เครือข่ายชาวสวนยาง 14 จังหวัดภาคใต้ ประกาศร่วมชุมนุมเคลื่อนไหว 3
ก.ย.นี้ พร้อมเรียกร้องประธานเครือข่ายชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย
พิจารณาตัวเองหลังฝ่าฝืนมติรับข้อเสนอรัฐบาล ด้าน
สกย.ไฟเขียวงดเก็บเงินสงเคราะห์ 4 ด. อุ้มชาวสวนยาง
กมธ.แก้ราคายาง-ส.ว.ใต้-แนะ 5 ทางออกให้รัฐบาลพิจารณา ชี้คิดผิดส่ง
"สุภรณ์" เจรจาเกษตรกร เชื่อมีสัญญาณตอบรับที่ดี คาด 2-3
วันนี้คงเจรจากันได้
ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงาน
ว่าเมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (30 ส.ค. 56)
ที่ห้องประชุมสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จ.กระบี่ นายธีระพงศ์
ตันติเพชราภรณ์ รองประธานเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย นายบุญโชติ
ร่มเย็น เลขาฯ เครือข่าย และตัวแทนเครือข่ายชาวสวนยาง 14 จังหวัดภาคใต้
ได้ร่วมประชุมหารือถึงแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องราคายางพาราที่ตก
ต่ำอยู่ในขณะนี้
ซึ่งในที่ประชุมได้แจ้งถึงผลการหารือแก้ไขปัญหากับทางรัฐบาล เมื่อวันที่ 28
สิงหาคมที่ผ่านมา ทางตัวแทนทางภาคใต้ไม่ยอมรับหลักการ
เพราะเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เช่น การจ่ายเงินสนับสนุนปัจจัยการผลิตละ
1,260 บาท สำหรับเกษตรกรที่มีสวนยางไม่เกิน 10 ไร่ เป็นต้น
และการรับข้อเสนอของประธานเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทยนั้น
เป็นการรับปากส่วนตัว ไม่ใช่มติของเครือข่าย
นายบุญโชติ ร่มเย็น เลขาฯ เครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
ในวันที่ 3 กันยายนนี้
ทางเครือข่ายและเกษตรกรชาวสวนยางจะเดินทางไปชุมนุมใหญ่ที่สหกรณ์การยาง
หรือที่โคออฟ จ.สุราษฎร์ธานี ตามแนวทางเดิม เนื่องจากรัฐแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาราคายาง
ส่วนกรณีที่ทางประธานเครือข่ายรับข้อเสนอของรัฐบาลนั้น
เป็นการทำผิดมติที่ประชุม คณะกรรมการเครือข่ายฯ
ซึ่งตนเห็นว่าประธานควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก
ซึ่งข้อเรียกร้องเดิมของเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย คือ
การให้ประกันราคายางรมควันชั้น 3 ราคา 101 บาทต่อ กก. ยางแผ่นดิบชั้น 3
ราคา 92 บาทต่อ กก. น้ำยางสด ราคา 81 บาทต่อ กก. และยางก้นถ้วยราคา 83
บาทต่อ กก. ส่วนแนวทางแก้ไขระยะยาว
รัฐบาลต้องมีการประกันราคาโดยการแทรกแซงเช่นเดียวกับผลิตทางการเกษตรอื่นๆ
เช่น ข้าว ข้าวโพด คาดว่าจะมีเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ประมาณ 2
หมื่นคนเข้าร่วมชุมนุม
มติ สกย.ไฟเขียวงดเก็บเงินสงเคราะห์ 4 ด.อุ้มชาวสวนยาง
30 ส.ค. 56 - ไทยรัฐออนไลน์รายงาน
ว่านายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ
เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.)ว่า
ที่ประชุมได้พิจารณาวาระเร่งด่วนตามข้อเสนอของผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยาง
เรื่อง การพิจารณาทบทวนการเก็บเงินสงเคราะห์ หรือเงินเซส
โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกันให้ยกเลิกการเก็บเงินสงเคราะห์เป็นเวลา 4
เดือน โดยคาดว่าจะมีผล 2 ก.ย.นี้ กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดปลายเดือน ธ.ค.2556
ทั้งนี้
เพื่อสนับสนุนมาตรการเร่งด่วนในการส่งเสริมผู้ประกอบการส่งออกยางพารา
ให้สามารถส่งออกสินค้าได้มากขึ้น
ซึ่งจะช่วยลดปริมาณผลผลิตยางพาราในประเทศลงได้
และสามารถรับซื้อยางจากเกษตรกรได้ในราคาที่สูงขึ้น
“ที่ประชุมได้มีการหารือทบทวนการเก็บเงินเซส
โดยนำข้อมูลสถานะการเงินของกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางมาพิจารณา พบว่า
สามารถบริหารจัดการโดยไม่กระทบการกับการดำเนินงานปกติของ
สกย.และการสนับสนุนการปลูกยางของเกษตรกรเป็นระยะเวลา 5-6 เดือน”
รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรฯ กล่าว
อย่างไรก็ตาม
สำหรับสาเหตุหลักที่กำหนดระยะเวลางดจัดเก็บเงินเซสเป็นเวลา 4 เดือน
เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ส่งออกยางในการซื้อยางกับเกษตรกรด้วยการลดต้นทุน
จากเดิมที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายเงินเซสในอัตรา 2 บาท/กิโลกรัม
เมื่องดจัดเก็บเงินเซส ต้นทุนค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็จะลดลง
โอกาสที่ผู้ประกอบการส่งออกจะเพิ่มปริมาณการซื้อยางจากเกษตรกรก็มีมากขึ้น
และเป็นการเพิ่มโอกาสการแข่งขันกับคู่ค้าในตลาดส่งออก
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้องค์การสวนยาง (อสย.)ประสานผู้ส่งออก
เพื่อหารือร่วมกันถึงแนวทางดังกล่าวในวันนี้ (30 ส.ค.2556) ที่ ก.เกษตรฯ
พร้อมทั้งมอบหมายให้สถาบันวิจัยยางตรวจสต๊อกของผู้ส่งออกทุกรายที่มีอยู่ขณะ
นี้ว่ามีเท่าไหร่และอยู่ทีไหนบ้าง
เพื่อให้การงดเก็บเงินเซสที่กำหนดขึ้นส่งประโยชน์ถึงเกษตรกรได้อย่างแท้จริง
ส่วนเรื่องการนำยางในสต๊อกที่มีอยู่ 2
แสนตันมาใช้สำหรับการบริโภคภายในประเทศนั้น ขณะนี้ก็มีความชัดเจนแล้ว
โดยรัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายให้นำยางพาราไปใช้ในด้านการคมนาคมและซ่อมแซมถนน
โดยคาดว่าจะเห็นข้อมูลงานวิจัยการนำยางพาราไปทำถนน
ของกรมทางหลวงในสัปดาห์หน้าว่าจะมีปัญหาทางด้านการจราจรหรือไม่
หากผลการวิจัยพบว่าไม่มีปัญหาใดๆ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที
รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรฯ
กล่าวถึงการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองฯ
ฝ่ายเศรษฐกิจที่ได้อนุมัติวงเงินช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรที่
มีพื้นที่ยางเปิดกรีดไม่เกิน 10 ไร่
และเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องเท่านั้น
ในอัตราการช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตไร่ละ 1,260 บาท วงเงินรวม 5,268
ล้านบาทว่า จะเสนอ ครม.พิจารณา 3 ก.ย.นี้
โดยก.เกษตรฯมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรแจ้งต่อเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียน
ไว้แล้วให้ยื่นแสดงความจำนงร่วมโครงการ
เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรสามารถดำเนินการได้ทันทีหลัง ครม.เห็นชอบ
ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ
ลงนามถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการระดับตำบล
ในการตรวจสอบพื้นที่ปลูกยางของเกษตรกร โดยให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.
ธ.ก.ส. และเกษตรตำบล เป็นกรรมการ และปลัดตำบลเป็นประธาน
เพื่อร่วมกันลงตรวจสอบพื้นที่ปลูกยางเป็นรายแปลง
และออกใบรับรองเพื่อเกษตรอำเภอส่งไปยัง
ธ.ก.ส.และจ่ายเงินสดเข้าบัญชีเกษตรกรต่อไป
ส่วนข้อเรียกร้องของเกษตรกรที่ให้ช่วยเหลือปัจจัยการผลิตจาก 10
ไร่เป็น 25 ไร่ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธินั้น
จะรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการขึ้นทะเบียนในครั้งนี้เสนอคณะกรรมการนโยบายยาง
แห่งชาติ (กนย.) พิจารณโดยเร่งด่วน และเสนอต่อไปยังคณะกรรมการกลั่นกรองฯ
ตามขั้นตอนอีกครั้งต่อไป.
กมธ.แก้ราคายาง-ส.ว.ใต้-แนะ 5 ทางออกให้รัฐบาลพิจารณา
ไทยรัฐออนไลน์ยัง
รายงานอีกว่าที่รัฐสภา นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา
ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการบริหารจัดการปัญหาราคา
ยางพาราตกต่ำ และแนวทางการส่งเสริมการพัฒนายางพาราทั้งระบบ วุฒิสภา
กล่าวถึงกรณีกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลประกันราคายางพารา
ว่า ขอเสนอแนวทางแก้ไขเฉพาะหน้า เห็นควรรัฐบาล ดำเนินการดังนี้
1.รัฐบาลต้องให้ข้อมูลให้ชัดเจน เกี่ยวกับตัวเลขต้นทุนการผลิต
และการดำเนินการตามโตรงการแทรกราคาผลผลิต ทางการเกษตร เช่น
โครงการรับนำจำข้าว โครงการพยุงราคายาง
โดยการใช้ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และสร้างความเข้าใจให้กับเกษตรกร
ส่วนข้อ 2.รัฐบาลควรงดเก็บเงินสงเคราะห์ชั่วคราว
เพื่อยกระดับราคายางให้สูงขึ้น
3.กำหนดแนวทางส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศให้เป็นวาระแห่งชาติ
โดยการนำยางพาราไปเป็นส่วนผสมในการทำถนนของหน่วยงาน ตามโครงการของภาครัฐ
4.ควรให้สถาบันเกษตรกรกู้เงินมาซื้อยางเพื่อแปรรูป
และเก็บสต๊อกไว้รอจำหน่ายเมื่อราคายางสูงขึ้น และ
5.รัฐบาลควรรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากเวทีรัฐสภา
และควรนำผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการชุดนี้ไปดำเนินการเป็นรูปธรรม
ทางด้าน พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า
ในส่วนที่เกษตรกรนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 3 ก.ย.นี้ ทาง ส.ว.ก็รู้สึกห่วงใย
และเกรงว่าสถานการณ์จะบานปลาย ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งเจรจา
โดยหาบุคคลที่มีความรู้และรับผิดชอบในเรื่องยางพาราจริงๆ มีความเป็นกลาง
อย่างรัฐมนตรี หรือปลัดกระทรวง ไม่ใช่สุดโต่งอย่าง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์
รองเลขาธิการนายกฯ เพราะแค่ลงไปเกษตรกรก็รับไม่ได้
อย่าใช้กำลังในการสลายการชุมนุม
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจ เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน
ส่วนที่จะมีการออกหมายจับแกนนำบางส่วนนั้น
เท่าที่สอบถามไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าไม่มีการออกหมายจับแกนนำ
เท่าที่ดูสัญญาณก็มีแนวโน้มไปในทางที่ดี คาดว่า 2–3 วันนี้
ก็จะสามารถเจรจากันได้
ประธานเครือข่ายชาวสวนยางอุบลฯ เผยพอใจรัฐช่วยปัญหาราคายาง สรุป 3 ก.ย.ไม่ไปชุมนุม
สำนักข่าวไทยรายงาน
ว่าเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 56 ประธานเครือข่ายชาวสวนยางอุบลฯ
เผยพอใจรัฐช่วยปัญหาราคายาง สรุป 3 ก.ย.ไม่ไปชุมนุม
ชี้หากสมาชิกบางคนไปก็เป็นสิทธิส่วนตัว และไม่มีการแตกแยกในกลุ่มสวนยาง
นายอดุลย์ โคตรพันธ์
รองประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรด้านยางพาราครบวงจรภาคอีสาน
และประธานเครือข่ายชาวสวนยางพาราจังหวัดอุบลราชธานี
ประชุมอีกรอบกับตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกรสวนยางจำนวน 35
กลุ่ม ที่สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดอุบลราชธานี วันนี้
(30 ส.ค.) เพื่อชี้แจงไม่ไปร่วมชุมนุมในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ที่ จ.นครราชสีมา
เนื่องจากที่กลุ่มชาวสวนยางภาคอีสานได้เข้าเจรจากับนายยุคล ลิ้มแหลมทอง
รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงและสหกรณ์แล้วจะมีการชดเชยปัจจัยการผลิตเป็นค่า
ปุ๋ยให้กับชาวสวนยางรายละ 25 ไร่
พร้อมสนับสนุนก่อสร้างโรงงานอบยางพาราในพื้นที่
มอบเงินหมุนเวียนใช้เป็นกองทุน และเงินกู้ดอกเบี้ยถูกกับสมาชิกชาวสวนยาง
จึงเห็นว่าการมีเงินกองทุนหมุนเวียนและการสร้างโรงงานรมควันยางพารา
จะเกิดประโยชน์กับชาวสวนยาง
เพื่อพัฒนาคุณภาพยางพาราให้ดีขึ้นนำไปสู่การส่งออกได้ด้วยตนเอง
โดยไม่ต้องรอการสนับสนุนจากภาครัฐ ดังนั้น วันที่ 3
ก.ย.นี้จะไม่ไปร่วมชุมนุม
อย่างไรก็ตาม นายอดุลย์ กล่าวว่า
ชาวสวนยางพาราในรายที่จะไปชุมนุมเรียกร้องนั้นถือเป็นสิทธิส่วนบุคลทำได้
แต่ไม่เกี่ยวกับเครือข่ายสถาบันเกษตรกรด้านยางพาราครบวงจรภาคอีสาน
และไม่ถือว่าเป็นความแตกแยกในกลุ่มชาวสวนยาง เพราะความเห็นอาจไม่ตรงกันได้
และแต่ละพื้นที่มีปัจจัยด้านการผลิตไม่เหมือนกัน
ซึ่งขณะนี้ชาวสวนยางจังหวัดอุบลราชธานีและอีกหลายจังหวัดในภาคอีสานทราบว่า
จะไม่ไปชุมนุมเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น