นายดามาโซ มักบูเอล ประธานเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี
มองการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามีความชอบธรรมแม้จะมีผู้ใช้สิทธิราว 45%
หากศาลรธน.
ทำให้เป็นโมฆะจะเป็นการไม่เคารพสิทธิประชาชนที่ได้เลือกตั้งไปแล้ว
4 ก.พ. 2557 นายดามาโซ มักบูเอล
ประธานเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (ANFREL/อันเฟรล)
ชาวฟิลิปปินส์
ให้สัมภาษณ์กับประชาไทถึงสถานการณ์หลังการสังเกตการณ์การเลือกตั้งว่า
จำนวนผู้มาใช้สิทธิการเลือกตั้งโดยเฉลี่ยทั่วประเทศที่กกต.
เปิดเผยว่าอยู่ที่ราวร้อยละ 45 นั้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ที่มีความรุนแรงและบรรยากาศความไม่ปลอดภัย
ถือว่าค่อนข้างใช้ได้
เนื่องจากมีหลายเหตุผลที่อธิบายจำนวนผู้มาใช้สิทธิลดลงจากปีที่แล้ว
จากที่เคยอยู่ที่ร้อยละ 75

นายดามาโซ มักบูเอล ประธานเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี
เขากล่าวว่า นอกจากเหตุผลเรื่องความปลอดภัยแล้ว
ประชาชนจำนวนมากยังตั้งข้อสงสัยกับผลการเลือกตั้งที่จะออกมาว่าจะถูกตัดสิน
เป็นโมฆะหรือไม่ ทำให้คนจำนวนมากตัดสินใจไม่ออกไปเลือกตั้ง นอกจากนี้ กกต.
เอง ยังทำหน้าที่ของตนเองไม่เต็มที่
โดยเฉพาะการแจ้งหน่วยเลือกตั้งที่ถูกย้าย
ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องเสียสิทธิเพราะหาหน่วยเลือกตั้งไม่เจอ
นอกจากนี้ ความไม่มั่นใจของกกต.เองในการเลือกตั้งครั้งนี้
ก็เป็นผลให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากไม่อยากออกมา เพราะที่ผ่านมา กกต.
ไม่ได้มีการสนับสนุนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิเลย
มีแต่การออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าควรจะเลื่อน กลัวจะมีอันตราย ฯลฯ
เท่านั้น ต่างจากกกต. ชุดที่แล้วที่ทำหน้าที่ได้ดีกว่าชุดนี้ เขากล่าว
ดามาโซอธิบายถึงการกระทำของผู้ไม่ไปเลือกตั้งของกลุ่มกปปส. ว่า เป็น
"การขัดขืนของพลเมือง" (civil disobedience) และการท้าทายกฎหมาย ไม่ใช่
"การใช้สิทธิในการไม่ไปเลือกตั้ง"
เพราะกฎหมายของไทยเป็นประเทศไม่กี่ประเทศในเอเชีย
กำหนดให้การเลือกตั้งเป็นการบังคับ (compulsory voting)
หากไม่ไปจะมีบทลงโทษ เช่น การตัดสิทธิลงเป็นผู้สมัครในครั้งหน้า
เช่นเดียวกับในออสเตรเลีย หรือบราซิล
ที่พลเมืองที่ไม่ไปเลือกตั้งจะถูกปรับเป็นเงินค่าปรับ
อย่างไรก็ตาม เขาเรียกการขัดขวางการเลือกตั้งครั้งนี้ของกลุ่มกปปส. ว่าเป็น “อาชญากรรม”
เมื่อถามถึงเรื่องความชอบธรรมของผลคะแนนจากจำนวนผู้มาใช้สิทธิการเลือก
ตั้ง เขากล่าวว่า ร้อยละ 45
ไม่ได้หมายความว่าผลดังกล่าวไม่มีความชอบธรรมเพราะน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
เพราะไม่มีกฎหมายข้อไหนในรัฐธรรมนูญที่บอกว่าหากได้ผลเลือกตั้งน้อยว่าครึ่ง
หนึ่งจะเป็นโมฆะ อย่างการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาในสมัย Bill Clinton
ก็มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 49
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลดังกล่าวขาดความชอบธรรม
“ในกฎหมายระบุว่า ในเขตที่มีผู้สมัครคนเดียว
หากได้คะแนนเสียงเกินร้อยละ 20 ก็ถือว่าชนะในเขตนั้น ถ้าใช้ตรรกะเดียวกัน
จำนวนร้อยละ 45 ทำไมถึงจะต้องไม่มีความชอบธรรม?” ดามาโซกล่าว
“เท่าที่ผมทราบ ไม่มีการเลือกตั้งที่ไหนในโลกนี้ที่จะสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้เพราะมีผู้มาใช้สิทธิน้อย”
ในกรณีของบังคลาเทศ ที่การเลือกตั้งครั้งล่าสุด
มีผู้มาใช้สิทธิเพียงร้อยละ 20 เพราะฝ่ายค้านได้บอยคอตต์ทั้งหมด
เขากล่าวว่ากรณีนี้ต่างจากไทย ตรงที่พรรครัฐบาลได้แก้ไขกฎหมายการเลือกตั้ง
ไม่จัดให้มีรัฐบาลรักษาการที่เป็นอิสระ และจัดตั้งกกต. ที่รัฐบาลคุม
ดังนั้น การเลือกตั้งในบังคลาเทศครั้งนี้จึงไม่มีความชอบธรรม
ต่างจากของไทยที่กกต. เป็นหน่วยงานอิสระจากรัฐบาลในการจัดการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ กฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้ในปัจจุบัน ก็แก้ไขในปี 2551
โดยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
ต่อเรื่องการที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจทำให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ
ดั่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปยื่นว่าขัดหลักที่การเลือกตั้งต้องจัดภายในวัน
เดียว และขัดต่อมาตรา 68 เขากล่าวว่า
การโมฆะผลการเลือกตั้งจะมีวิธีเดียวเท่านั้น คือการเลือกตั้งจะต้อง
“ขัดกฎกติกาตามกฎหมายที่ได้วางเอาไว้” เช่น มีการทุจริต
หรือเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อเข้าข้างรัฐบาล และถ้าหากจะโมฆะ
ก็ต้องโมฆะเฉพาะเขตที่มีปัญหา ไม่สามารถโมฆะการเลือกตั้งทั้งประเทศได้
มิเช่นนั้นจะถือเป็นการไม่เคารพคะแนนเสียงคนที่ได้ลงไปแล้ว
นอกจากนี้ ข้อโต้แย้งที่ว่า
รัฐบาลไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้เสร็จภายในวันเดียวได้ จึงควรเป็นโมฆะ
เขากล่าวว่า ในกฎหมายการเลือกตั้งได้ระบุไว้อยู่แล้วว่า
หากมีสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น ภัยพิบัติ หรือความรุนแรง
สามารถจัดเลื่อนการลงคะแนนได้ จึงไม่ได้หมายความว่าจะขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ
สำหรับข้ออ้างที่ฝ่ายค้านอ้างว่า
การเลือกตั้งครั้งนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง
อีกทั้งในหลายจังหวัดภาคใต้ไม่สามารถจัดได้
จึงไม่เป็นการเลือกตั้งที่ใสสะอาดและยุติธรรม และควรจะเลื่อนออกไป
ดามาโซกล่าวว่า หากอ้างเช่นนั้น
การเลือกตั้งในประเทศในอัฟกานิสถานคงไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้เลย
“ถ้ากกต. ของอัฟกานิสถานสามารถจัดการเลือกตั้งได้สำเร็จ ผมคิดว่าที่นี่ก็คงไม่ใช่ war zone อะไรขนาดนั้น”
ไรอัน วีลเลอร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ของอันเฟรล กล่าวเสริมว่า
หากการเลื่อนเลือกตั้งสามารถรับประกันว่าจะยุติการประท้วง
ความรุนแรงจากฝ่ายตรงข้ามได้ หรือหากพรรคประชาธิปัตย์จะลงสมัคร
ก็อาจจะมีเหตุผลให้เลื่อน แต่ก็ไม่มีข้อเสนอจากฝั่งดังกล่าว
ดังนั้นแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความให้การเลือกตั้งสามารถเลื่อนได้
แต่การเลื่อนเลือกตั้งก็จะยิ่งทำให้ความรุนแรงยืดเยื้อออกไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น