บทบรรณาธิการฟ้าเดียวกัน
ต้องยอมรับว่า มีผู้คนจำนวนไม่น้อย
โดยเฉพาะปัญญาชนและนักเคลื่อนไหว/นักกิจกรรมทางการเมือง ที่แลเห็น เข้าใจ
ปลาบปลื้ม หรือคาดหวัง
ว่าการเคลื่อนไหวของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็น
ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)ซึ่งต้องการส
ถาปนา “สภาประชาชน” นั้น เป็น “การปฏิวัตินกหวีด” หรือ“การปฏิวัติประชาชน”
ธีรยุทธ บุญมี
ผู้ชายเดือนตุลาคนหนึ่งผู้เคยนำการปฏิวัติประชาชนเมื่อคราว40 ปีก่อน
ถึงกับออกมาแถลงว่า ไม่ว่าการต่อสู้ของ กปปส.
ครั้งนี้จะบรรลุชัยหรือไม่ก็ตาม แต่ก็
“คุ้มค่าแก่ความเหนื่อยยากทั้งปวงอยู่แล้ว” ที่ได้เกิด
“ประสบการณ์การใช้สิทธิอำนาจของประชาชน พลังที่แท้จริงของ ภาคประชาชน
อำนาจต่อรองกับอำนาจการเมืองอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก”
แน่นอนว่า ม็อบ “เทพ” ในรูปของ กปปส. หนนี้
ได้อาศัยร่มพระบรมโพธิสมภารในการโค่นล้ม “ระบอบทักษิณ”
เช่นเดียวกับพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตยในอดีต
ทว่าการลดทอนขบวนการเคลื่อนไหวของพวกเขาให้เหลือเป็นเพียงขบวนการของ
ฝ่ายอนุรักษนิยมหรือกษัตริย์นิยมนั้น
อาจนำไปสู่ความเข้าใจสภาพการณ์ทางสังคมการเมืองที่เป็นจริงอันบกพร่องคลาด
เคลื่อนได้เช่นเดียวกัน
กล่าวคือ
ฐานทางอุดมการณ์และภูมิปัญญาที่รองรับการเคลื่อนไหวของขบวนการต่อต้านระบอบ
ทักษิณ–นับตั้งแต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งเสนอ “การเมืองใหม่”
จนถึง กปปส.ซึ่งเสนอ
“สภาประชาชน”–มิได้มีลำพังแต่กษัตริย์นิยม-อนุรักษนิยม-ประชาธิปไตยแบบไทยๆ
ทว่ายังประกอบไปด้วยสิ่งที่เรียกกันว่า “การเมืองภาคประชาชน”
ซึ่งกำเนิดและเติบโตเรื่อยมาตั้งแต่ยุคทศวรรษ 2530ด้วยเป็นสำคัญ
พูดอีกอย่างหนึ่ง
ปรากฏการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและต่อเนื่องด้วย กปปส. นั้น
มิใช่การหักเห/บิดเบี้ยวของ “การเมืองภาคประชาชน” ตรงกันข้าม
ปรากฏการณ์ดังกล่าวกลับนับเป็นพัฒนาการขั้นสูงสุดของการเมืองภาคประชาชนต่าง
หาก ดังข้อเสนอของอุเชนทร์ เชียงเสน ที่ศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์
“การเมืองภาคประชาชน” ผ่านกรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ซึ่งค้นพบว่า การเมืองภาคประชาชนนั้น แม้จะกำเนิดขึ้นในยุค
“ประชาธิปไตยเต็มใบ”
ทว่ากลับพัฒนาไปจนถึงขั้นปฏิเสธประชาธิปไตยแบบตัวแทนในระบบรัฐสภาในท้ายที่
สุด
หากเราได้เสพเนื้อหาบางช่วงบางตอนของ กปปส.
และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่วิพากษ์วิจารณ์ปัญหาของ
“นักเลือกตั้ง” และ “ทุนสามานย์”
แล้วเชื่อมโยงกับประสบการณ์และความคับข้องใจทางการเมืองของแต่ละคนในช่วง2-3
ทศวรรษที่ผ่านมา ย่อมอาจหลงใหลไปได้กับศัพท์แสงแบบ “หัวก้าวหน้า”
ซึ่งบางครั้งข้อเสนออย่าง “สภาประชาชน”
ก็ถึงขนาดชวนให้จินตนาการเพริศแพร้วไปยังการปฏิวัติประชาชนของขบวนการ
สาธารณรัฐหรือฝ่ายสังคมนิยมในอดีตของหลายประเทศได้เลยทีเดียว
ถ้าพิจารณาอย่างเป็นธรรม
การวิพากษ์หรือกระทั่งการปฏิเสธระบบการเมืองแบบเสรีนิยมหรือประชาธิปไตยแบบ
รัฐสภานั้น ในแง่หนึ่ง ก็อาจมิใช่ปัญหาโดยตัวมันเอง หากคิดจะสถาปนา
“ประชาธิปไตยสมบูรณ์”
หรือจะกระทำการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างถอนรากถอนโคนไปสู่สังคมอุดมคติที่ปลด
ปล่อยผู้คนจากโซ่ตรวนทางเศรษฐกิจการเมืองอย่างแท้จริง แต่ปัญหาคือว่า
การเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในอดีตหรือ กปปส.
ในปัจจุบัน พร้อมด้วยข้อเสนอ “การเมืองใหม่” หรือ “สภาประชาชน” นั้น
กำลังจะปลดปล่อยสังคมไทยไปสู่อะไรกันแน่
กล่าวถึงที่สุด ทั้งวิธีการและเป้าหมายดังกล่าว
อันวางอยู่บนพื้นฐานของการกดทับเสรีภาพขั้นพื้นฐานและความเสมอภาคของผู้คน
ส่วนใหญ่
รวมทั้งอ้างอิงความชอบธรรมและกวาดต้อนผู้คนให้ขึ้นต่ออำนาจศักดิ์สิทธิ์ใต้
ร่มพระบรมโพธิสมภารนั้น ย่อมไม่สามารถปลดปล่อยไปสู่ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
ประเภทไหนได้เลย นอกเสียจาก ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
(แบบไทยๆ)อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เมื่อมาถึง ณ จุดนี้ มวลมหา “ภาคประชาชน”
ภายใต้พระบรมโพธิสมภารก็ได้แปลกแยกกับ “ประชาชน”
และสถาปนาตนเองขึ้นเถลิงถวัลย์ อยู่เหนือหัวเราทุกๆ คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
...
"ฟ้าเดียวกัน" สามารถหาซื้อได้ :
ร้านหนังสือในกรุงเเทพ หาซื้อกันได้ที่ ร้านริมขอบฟ้า ร้านกรีน ร้านทีพีนิวส์ ร้านของเรา ร้านก็องดิด
ร้านหนังสือในกรุงเเทพ หาซื้อกันได้ที่ ร้านริมขอบฟ้า ร้านกรีน ร้านทีพีนิวส์ ร้านของเรา ร้านก็องดิด
ร้านต่างจังหวัด ร้านเล่า ร้านบุ๊ค รี: พับลิค ร้านเอกาลิเต้ ร้าน Buku Books & More (ร้านหนังสือบูคู ปัตตานี)
หรือส่งซื้อโดยตรงกับสำนักพิมพ์ได้ที่ http://www.sameskybooks.net/shop/

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น