แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

มวลมหา “ภาคประชาชน” ที่อยู่เหนือประชาชน

ท่ี่มา Thai E-News


บทบรรณาธิการฟ้าเดียวกัน
ต้องยอมรับว่า มีผู้คนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะปัญญาชนและนักเคลื่อนไหว/นักกิจกรรมทางการเมือง ที่แลเห็น เข้าใจ ปลาบปลื้ม หรือคาดหวัง ว่าการเคลื่อนไหวของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็น ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)ซึ่งต้องการส ถาปนา “สภาประชาชน” นั้น เป็น “การปฏิวัตินกหวีด” หรือ“การปฏิวัติประชาชน”

ธีรยุทธ บุญมี ผู้ชายเดือนตุลาคนหนึ่งผู้เคยนำการปฏิวัติประชาชนเมื่อคราว40 ปีก่อน ถึงกับออกมาแถลงว่า ไม่ว่าการต่อสู้ของ กปปส. ครั้งนี้จะบรรลุชัยหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ “คุ้มค่าแก่ความเหนื่อยยากทั้งปวงอยู่แล้ว” ที่ได้เกิด “ประสบการณ์การใช้สิทธิอำนาจของประชาชน พลังที่แท้จริงของ ภาคประชาชน อำนาจต่อรองกับอำนาจการเมืองอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก”

แน่นอนว่า ม็อบ “เทพ” ในรูปของ กปปส. หนนี้ ได้อาศัยร่มพระบรมโพธิสมภารในการโค่นล้ม “ระบอบทักษิณ” เช่นเดียวกับพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตยในอดีต ทว่าการลดทอนขบวนการเคลื่อนไหวของพวกเขาให้เหลือเป็นเพียงขบวนการของ ฝ่ายอนุรักษนิยมหรือกษัตริย์นิยมนั้น อาจนำไปสู่ความเข้าใจสภาพการณ์ทางสังคมการเมืองที่เป็นจริงอันบกพร่องคลาด เคลื่อนได้เช่นเดียวกัน

กล่าวคือ ฐานทางอุดมการณ์และภูมิปัญญาที่รองรับการเคลื่อนไหวของขบวนการต่อต้านระบอบ ทักษิณ–นับตั้งแต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งเสนอ “การเมืองใหม่” จนถึง กปปส.ซึ่งเสนอ “สภาประชาชน”–มิได้มีลำพังแต่กษัตริย์นิยม-อนุรักษนิยม-ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ทว่ายังประกอบไปด้วยสิ่งที่เรียกกันว่า “การเมืองภาคประชาชน” ซึ่งกำเนิดและเติบโตเรื่อยมาตั้งแต่ยุคทศวรรษ 2530ด้วยเป็นสำคัญ

พูดอีกอย่างหนึ่ง ปรากฏการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและต่อเนื่องด้วย กปปส. นั้น มิใช่การหักเห/บิดเบี้ยวของ “การเมืองภาคประชาชน” ตรงกันข้าม ปรากฏการณ์ดังกล่าวกลับนับเป็นพัฒนาการขั้นสูงสุดของการเมืองภาคประชาชนต่าง หาก ดังข้อเสนอของอุเชนทร์ เชียงเสน ที่ศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ “การเมืองภาคประชาชน” ผ่านกรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งค้นพบว่า การเมืองภาคประชาชนนั้น แม้จะกำเนิดขึ้นในยุค “ประชาธิปไตยเต็มใบ” ทว่ากลับพัฒนาไปจนถึงขั้นปฏิเสธประชาธิปไตยแบบตัวแทนในระบบรัฐสภาในท้ายที่ สุด

หากเราได้เสพเนื้อหาบางช่วงบางตอนของ กปปส. และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่วิพากษ์วิจารณ์ปัญหาของ “นักเลือกตั้ง” และ “ทุนสามานย์” แล้วเชื่อมโยงกับประสบการณ์และความคับข้องใจทางการเมืองของแต่ละคนในช่วง2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา ย่อมอาจหลงใหลไปได้กับศัพท์แสงแบบ “หัวก้าวหน้า” ซึ่งบางครั้งข้อเสนออย่าง “สภาประชาชน” ก็ถึงขนาดชวนให้จินตนาการเพริศแพร้วไปยังการปฏิวัติประชาชนของขบวนการ สาธารณรัฐหรือฝ่ายสังคมนิยมในอดีตของหลายประเทศได้เลยทีเดียว

ถ้าพิจารณาอย่างเป็นธรรม การวิพากษ์หรือกระทั่งการปฏิเสธระบบการเมืองแบบเสรีนิยมหรือประชาธิปไตยแบบ รัฐสภานั้น ในแง่หนึ่ง ก็อาจมิใช่ปัญหาโดยตัวมันเอง หากคิดจะสถาปนา “ประชาธิปไตยสมบูรณ์” หรือจะกระทำการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างถอนรากถอนโคนไปสู่สังคมอุดมคติที่ปลด ปล่อยผู้คนจากโซ่ตรวนทางเศรษฐกิจการเมืองอย่างแท้จริง แต่ปัญหาคือว่า การเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในอดีตหรือ กปปส. ในปัจจุบัน พร้อมด้วยข้อเสนอ “การเมืองใหม่” หรือ “สภาประชาชน” นั้น กำลังจะปลดปล่อยสังคมไทยไปสู่อะไรกันแน่

กล่าวถึงที่สุด ทั้งวิธีการและเป้าหมายดังกล่าว อันวางอยู่บนพื้นฐานของการกดทับเสรีภาพขั้นพื้นฐานและความเสมอภาคของผู้คน ส่วนใหญ่ รวมทั้งอ้างอิงความชอบธรรมและกวาดต้อนผู้คนให้ขึ้นต่ออำนาจศักดิ์สิทธิ์ใต้ ร่มพระบรมโพธิสมภารนั้น ย่อมไม่สามารถปลดปล่อยไปสู่ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ประเภทไหนได้เลย นอกเสียจาก ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ (แบบไทยๆ)อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เมื่อมาถึง ณ จุดนี้ มวลมหา “ภาคประชาชน” ภายใต้พระบรมโพธิสมภารก็ได้แปลกแยกกับ “ประชาชน” และสถาปนาตนเองขึ้นเถลิงถวัลย์ อยู่เหนือหัวเราทุกๆ คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
...
"ฟ้าเดียวกัน" สามารถหาซื้อได้ :

ร้านหนังสือในกรุงเเทพ หาซื้อกันได้ที่ ร้านริมขอบฟ้า ร้านกรีน ร้านทีพีนิวส์ ร้านของเรา ร้านก็องดิด 
ร้านต่างจังหวัด ร้านเล่า ร้านบุ๊ค รี: พับลิค ร้านเอกาลิเต้ ร้าน Buku Books & More (ร้านหนังสือบูคู ปัตตานี) 
หรือส่งซื้อโดยตรงกับสำนักพิมพ์ได้ที่ http://www.sameskybooks.net/shop/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น