพิฏฐ์ฯ พูดต่อท่านในลักษณะเช่นนี้
เป็นปกติวิสัยในหลายเวทีแล้วครับ
ไม่ใช่การพาดพิงเพื่อโต้กับโอ๊คแต่อย่างใด พูดซ้ำๆมาตั้งเป็นปีแล้วด้วยซ้ำ
ยกตัวอย่าง เช่น
พูดเมื่อ 4เมษายน พ.ศ.2555 ตาม Linkนี้ครับ
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=370424
พูดเมื่อ 17เมษายน พ.ศ.2555 ตาม Linkนี้ครับ
http://m.sanook.com/tablet/news_detail/latest/1112391/
นี่เป็นเพียง 2ตัวอย่างในอีกหลายๆครั้งนะครับ
ที่แสดงให้เห็นว่าการพาดพิงบุคคลที่3นั้น
ไม่ได้เกี่ยวกับการตอบโต้พานทองแท้เลย อันที่จริงนายนิพิฏฐ์ก็เป็นลูกผู้ชาย
กล้าพูดก็ควรจะกล้ารับนะครับ หมิ่นประมาทเขา ก็ขอโทษเขาไปตรงๆน่าจะแมนกว่า
นี่เล่นถือวิสาสะเขียนเฟสบุ๊คพาดพิงโอ๊คไป เรียกโอ๊คว่าลูกไป
ด่าพ.ต.ท.ทักษิณฯพ่อโอ๊คไป พูดจาแบบไม่มีมารยาทเลย
โอ๊คอุตส่าห์นิ่งเฉยไม่ตอบโต้แล้ว แต่พอเจอคนจริงตบปากเข้า
ก็วิ่งมาหลบหลังเด็กแบบนี้ เวลาอยู่บ้านมีอะไรเกิดขึ้น
เคยชินกับการวิ่งไปแอบข้างหลัง อ้างลูก-เมียตัวเองบังหน้าหรือเปล่าครับ
ผู้ชายอะไรน่าอายจริงๆ (ลุงเหลิมเรียกคนจำพวกนี้ว่าพวก"ปากกล้า
ขาสั่น"ครับ)
ที่จริงคุณนิพิฏฐ์ก็เป็นสส.กินเงินเดือนประชาชนนะครับ
น่าจะทำประโยชน์ให้สังคมได้มากกว่านี้ เช่นที่เคยออกมาถล่มพรรคตัวเอง
ตอนอกหักไม่ได้เป็นรัฐมนตรี
แล้วออกมาแฉอย่างไม่อายปากว่าตนเองไม่ได้เป็นรมต.
เพราะมีคนจ่ายเงินให้พรรคปชป. 80ล้านเพื่อซื้อตำแหน่ง เมื่อได้เป็นแล้ว
รมต.คนนั้นต้องถอนทุนอย่างน้อย 90ล้าน (หมายถึงยอมรับตรงๆว่า
รมต.ปชป.โกงกินนะครับเนี่ย) น่าจะมาสรุปผ่านสื่อให้เจ้าของภาษี
และสลิ่ม-แมลงสาบฟังได้ทราบกันบ้างว่า
จนถึงตอนนี้รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ถอนทุนได้ไปเท่าไหร่แล้ว
จะเป็นประโยชน์กว่ามั๊ยครับ
และที่ได้ประกาศต่อหน้าสาธารณชนอีกว่า
ตนเองต้องการใช้หนี้ให้พรรคฯโดยผ่อนชำระเป็นตั๋วแลกเงินไปรษณีย์เดือน
ละ500บาทไม่ทราบว่าถึงเดือนนี้ ได้ใช้หนี้แทนพรรคฯ สำหรับเงิน
80-90ล้านอะไรนั่นไปเท่าไหร่แล้ว คงเหลือเงินที่
รมต.ของพรรคฯถอนทุนไปอีกเท่าไหร่ครับ สัญญาประชาคมเอง
ว่าจะใช้หนี้แทนพรรคฯตัวเอง พูดเองทั้งนั้นนะครับ
พอได้เป็นรัฐมนตรี เรื่องทุกอย่างที่เคยแฉพรรคฯตัวเองไว้กลับเงียบสนิทครับ
สื่อมวลชนจัดให้นายนิพิฏฐ์อยู่ในประเภท รมต.ที่โลกลืม แทบจะไม่มีคนรู้จัก
ลอง Search อากู๋ดู ถ้าถามได้อากู๋คงถามกลับว่า"ใครวะ"ครับ
ที่พอจะได้ยินชื่อเป็นข่าวบ้าง ก็ตอนช่วงปลายๆ จากการเกาะกระแส
"ดอกส้มสีทอง" และเป็นข่าวเรื่อง "ซองหล่นที่หาดใหญ่ พร้อมกับไวน์ 2ขวด"
ในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายซี10
รวมถึงการพูดกับสื่อถึงผลงานของตัวเองโดยไม่อายปากว่า "ผมไม่เคยได้รับคำชม
ตั้งแต่มาอยู่กระทรวงวัฒนธรรม" เป็นข่าวหลักๆก็ประมาณเนี้ยครับ
ฟังดูน่ารักไร้เดียงสาทางการเมืองดีมั๊ยครับ
คนเราผมว่าน่าจะมีดีกันคนละแบบนะครับ นายนิพิฏฐ์ฯอาจจะดีแต่พูดในสภาฯ
และพูดจาตอบโต้ตามประสานักการเมืองของนายนิพิฏฐ์ฯ
ผมอาจจะดีในเรื่องการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย
ผมก็ว่าของผมไปตามเรื่องตามราว ต่างคนต่างทำหน้าที่ที่ตัวเองถนัดดีมั๊ยครับ
ผมคงไม่โง่ที่จะเข้าไปโต้กับคุณในสภาฯ (ถ้าไม่จำเป็น)
คุณก็ไม่น่าจะโง่มาโต้กับผมบนเฟสบุ๊คนี้นะครับ
คนฉลาดเขาจะดึงคนไปเล่นในAreaที่ตนถนัดครับ
ไม่ใช่มาก้าวล่วงคนอื่นแบบนี้...เงิบครับ...เงิบ
ช่วงนี้มีม็อบเยอะครับ อ่านจากข่าวแล้วนายนิพิฏฐ์ฯ น่าจะเป็นหัวหน้าสาย
ที่มีความสำคัญในอันดับต้นๆ คงจะต้องปรากฏต่อหน้าสาธารณชนบ่อยๆ
หากการแส่หาเรื่องในครั้งนี้ ทำให้เริ่มจะเกิดยางอายขึ้นบ้างแล้วละก็....
"เอาปี๊บคลุมหัวหน่อยไหมครับ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น