โดย วาสนา นาน่วม
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ.กล่าวว่า
เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมือง มีความรุนแรงมากขึ้น
มีประชาชนบาดเจ็บและสูญเสียจำนวนมาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน
จึงได้แสดงความคิดเห็นความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังนี้
1.ขอแสดงความเสียใจกับผู้บาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิต
ทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมโดยสันติ
และเจ้าหน้าที่ตร. ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
2.กองทัพบกได้หารือกับนายกรัฐมนตรี ,
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย รวมทั้งกลุ่มต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ ให้ช่วยกันยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น
โดยให้เร่งหาตัวผู้กระทำความผิดในการใช้อาวุธสงครามอย่างอุกอาจ
ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ทั้งนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐ ทั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ/ทหาร
และทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันพิสูจน์ทราบหาข้อเท็จจริง และดำเนินการทางกฎหมาย
เพื่อป้องกัน ปราบปรามให้ได้โดยเร็ว
จากข้อมูลด้านการข่าวพบกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนั้น พบว่ามีอยู่หลายกลุ่ม
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องสมัยเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี
๒๕๕๓ ทั้งนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ทราบ และหาหลักฐานให้ชัดเจน
เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด
3.กองทัพไม่เคยเกรงกลัวในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อแก้ไข
สถานการณ์
แต่เกรงว่าอาจเกิดการบาดเจ็บสูญเสียของประชาชนเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
เพราะมีประชาชนบางส่วนที่ไม่เข้าใจ
และพยายามต่อต้านการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหาร
4.การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร
และข้าราชการในปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่าสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
แต่การปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้
5.การใช้อาวุธต่อผู้ชุมนุม ต่อเจ้าหน้าที่
หรือต่อสถานที่ราชการ เช่น ศาล องค์กรอิสระ
ถือเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมายด้วยกันทั้งสิ้น
ดังนั้นจำเป็นต้องยุติให้ได้ ด้วยการจับกุมดำเนินคดีโดยเร็ว
ด้วยความเป็นธรรม
6.
ทหารไม่สามารถใช้กำลังเข้าแก้ไขปัญหาได้โดยไม่ยึดถือหลักกฎหมาย
เพราะว่าความขัดแย้งในปัจจุบันเกิดขึ้นหลายระดับ
ทั้งระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชน ระหว่างประชาชนด้วยกัน
ดังนั้นหากใช้กำลังแก้ไขที่ปลายเหตุ ย่อมหมายความว่า
รัฐธรรมนูญหรือกฏหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะไม่ได้รับการยึดถืออีกต่อไป
มีหลายฝ่าย อยากให้ใช้วิธีการดังกล่าว จึงขอให้กลับมาตั้งสติพิจารณาดูว่า
ปัญหาเหล่านี้ จะยุติได้หรือไม่
หรือจะเป็นการขยายผลความขัดแย้งรุนแรงออกไปอีกหรือไม่
ในขณะที่ยังคงมีการปลุกระดมประชาชน ให้มาต่อสู้ซึ่งกันและกัน
ต่างฝ่ายก็ยังไม่พยายามลดเงื่อนไข ไม่พยายามจะพิสูจน์ในข้อเท็จจริง
และพยายามแสดงออกว่าไม่ยอมรับกฎ กติกา ของสังคม
ประเด็นสำคัญคือไม่สามารถแน่ใจได้ว่าการใช้กำลังทหารลักษณะนั้นจะทำให้
สถานการณ์ยุติลงได้โดยสงบ ปราศจากการสูญเสีย
รวมทั้งประชาชนที่อยู่นอกเหนือความขัดแย้งจะให้การยอมรับไม่
ความสัมพันธ์ด้านต่าง ๆ กับต่างประเทศ ในด้านเศรษฐกิจ การนำเข้าส่งออก
การค้าการลงทุน จะเป็นอย่างไร
7.ปัจจุบันกองทัพบกได้จัดกำลังออกมาดูแลประชาชนในพื้นที่
ประกาศ พ.ร.ก.ฯ จำนวนมากตลอด 24ชั่วโมง ในขณะเดียวกัน
ยังคงจัดกำลังตอบสนองภารกิจงานป้องกันชายแดน
งานแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
รวมทั้งงานการพัฒนาและงานการช่วยเหลือประชาชน
8.ทุกฝ่าย ต้องทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบให้ครบถ้วน อำนวยความยุติธรรมให้ได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์
9.ความขัดแย้งในครั้งนี้กว้างขวางมากกว่าปี 53
ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่าง รัฐบาล กับกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเดียว แต่ในปี
56-57 นั้น มีความขัดแย้มีหลายกลุ่ม หลายฝ่าย
และมีเงื่อนไขที่สลับซับซ้อนมาก
10.สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนคือ
ทำอย่างไรให้ทุกพวกทุกกลุ่มหันหน้ามาพูดคุยหารือกัน
หาทางออกให้กับประเทศชาติ โดยทุกฝ่ายต้องได้รับความชอบธรรม
เป็นธรรมอย่างเท่าเทียมกัน
และช่วยกันเดินหน้าแก้ไขปัญหากันอย่างเป็นระบบโดยสันติวิธี
รวมทั้งหลีกเลื่ยงการตีความใช้แง่มุมทางกฎหมายมาต่อสู้กันเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ประชาชนทั้งประเทศต้องช่วยกันคิด ช่วยกันเรียกร้องให้เกิดขึ้น
อย่าได้คิดว่าธุระไม่ใช่ หรือยังถือพวกถือฝ่ายกันอยู่
ควรคิดถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
ในฐานะที่เราเป็นคนไทยและเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันทุกคน
เพราะหากมีความสูญเสียเกิดขึ้นอีกต่อไป ประเทศชาติ จะล่มสลายอย่างแน่นอน
และไม่มีใครชนะหรือแพ้อีกต่อไป
11.สรุปเงื่อนไขสำคัญของความขัดแย้งคือ
11.1.การใช้รัฐธรรมนูญและกฎหมายของทุกพวกทุกฝ่าย
มาต่อสู้กัน เพื่อความถูกต้อง ความชอบธรรมความยุติธรรม
มาตรฐานที่เจ้าหน้าที่ ที่แต่ละฝ่ายนำมากล่าวอ้างว่าไม่ได้รับ
11.2.ความโปร่งใส ทุจริต ในโครงการต่างๆทั้งอดีตและปัจจุบัน การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ภายใต้รัฐธรรมนูญและการใช้กฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง
11.3.การไม่ยอมรับโดยสมบูรณ์ต่อการปฏิบัติของกระบวนการ
ยุติธรรม องค์กรอิสระ ซึ่งควรให้องค์กรต่างๆได้ทำหน้าที่โดยไม่ถูกกดดัน
หรือไม่ปลอดภัย
11.4.การดำเนินการของทุกฝ่าย ที่เคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญนั้นควรจะเป็นวิธีการที่ถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมายไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้อื่น
11.5.การปฏิบัติงานของข้าราชการ พลเรือนตำรวจทหาร ตามกฎหมายตามรัฐธรรมนูญที่ ที่ต้องไม่ถูกบังคับให้ต้องเลือกข้าง
11.6.การว่ากล่าวให้ร้าย การปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย โดยปราศจากข้อเท็จจริง
11. 7.เงื่อนไข อื่นๆ ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ทั้งในระดับรัฐบาลหรือมวลชนทุกกลุ่ม และประชาชนอื่นๆในประเทศ
ที่กล่าวมาคือเหตุผลความจำเป็นที่ต้องชี้แจงเพื่อไม่ให้
เกิดความสูญเสียต่อประชาชนคนไทยอีกต่อไป
โดยเฉพาะอยากให้ทุกฝ่ายออกมาร่วมกัน แสวงหาทางออกร่วมกันให้ได้
ก่อนที่ทุกระบบ ที่ใช้ขับเคลื่อนประเทศไทย จะสูญเสียไปอย่างถาวร
และเนื่องจากกองทัพมักจะ ถูกว่ากล่าวให้ร้ายหรือ
ดึงเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่พยายามใช้ความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด
จากนี้ไปหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่ายจะร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยสงบสันติให้ได้
โดยเร็ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น